Sunday, 22 June 2025
ค้นหา พบ 48945 ที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ประสานทางการลาว จับกุม 2 ผู้ต้องหาปล้นฆ่าพ่อค้ารถหลุดจำนำ

จากกรณีเมื่อวันที่ 9 ต.ค. 65 เวลาประมาณ 05.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านเป็ด ภ.จว.ขอนแก่น ได้รับแจ้งเหตุพบศพผู้เสียชีวิต ทราบชื่อต่อมาคือ นายพนม ทิพย์รัตนมงคล อายุ 40 ปี สภาพศพอยู่ลักษณะนอนหงาย ในมือข้างซ้ายกำสร้อยคอรูปพรรณน้ำหนัก 1 บาท มือขวากำพระเลี่ยมทอง มีบาดแผลถูกยิงที่บริเวณด้านหลังทะลุหน้าอก 1 แผล และพบรอยกระสุนปืนบริเวณโคนอวัยวะเพศ 2 แผล เหตุเกิดที่บริเวณทางเข้าสนามบินขอนแก่น ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้รายงานไปแล้ว นั้น

จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ดำเนินการควบคุมการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีนี้มาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ คนร้ายมีการใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น และ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ มโนทัย ผกก.สภ.บ้านเป็ด ให้เร่งสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในครั้งนี้ให้ได้ 

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 8 ต.ค. 65 นายพนมฯ ผู้เสียชีวิต ได้มีการเสนอขายรถกระบะยี่ห้ออีซุซุ ดีแม็ก สีขาว ทะเบียน 1ขบ 2903 กทม. ซึ่งเป็นรถหลุดจำนำ ให้กับนายพันธรัตน์ หรือโก้ โดยได้มีการตกลงกันว่า จะมีการโอนเงินค่ามัดจำก่อน 19,000 บาท แล้วจะมีการจ่ายเงินที่เหลือตอนที่มีการนัดรับรถจริง ต่อมาในวันเดียวกัน ได้มีการนัดส่งมอบรถดังกล่าวที่บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท. อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด โดยนายพนมฯ ได้พาเพื่อนไปด้วย 2 คน ส่วนในฝั่งนายพันธรัตน์ฯ ได้ไปกับนายจิราวุฒิ หรือเบนซ์  แต่เมื่อพบกันแล้ว ทางนายพันธรัตน์ฯ อ้างว่า เงินสดที่เตรียมมาไม่พอจ่าย โดยจะมีเงินโอนจากลาวมาในเช้าวันรุ่งขึ้น จึงเลื่อนการนัดรับรถออกไปและแยกย้ายกันกลับ ต่อมาเช้าวันที่ 9 ต.ค. 65 เวลาประมาณ 05.00 น. นายพันธรัตน์ฯ ได้นัดให้นายพนมฯ ขับรถคันดังกล่าวมาส่งมอบให้ที่บริเวณทางเข้าสนามบินขอนแก่นที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบว่า ทางฝั่งนายพันธรัตน์ฯ มากัน 5 คน โดยขับรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์วี สีขาว มาด้วย ได้มีการลงไปพูดคุยกัน จากนั้นนายพันธรัตน์ฯได้ชักอาวุธปืนออกมา นายพนมฯ พยายามวิ่งหนี แต่ถูกนายพันธรัตน์ฯ ยิง 3 นัด จนล้มลงและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จากนั้นได้ขับรถกระบะที่นายพนมฯ นำมา หลบหนีไปทั้งหมด

หลังทราบข้อมูลดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย
1. นายพันธรัตน์ หรือโก้ อายุ 18 ปี
2. นายจิราวุฒิ หรือเบนซ์ อายุ 26 ปี
3. นายธนพล หรือเอ๊กซ์ อายุ 22 ปี
4. นายเกียรติศักดิ์ หรือบาส อายุ 26 ปี
5. นายอภิชาต หรือฟิว อายุ 22 ปี 

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดการประชุมการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยอาชญากรรมสัตว์ป่าระหว่างภูมิภาค

กระชับความร่วมมือองค์กรภาคีเครือข่ายในทวีปแอฟริกา เอเชีย และอเมริกาใต้ มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันปราบปรามการลักลอบกระทำผิดเกี่ยวกับสัตว์ป่า ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

วันนี้ (30 พ.ย. 65) ที่โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ เขตราชเทวี กรุงเทพฯ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปทส.ตร.) เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญและต้องการแก้ไขปัญหาการลักลอบกระทำความผิดเกี่ยวกับสัตว์ป่า ตลอดจนการตัดไม้ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วน มีมูลค่าความเสียหายสูง ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรของชาติในส่วนรวมและภาพลักษณ์ของประเทศไทยในระดับสากล

