Tuesday, 1 July 2025
ค้นหา พบ 49115 ที่เกี่ยวข้อง

แถลงไข!! ‘พระจันทร์สีเลือด’ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ พิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ มิใช่สัญญาณบอกเหตุลางร้าย

เมื่อวันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง และเป็นเทศกาลลอยกระทงในรอบ 3 ปี ของประเทศไทย ที่ประชานชนทุกภาคได้มีโอกาสลอยกระทง และมีการจัดงานอย่างเต็มรูปแบบหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และมีเรื่องราวหนึ่งที่มาพร้อมกับการเกิดพระจันทร์เต็มดวงที่ตรงกับเทศกาลลอยกระทงปีนี้คือ การเกิดปรากฏการณ์ลักษณะสีของดวงจันทร์ที่มีสีแดงอิฐคล้ายสีเลือด หรือเรามักเรียกกันว่า ‘พระจันทร์สีเลือด’ นั่นเอง 

เมื่อเกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้น ก็จะมีคนในวงการหมอดูหรือทางโหราศาสตร์ออกมาแสดงความคิดเห็นกัน รวมทั้งเล่าเรื่องราวที่สืบต่อกันมา ว่าจะเป็นสัญญาณในการเกิดเหตุร้าย และมีบางสำนักออกมาบอกถึงขั้นว่าไม่ควรจะไปโดนแสงที่เกิดจากพระจันทร์สีเลือด เพราะจะทำให้เกิดเภทภัยภยันตรายตามมา 

บางรายก็บอกลงลึกไปถึงขั้นว่า คนที่เกิดราศีไหนจะเกิดผลกระทบมากที่สุดเมื่อโดนแสงจันทร์สีเลือด และมีคำเตือนไม่ให้คนในราศรีนี้ออกไปข้างนอกในช่วงเวลาดังกล่าว หนักถึงขั้นบางสำนักมีวิธีการในการแก้ไขว่าต้องทำกิจกรรมอะไรถึงจะแก้ไขเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นเนื่องจากพระจันทร์สีเลือดอีกด้วย

สำหรับเรื่องพระจันทร์สีเลือดนี้ ผู้เขียนจะขอพูดถึงลักษณะปรากฏการณ์ที่ทำให้พระจันทร์มีสีเลือดกัน โดยใช้ 'หลักการทางวิทยาศาสตร์' ที่ได้ข้อมูลมาจากสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติมาอธิบายกันครับ 

ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 เกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 15.02 - 20.56 น. (ตามเวลาประเทศไทย) โดยเราจะเริ่มสังเกตเห็นได้ตั้งแต่ช่วงที่ดวงจันทร์โผล่พ้นขอบฟ้า ในเวลาประมาณ 17.44 น. เป็นต้นไป ทางทิศตะวันออก ตรงกับช่วงที่กำลังเกิดคราสเต็มดวง มองเห็นดวงจันทร์เต็มดวงปรากฏเป็นสีแดงอิฐ จนถึงเวลาประมาณ 18.41 น. 

จากนั้นเริ่มเห็นดวงจันทร์ปรากฏเว้าแหว่งบางส่วนและค่อย ๆ ออกจากเงามืดของโลก จนกระทั่งเข้าสู่เงามัวหมดทั้งดวงในเวลา 19.49 น. เปลี่ยนเป็นจันทรุปราคาเงามัวที่สังเกตได้ยาก เนื่องจากความสว่างของดวงจันทร์เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และสุดท้ายดวงจันทร์พ้นจากเงามัวของโลกเวลา 20.56 น. ถือว่าสิ้นสุดปรากฏการณ์จันทรุปราคาในครั้งนี้โดยสมบูรณ์  

ขณะเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงเมื่อแสงของดวงอาทิตย์ ผ่านบรรยากาศโลก แสงสีน้ำเงินที่มีความยาวคลื่นสั้นกว่าจะถูกบรรยากาศกระเจิงออกไปหมด เหลือแต่แสงสีแดงที่มีความยาวคลื่นยาวกว่าหักเหไปตกกระทบบนผิวดวงจันทร์ จึงมองเห็นดวงจันทร์เป็นสีแดง 

คะแนนนิยม ‘ไบเดน’ ดิ่ง!! แตะ 39% รับเลือกตั้งกลางเทอม ส่อแวว!! ส่ง ‘รีพับลิกัน’ แลนด์สไลด์ทั้งสภา ‘ล่าง-บน’

ผลสำรวจล่าสุดเผยคะแนนนิยมของประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ลดลงไปอยู่ที่ 39% เกือบแตะระดับต่ำสุดตั้งแต่เป็นผู้นำสหรัฐฯ มา สะท้อนมุมมองนักวิเคราะห์ว่าศึกเลือกตั้งกลางเทอมวันที่ 8 พ.ย. น่าจะเป็นศึกหนักที่ทำให้พรรคเดโมแครตของ ไบเดน เข้าขั้น ‘สะบักสะบอม’

ผลสำรวจความคิดเห็นโดยรอยเตอร์/อิปซอสซึ่งเผยแพร่เมื่อวานนี้ (7 พ.ย.) พบว่า คะแนนนิยมในการทำงานของ ไบเดน ลดลงไปอีก 1 จุด ใกล้แตะระดับต่ำสุดตั้งแต่เป็นประธานาธิบดี ซึ่งทำให้หลายฝ่ายยิ่งเชื่อว่ารีพับลิกันมีโอกาสสูงมากที่จะพลิกกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร หรือแม้แต่กระทั่งวุฒิสภาด้วยในวันอังคาร (8 พ.ย.)

