Saturday, 21 June 2025
ค้นหา พบ 48945 ที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นำทีมขยายผลปิด 2 คดีเกี่ยวกับเพศ ค้าประเวณีผ่านทวิตเตอร์ และแก๊งจีนไลฟ์สดมีเพศสัมพันธ์

ในห้วงเวลาที่ผ่านมา ศพดส.ตร. ได้ดำเนินการปราบปรามการค้ามนุษย์ และการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศหลากหลายรูปแบบมาอย่างต่อเนื่อง ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้มีการนำเสนอข่าวแล้วนั้น ในห้วงเดือนที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบขยายผลจับกุมคดีเกี่ยวกับการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศในพื้นที่ ภ.5 จำนวน 2 คดี ประกอบด้วย

กรณีที่ 1 นายหน้าค้าประเวณีผ่านทวิตเตอร์
เมื่อประมาณเดือน ก.ค.65 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการ TICAC ภ.5 ร่วมกับ บก.สอท.4 และ พม.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วยมูลนิธิ OUR ได้บูรณาการร่วมกันตรวจสอบกรณีพบการสร้างบัญชีทวิตเตอร์ และได้มีการโพสต์เสนอขายบริการทางเพศในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะจัดหาหญิงสัญชาติเมียนมามาบริการทางเพศ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สืบสวนและตรวจสอบบัญชีดังกล่าวจนทราบตัวผู้ใช้บัญชีดังกล่าว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 1 ราย ได้แก่...

นาง นานเกี๋ยงคำ อายุ 35 ปี สัญชาติเมียนมา
โดยจะดำเนินคดีในความผิดฐาน “เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม และเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม” 

ต่อมาเมื่อวันที่ 21 พ.ย.65 ที่ผ่านมา ชุดปฏิบัติการ TICAC สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ที่หอพักไม่มีชื่อ หมู่ 5 ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ พร้อมเข้าช่วยเหลือหญิงที่ถูกพามาให้บริการทางเพศชาวเมียนมาได้ จำนวน 5 คน ได้แก่...

1.เอลู่ หรือน้องพลอย สัญชาติเมียนมา(ไทใหญ่) อายุ 21 ปี
2.มน หรือน้องฝน สัญชาติเมียนมา(ไทใหญ่)  อายุ 19 ปี
3.นาน คาน ลู หรือน้องดาว สัญชาติเมียนมา(ไทใหญ่) อายุ 26 ปี
4.แสงนวล หรือน้องฟ้า สัญชาติเมียนมา(ไทใหญ่) อายุ 20 ปี
5.จาม จาม ลุงส่างอ่อง หรือน้องเมย์ สัญชาติเมียนมา(ไทใหญ่) อายุ 20 ปี 

โดยตัวผู้ต้องหามีพฤติการณ์ในการเป็นนายหน้าในการขายบริการทางเพศผ่านทางโซเซียลมีเดีย คิดค่าบริการ 1,000 บาท นายหน้าได้ 200 บาท และตัวหญิงที่ให้บริการจะได้ 800 บาท

กรณีที่ 2 แก๊งคนจีนไลฟ์สดมีเพศสัมพันธ์
หลังจากที่เมื่อวันที่ 26 พ.ค.65 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ TICAC ได้มีการเข้าตรวจค้นรีสอร์ท 2 แห่ง ในพื้นที่ จ.เชียงราย ตรวจพบแก๊งคนจีนเช่าสถานที่ดังกล่าวในการไลฟ์สดมีเพศสัมพันธ์ผ่านแอพจีน โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 14 คน รวมทั้งบุคคลต่างด้าวสัญชาติลาวอีก 30 คน ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียเคยนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ต.ค.65 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ TICAC ได้ทำการขยายผลจากกรณีดังกล่าว จนสืบทราบว่า ยังมีแก๊งคนจีนที่กระทำความผิดในลักษณะเดียวกันอีก โดยมีคนจีน 2 คนเป็นหัวหน้าแก๊งดังกล่าวคือ นางลีน่า และ นางโมโม่ สัญชาติจีน โดยมีการเช่าสถานที่ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.ชลบุรี ในการถ่ายทอดสดการมีเพศสัมพันธ์ และใช้นักแสดงเป็นคนไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหา