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.(ปป)/ผอ.ศปทส.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปทส.ตร. เข้าร่วมและเปิดการประชุมการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยอาชญากรรมสัตว์ป่าระหว่างภูมิภาค The Wildlife Inter-Regional Enforcement (WIRE) Meeting ณ โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการประชุมภายใต้ความร่วมมือของสำนักงานว่าด้วย  ยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก (UNODC) โดยมี ผู้แทนจาก กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช สำนักงานอัยการสูงสุด และกรมศุลกากร ตลอดจนผู้แทนองค์กรต่างประเทศ เช่น อธิบดีอัยการสูงสุดสาธารณรัฐเปรู อธิบดีกรมการศุลกากรสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ผู้แทน International Narcotics and law Enforcement พร้อมทั้ง ผู้แทนจากองค์กรที่เกี่ยวข้องจากทวีปแอฟริกา 15 ประเทศ ทวีปเอเชีย 11 ประเทศ และทวีปอเมริกาใต้ 5 ประเทศ เข้าร่วมประชุม              

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความสำคัญในการแสวงหาความร่วมมือจากพหุภาคีทั่วโลก สำหรับการประชุมวันนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและแลกเปลี่ยน ข้อมูล การจัดการกับอาชญากรข้ามชาติ เพื่อสนับสนุน  การพัฒนาข้อตกลงในการสืบสวนและบังคับคดี และเพื่อระบุวิธีการแก้ไขปัญหาที่เป็นรูปธรรม ในด้านความร่วมมือด้านการสืบสวน การดำเนินคดีและศุลกากร เพิ่มโอกาสในการสกัดกั้น การสืบสวน การแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และแผนประทุษกรรมของอาชญากรรมเกี่ยวกับสัตว์ป่า

‘ตร.’ เผย 2 เดือน จับยาเสพติดเฉียด 5 หมื่นคดี พร้อมทลาย ‘แก๊งต่างชาติ-ทุนจีน-พนันบอล’ เพียบ

ผบ.ตร.โชว์ผลงานรอบ 2 เดือน เน้นงานนโยบาย 5 ด้าน เร่งด่วน แก้ปัญหาผู้เสพกว่า 1.4 แสนราย จับกุมปืน 22,027 คดี กวาดล้างยาเสพติด 47,310 คดี พนันฟุตบอล 5,101 ราย ทลายเครือข่ายนายทุนจีน แก๊งต่างชาติ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

วันนี้ (30 พ.ย.65) เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยว่า ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะด้านอาชญากรรม ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน ด้านปัญหายาเสพติด อาวุธปืน สถานบริการ การพนัน คดีออนไลน์ และเครือข่ายคนต่างด้าวที่กระทำผิดกฎหมายในประเทศไทยอย่างเฉียบขาด จริงจัง และต่อเนื่อง โดยบังคับใช้ทุกมาตรการทางกฎหมาย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอแถลงผลการดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. - 28 พ.ย. 65 จำนวน 5 ด้าน ดังนี้

1.) สถิติอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (1 ต.ค.- 28 พ.ย.65) รับคำร้องทุกข์ 142,740 คดี  จับกุมได้ 131,349 คดี คิดเป็น ร้อยละ 92

(1.1) จับกุม อาวุธปืนและวัตถุระเบิด 22,027 คดี 20,316 คน (ปืนสงคราม 220 คดี, ปืนไม่มีทะเบียน 6,466 คดี, ปืนมีทะเบียน 529 คดี )

(1.2) คดีเกี่ยวกับการพนัน 15,407 คดี ผู้ต้องหา 18,170 คน จับกุมกรณี บ่อนการพนัน (20 คนขึ้นไป) 4 คดี ผู้ต้องหา 108 คน

โดยศูนย์ป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลโลก (World Cup 2022) มีผลปฏิบัติ จับกุมเจ้ามือ จำนวน 104 ราย (เจ้ามือ 57 ราย เจ้ามือออนไลน์ 47 ราย) ผู้เล่น 4,975 ราย (ผู้เล่นทั่วไป 4,559 ราย ผู้เล่นออนไลน์ 416 ราย) เดินโพย 22 ราย รวม จำนวนทั้งสิ้น 5,101 ราย โดยยึดของกลางโพยบอล 7,064 ใบ เงินสด 98,140 บาท รวมมูลค่า 1,268,000 บาท
(1.3) จับกุมความผิดเกี่ยวกับสถานบริการ 1,032 คดี ผู้ต้องหา 1,024 คน