ต่อมา เจ้าหน้าที่สืบสวนได้สืบทราบว่า น.ส.ลีน่า และ น.ส.โมโม่ ได้แยกกันทำงานและเช่าสถานที่ถ่ายทำแบ่งเป็น 2 จุด จึงเดินเข้าตรวจค้นและจับกุมทั้ง 2 จุดดังกล่าว ประกอบด้วย 

1. บ้านต้นเกว่น ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่
จากการเข้าตรวจค้น พบผู้ต้องหา จำนวน 2 คน ได้แก่
1) นางเหวิน ลีน่า สัญชาติจีน เป็นหัวหน้าแก๊ง ทำหน้าที่คอยจัดการการถ่ายทอดสด จ่ายเงินให้นักแสดง และพากย์เสียงภาษาจีน 
2) นายปิยะพงษ์ หรือเอ้ วงษ์สุวรรณ ทำหน้าที่เป็นล่าม 

จึงได้จับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายดังกล่าวดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันเพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า หรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้, ร่วมกันกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยเป็นธุระจัดหา จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งเด็ก เพื่อผลิตหรือเผยแพร่สื่อลามก” นอกจากนี้ยังตรวจพบนักแสดง จำนวน 10 ราย โดยพบว่าเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ จำนวน 5 ราย 
2. บ้านเลขที่ 72/17 หมู่ 4 ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่
จากการเข้าตรวจค้น พบ ผู้ต้องหาจำนวน 3 คน ได้แก่...


1) นางซิง เอ้อ หง หรือโมโม่ สัญชาติจีน เป็นหัวหน้าแก๊ง ทำหน้าที่คอยจัดการการถ่ายทอดสด จ่ายเงินให้นักแสดง และพากย์เสียงภาษาจีน 
2) นายสุวรรณ หรือไบรท์  เป็นผู้ช่วย
3) น.ส.สรัลชนา หรือฉิง  เป็นล่าม
จึงได้จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 รายดังกล่าวดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันเพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า หรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้, ร่วมกันกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยเป็นธุระจัดหา จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งเด็ก เพื่อผลิตหรือเผยแพร่สื่อลามก” นอกจากนี้ยังตรวจพบนักแสดง จำนวน 9 ราย โดยพบว่าเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ จำนวน 5 ราย 

น่าห่วง!! ย้อนรอยการสอดไส้ใส่ยาพิษให้เยาวชน บิดเบือนประวัติศาสตร์ผ่านเครื่องมือตามกระแสนิยม

ย้อนรอยการสอดไส้ใส่ยาพิษให้เยาวชน

ใครจะคิดว่าเกมสำหรับเด็กมีการสอดไส้ด้วยข้อมูลเท็จ เพื่อให้เยาวชนซึมซับรับรู้ผ่านการเล่นสนุก โดยที่ไม่รู้ว่าเนื้อหาสาระของเกมคือการบิดเบือนความจริง ล่าสุดมีข่าวฮือฮาเรื่องบอร์ดเกม Patani Colonial Territory ที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิคณะก้าวหน้า ประเด็นความน่าเป็นห่วงอยู่ที่การบิดเบือนข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์ เพื่อให้เด็กเกิดภาพจำอันเป็นเท็จ

การบิดเบือนข้อมูลในเกม เช่น เรื่องเอ็นร้อยหวาย ที่ปัจจุบันในวงวิชาการยอมรับว่าเป็นเรื่องแต่งเพิ่มในภายหลังที่ไม่เป็นความจริง แต่สร้างขึ้นเพื่อสร้างความเกลียดชังรัฐสยาม และสถาบันหลักของชาติ เกมนี้จั่วหัวอย่างน่าสนใจว่า นี่คือบอร์ดเกมที่ชวนทุกคนตามรอยประวัติศาสตร์ที่หายไปของปาตานี เป็นผลผลิตของกลุ่ม ‘Chachiluk (จะจีลุ) ร่วมกับสำนักพิมพ์ KOPI โดยได้รับทุนสนับสนุนจาก Common School มูลนิธิคณะก้าวหน้า 

บอร์ดเกม Patani Colonial Territory ผลิตออกมาทั้งหมด 50 ชุด โดยจะแจกบอร์ดเกมทั้งหมดให้องค์กรต่าง ๆ เน้นที่กลุ่มนักศึกษา เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่มีความอ่อนไหวมาก หน่วยงานด้านความมั่นคงจึงจับตามองเป็นพิเศษ เพราะเกมนี้นำประวัติศาสตร์ที่เป็นประเด็นขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาออกแคมเปญโฆษณาเพื่อดึงเยาวชนเข้ามาเรียนรู้ข้อมูลในเกม 