2.) ด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติด

(2.1) ค้นหาและนำผู้สมัครใจเข้าสู่กระบวนการบำบัดฯ จำนวน 72,716 ราย และผู้เสพที่มีอาการ ทางจิตประสาท จำนวน 21,143 ราย รวมทั้งสิ้น 93,859 ราย

(2.2) ผู้เสพไม่สมัครใจบำบัดหรือกระทำผิดซ้ำ จับกุม จำนวน 46,980 ราย (กลุ่มฐานความผิดร้ายแรง (ผู้จำหน่าย ครอบครองเพื่อการค้า ซึ่งทำให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน) จำนวน 9,329 ราย โดยสามารถนำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย รวมทั้งสิ้น จำนวน 140,839 ราย ระยะเวลา ต.ค.-พ.ย.65 คิดเป็นร้อยละ 54 เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ พ.ศ.2565

(2.3) จับกุมยาเสพติด 47,310 คดี ผู้ต้องหา 46,453 คน ปริมาณของกลางยาบ้า 34,827,953 เม็ด ไอซ์ 67.88 กิโลกรัม เฮโรอีน 125.9 กิโลกรัม เคตามีน 406.5 กิโลกรัม โคเคน 2.4 กิโลกรัม และยาอี 1,217 เม็ด ดำเนินการตามยึดทรัพย์ ตามมาตรการฟอกเงิน 3 ราย

(2.4) ดำเนินโครงการชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรในพื้นที่ 1,483 หมู่บ้าน/ชุมชน จำนวนไม่น้อยกว่า 15,000 ราย โดยจะเริ่มดำเนินการได้ในห้วง ม.ค.-เม.ย.2566

3.) ด้านการแจ้งความออนไลน์ และ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี
สถิติการรับแจ้งความออนไลน์ตั้งแต่ 1 มี.ค. - 29 พ.ย.65 รับแจ้งความ 134,268 คดี พบว่า ข้อมูล 5 กลโกงที่พบการรับแจ้งมากที่สุด 
(1) คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้า 
(2) โอนเงินเพื่อหารายได้จากกิจกรรม 
(3) หลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน 
(4) หลอกให้ลงทุน 
(5) หลอกลวงทางโทรศัพท์แบบเป็นขบวนการ/Call Center)

ข้อมูล 5 กลโกงที่พบความเสียหายสูงสุด
1.หลอกให้ลงทุน (6.4 ลบ.) 
2.หลอกลวงทางโทรศัพท์แบบเป็นขบวนการ (2.1 ลบ.) 
3.โอนเงินเพื่อหารายได้จากกิจกรรม (2.0 ลบ.) 
4.หลอกให้รักแล้วลงทุน (0.99 ลบ.)
5.หลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน (0.67 ลบ.)
สามารถติดตามอายัดบัญชี 49,765 บัญชี สามารถอายัดได้ทัน 385,759,583 บาท

4.) ด้านเครือข่ายคนต่างด้าวกระทำผิดกฎหมาย ผบ.ตร. สั่งการให้ ผบช.สตม. ดำเนินการเพิ่มความเข้มในการคัดกรอง กวาดล้างและจัดระเบียบ คนต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย กระทำความผิดลักษณะเป็นเครือข่ายคนต่างด้าวกระทำผิดกฎหมายในประเทศไทย ดังนี้
(4.1) คัดกรองคนต่างด้าวมีการปฏิเสธคนต่างด้าวเข้าเมือง จำนวน 3,395 ราย คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง 2,005 ราย ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น 21 ราย และจัดระเบียบคนต่างด้าวในประเทศ ไม่รายงานตัวฯ 582 ราย (มาตรา 37) ไม่แจ้งที่พักอาศัยคนต่างด้าว 8,770 ราย (มาตรา 38) และจับกุมคนต่างด้าวอนุญาตสิ้นสุด (Overstay) จำนวน 1,073 ราย

(4.2) ขยายจับกุมเครือข่ายนายทุนจีนผิดกฎหมาย จากกรณี ร้านผับจินหลิง คดีที่เมื่อวันที่ 26 ต.ค.65 เข้าตรวจค้น พบผู้ใช้ยาเสพติดกว่า 104 ราย และพบยาเสพติดจำนวนมาก พร้อมตรวจยึดรถยนต์หรู จำนวน 35 คัน จากการขยายผลพบเพิ่มอีก 4 กรณี ได้แก่