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะนักการเมืองกลุ่มนี้เจาะกลุ่มเป้าหมายเยาวชนมาโดยตลอด ไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องเกม หากแต่พยายามเปลี่ยนแปลงข้อมูลความจริงในทุกระดับชั้น ด้วยการบิดเบือนหรือใช้ความจริงครึ่งเดียวมาบั่นทอนกร่อนเซาะสถาบันกษัตริย์ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ในระดับการล้มล้างสถาบันอันเป็นเสาหลักของชาติ

หลายครั้งที่ปรากฎข่าวว่ามีนักการเมืองบางพรรคและบางกลุ่ม เข้าไปพูดให้นักเรียนมัธยมฟังในสถานศึกษา ส่วนมากโน้มน้าวให้เกิดประเด็นขัดแย้งเรื่องสถาบันทหารหรือสถาบันกษัตริย์ แม้กระทั่งข้อมูลพื้นฐานบางอย่าง ก็มีทีมงานบิดเบือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขอยกตัวอย่างที่เห็นชัดตัวอย่างหนึ่ง คือโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ซึ่งก่อนหน้านั้นในวิกิพีเดียระบุว่าก่อตั้งโดยหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ต่อมามีการเข้าไปเปลี่ยนชื่อผู้ก่อตั้งเตรียมอุดมศึกษาเป็นจอมพลป.พิบูลสงคราม เมื่อศิษย์เก่าเข้าไปแก้ไขให้ถูกต้อง ก็มักมีการเปลี่ยนกลับมาเป็นชื่อจอมพล ป. พิบูลสงครามอยู่เสมอ

นอกจากนี้ยังมีการบิดเบือนข้อมูลทางประวัติศาสตร์หลายชิ้น เพื่อด้อยค่าสถาบันกษัตริย์ โดยใช้ชุดความคิดที่บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือให้ความจริงแค่ครึ่งเดียวในอดีตนำมาปัดฝุ่นใหม่ เพื่อนำมาสร้างเป็นชุดความคิด ป้อนเยาวชนคนรุ่นใหม่ เช่น มีการอ้างอิงเอกสารชุดหนึ่งว่านำมาจากซีไอเอ นำมาติดแฮชแทคโจมตีในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยกล่าวหาว่าพระองค์เป็นผู้สั่งสังหารนักศึกษา

เอกสารชุดนั้นตัดมาแค่ข้อความไม่กี่บรรทัดในภาษาอังกฤษ เมื่ออ่านฉบับเต็มอย่างไม่มีอคติแล้วพบว่า รัชกาลที่ 9 ไม่มีถ้อยรับสั่งให้ฆ่านักศึกษาแต่อย่างใด แต่หมายถึงต้องการให้ระงับเหตุการณ์รุนแรงในครั้งนั้น เอกสารชุดนี้เขียนขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2517  ไม่มีอะไรเกี่ยวกับการสั่งสังหารใครเลย เป็นเพียงซีไอเอรายงานให้ประธานาธิบดีรู้สถานการณ์ และการปฏิบัติงานของหน่วยงานอเมริกันในประเทศนั้น ๆ

มีการนำชุดข้อมูลดังกล่าวกลับมาวนฉายซ้ำ ปลุกเร้าให้เยาวชนเกลียดชังสถาบันอย่างถึงที่สุด ไม่เว้นแม้รัชกาลที่ 9 ซึ่งเสด็จสวรรคตไปแล้ว ก็ถูกลากมาก่นด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ข้อมูลชุดนี้นำมาวนหลายครั้งหลายหน พร้อมแฮชแทคประกอบว่ารัชกาลที่ 9 สั่งฆ่านักศึกษา เมื่อเยาวชนคนรุ่นใหม่เสพข้อมูลที่ถูก 'แปล' และ 'แปลง' ให้เชื่อ ก็เชื่ออย่างสนิทใจว่าทุกถ้อยคำคือความจริง จนกลายเป็นเบี้ยหมากในเกมการล้มสถาบันในที่สุด