(1) ร้านคลับวันพัทยา พื้นที่ สภ.เมืองพัทยา หลังการตรวจค้น พบยาเสพติดจำนวนมาก ผู้ต้องหา 4 ราย
(2) ร้านท็อปวัน พื้นที่ สน.สุทธิสาร มีกลุ่มคนจีนเป็นเจ้าของ โดยใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินี จำนวน 2 ราย
(3) ร้านจินหลิง พื้นที่ สน.ยานนาวา จับกุมขยายผลผู้ต้อง 4 ราย ได้ของกลางเป็นยาเสพติดประเภท เฮโรอีน ยาอี และแฮปปี้วอเตอร์ ตรวจค้นจุดต้องสงสัยกว่า 38 จุด ยึดรถหรู 5 คัน เงินสด 19 ล้านบาท หลังจากนั้นได้ขออนุมัติออกหมายจับเพิ่มอีก 2 ราย
(4) ร้านเบบี้เฟซ พื้นที่ สน.คลองตัน หลังตรวจค้นที่พัก พบสุราต่างประเทศ ไวน์ต่างประเทศ บุหรี่ต่างประเทศ บุหรี่ไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ และอาวุธปืน หลังจากรวบรวมพยานหลักฐาน ได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา เพิ่มจำนวน 4 ราย โดยคดีนี้อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้อง

(4.3) จับกุม คนต่างด้าวลักลอบเปิดเว็บพนันออนไลน์ เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 65 คนต่างด้าว 56 ราย ใช้ไทยเป็นฐานลักลอบเปิดเว็บพนันออนไลน์ เห่อซิง โดยมีเงินทุนหมุนเวียนกว่า 500 ล้านบาท

(4.4) จับกุมแก๊งค์อุ้มเรียกค่าไถ่ เมื่อวันที่ 1 พ.ย.65 ผู้ต้องหา 2 ราย เกี่ยวข้องกับแก๊งอุ้มตัดนิ้วเพื่อนร่วมแก๊งเรียกค่าไถ่ 37 ล้านบาท

(4.5) จับกุมคนต่างด้าวสวมบัตรประชาชน เมื่อวันที่ 9 พ.ย.65 จับกุมนายทุนรายใหญ่ สวมบัตรประชาชนไทย ตามหมายจับศาล จว.ปัตตานี จ.125/65 ยึดของกลางหลายรายการ เช่น ชุดเครื่องแบบฯ ติดป้ายชื่อ รถยนต์ 2 คัน (ติดธงจีนคล้ายรถสถานทูต) หนังสือเดินทาง 3 เล่ม

(4.6) จับกุม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างชาติ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.65 รวบหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หนีซุกไทยเสวยสุข ตามหมายจับฯ ข้อหา เกี่ยวกับยาเสพติด การฉ้อโกง การลักทรัพย์ เป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสาธารณะ หนังสือเดินทางปลอม ตรวจยึด รถยนต์ยี่ห้อ Ferrari 1 คัน มูลค่ากว่า 24 ล้านบาท
(5.) โครงการ ‘ทำดี มีรางวัล’ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ ผบ.ตร. ได้มอบเกียรติบัตรตามโครงการ ‘ทำดี มีรางวัล’ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 8 เรื่อง โดยเป็นข้าราชการตำรวจ จำนวน 12 นาย และประชาชน 3 นาย เช่น การช่วยเหลือ ประชาชน นำส่งเด็กผลัดหลง การปฐมพยาบาล (ปั้มหัวใจ) ช่วยเหลือรถจักรยานยนต์ตกคลอง การจับกุมคนร้ายใช้อาวุธปืน ช่วยเหลือเด็กหญิง เจรจาคนพยามยามจะกระโดดสะพาน ใช้ไหวพริบในการจับกุมยาเสพติดกว่า 5 ล้านเม็ด

‘บิ๊กตู่’ ชี้ ห้ามฟ้าห้ามฝนยาก แนะเกษตรกร เตรียมพร้อมรับมือ เพื่อสร้างผลผลิต-รายได้ อย่างยั่งยืน

ธรรมชาติ เราห้ามไม่ได้ ห้ามฝนตกห้ามฟ้าร้อง ห้ามไม่ได้ แต่เราจะต้องเตรียมความพร้อมรับมือ โดยเฉพาะภาคการเกษตร เพื่อสร้างผลผลิต สร้างรายได้ ให้ได้มากขึ้นอย่างยั่งยืน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top