ช่วงที่ม็อบสามนิ้วออกมาม็อบตามท้องถนน มีการว่าจ้างนักเขียนนิทานคนหนึ่ง ซึ่งมีแนวคิดสนับสนุนม็อบให้เขียนนิยายภาพสำหรับเด็ก โดยเป็นนิทานสำหรับเด็กสี่สี แต่เนื้อหาเต็มไปด้วยการสอดไส้ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องเป็ดน้อย แต่เขียนเล่าเรื่องเป็ดที่ตามหาประชาธิปไตย และเติบโตมาพร้อมกับเด็ก ๆ หรือ 10 ราษฎร เป็นเรื่องเล่าถึงผู้คนบนเส้นทางประชาธิปไตย มีการวาดภาพบรรดาแกนนำม็อบให้กลายเป็นฮีโร่ แปลกที่ไม่ยักบอกว่าฮีโร่เหล่านี้กำลังเดินเข้าคุกกันทุกคน

แต่ประเด็นที่โด่งดังและชัดเจนที่สุดคือ หนังสือประวัติศาสตร์ที่บิดเบือนประวัติศาสตร์ของ ณัฐพล ใจจริง รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา สองเล่มคือ 'ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ' และ 'ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี'  

เริ่มแล้ว!งานเกษตรภาคเหนือ ครั้งที่ 10 'นวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ เพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน'

เริ่มแล้ว งานเกษตรภาคเหนือ ครั้งที่ 10 'นวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน' ชูนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ กระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2565

เมื่อวันที่1 ธันวาคม 2565 ที่ ศูนย์วิจัย สาธิตและฝึกอบรมการเกษตรแม่เหียะ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดร.จรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิโครงการหลวง ประธานในพิธีเปิดงานเกษตรภาคเหนือ ครั้งที่ 10 'นวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน' ระหว่างวันที่ 1-12 ธันวาคม 2565 เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองวันสถาปนาครบรอบ 55 ปี ของคณะเกษตรศาสตร์ และเผยแพร่ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการเกษตรของในหลวงรัชกาลที่ 9 และการสืบสาน รักษา ต่อยอด แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 10 พร้อมทั้งเผยแพร่องค์ความรู้ ผลงานวิจัย และนวัตกรรมด้านเกษตรอัจฉริยะของคณะเกษตรศาสตร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ดรุณี นาพรหม คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวรายงาน พร้อมด้วย นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานเอกชน และประชาชนชาวเชียงใหม่ เข้าร่วมพิธีฯ

โอกาสนี้ ดร.จรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิโครงการหลวง  กล่าวชื่นชมยินดีกับพันธกิจที่คณะเกษตรศาสตร์ได้ดำเนินการ ทั้งในด้านการผลิตบัณฑิตที่มุ่งเน้นการเป็นวิทยาศาสตร์เกษตร การวิจัยค้นคว้าเพื่อสร้างนวัตกรรมสมัยใหม่ และแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร การบริการวิชาการเพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ไปสู่ชุมชน เกษตรกรและหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งการสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านการเกษตรกับองค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน 

'ดร.นิว' ถาม 'ธนาธร' ชี้นำความคิดให้ผู้อื่นกระทำสารพัด แล้วเคยบอกลูกให้ลาเครื่องแบบโรงเรียนนานาชาติหรือยัง?

(2 ธ.ค. 65) นายศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ 'ดร.นิว' นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ระบุว่า...

2 ปีผ่านมาแล้ว วันนี้ลูก ๆ ของคุณ Thanathorn Juangroongruangkit ได้บอกลาเครื่องแบบโรงเรียนนานาชาติคอนคอร์เดียนกับโรงเรียนนานาชาติไบร์ทตันแล้วหรือยัง?

ผมพูดจริงๆ นะ การที่คุณพล่ามบอกลูกๆ ของชาวบ้านให้ทำนู่นทำนี่สารพัด คอยชี้นำทางความคิดและยัดเยียดภาระหน้าที่อันหนักอึ้ง แต่ในขณะเดียวกัน คุณกลับไม่ได้พล่ามบอกลูกๆ ของตัวเองให้กระทำเช่นนั้นด้วย 

สุดท้าย คนอย่างคุณก็เป็นได้เพียงแค่นายทุนชนชั้นนำนักเผด็จการคนหนึ่ง ซึ่งมีส่วนร่วมในการสร้างความเหลื่อมล้ำ ชนชั้น และการเอารัดเอาเปรียบ แม้จะพูดจาสวยหรู แต่การกระทำกลับสวนทางกับคำพูดอย่างสิ้นเชิง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top