ศูนย์เพื่อการเมืองแห่งมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียคาดการณ์ว่า พรรครีพับลิกันจะเป็นฝ่ายชนะได้ครองเสียงส่วนใหญ่ในสภาล่าง โดยมีจำนวน ส.ส.เพิ่มขึ้น 24 ที่นั่ง และอาจกุมเสียงข้างมากในวุฒิสภาแบบปริ่ม ๆ น้ำได้ด้วย

ทั้งนี้ หากได้คุมเสียงข้างมาก ไม่ว่าจะสภาใดสภาหนึ่งหรือทั้ง 2 สภา ย่อมจะทำให้พรรครีพับลิกันมีอำนาจพอที่จะขัดขวางร่างกฎหมายสำคัญ ๆ ที่เสนอโดยคณะบริหารของไบเดน

'แท็กซี่-สามล้อ-วินมอฯ' มีเฮ!! หลังรัฐลดภาษีประจำปี มีผลบังคับใช้แล้ว จ่ายแค่ 10% นาน 1 ปี

(9 พ.ย. 65) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้พระราชกฤษฎีกาลดภาษีประจำปี สำหรับรถยนต์รับจ้างและรถจักรยานยนต์สาธารณะ พ.ศ. 2565 มีผลบังคับใช้แล้ววันนี้ (9 พฤศจิกายน2565) โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ลดภาษีประจำปีสำหรับรถยนต์รับจ้างและรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่ครบกำหนดเสียภาษีประจำปีในระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2566 ลงร้อยละ 90 ของอัตราภาษีประจำปีท้ายพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 เพื่อช่วยลดต้นทุนการประกอบการรถสาธารณะทั้งรถยนต์รับจ้าง หรือแท็กซี่, รถยนต์รับจ้างสามล้อ และรถจักรยานยนต์สาธารณะ หรือวินมอเตอร์ไซค์

ศาลสั่งสอบเพิ่ม 16 เอี่ยว 'แก๊งฟอเร็กซ์' ร่วมตุ๋นประชาชน 14 คนรับทราบข้อหา อีก 2 ชิ่ง เตรียมถูกล่าข้ามแดน

ตามที่พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 มีหนังสือแนะนำให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินคดีแก่บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (Forex 3D) เพิ่มเติมอีกจำนวน 16 ราย และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้อนุมัติให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 273/2565 นั้น

วานนี้ (8 พ.ย. 65) คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ คดีพิเศษที่ 273/2565 จึงได้ดำเนินการยื่นคำร้องขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองรายที่หลบหนีไปดังกล่าวต่อศาลอาญา และศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองรายดังกล่าวแล้ว ตามหมายจับของศาลอาญาที่ 2411/2565 และ ที่ 2412/2565 ตามลำดับ ทั้งนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จะได้ดำเนินการประสานงานกับกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ เพื่อดำเนินการขอส่งตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายเป็นผู้ร้าย ข้ามแดนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

‘ลูกชายบุญทรง’ ขอท้าชน ‘ตระกูลชินวัตร’เข้าสังกัด พปชร. ชิงเก้าอี้ ส.ส. เชียงใหม่

ย้อนปูมยิ่งลักษณ์ - บุญทรง..กับการโกหกคำโต ปล่อยลูกน้องติดคุกเดียวดายไร้การเหลียวแล สุดท้ายกลายเป็นรอยแค้น ส่งผ่านถึงทายาทบุญทรง เตรียมลงชิงเก้าอี้ ส.ส. เชียงใหม่ เขต 5 หรือลูกจะชำระแค้นแทนพ่อ

กลายเป็นประโยคอมตะทางการเมืองไปแล้ว สำหรับประโยคบอกเล่า แต่เป็นการเล่าความเท็จหรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า ‘โกหกหน้าด้าน ๆ’ ประโยคนั้นคือ “พี่คะ..รอหนูแป๊บ.. ใกล้ถึงแล้วค่ะ” แล้วคนพูดก็หายตัวไปโผล่อีกทีที่ต่างแดน ทิ้งให้คนรอเดินคอตกเข้าคุกยาว จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้ออกมา

คำว่า ‘หิริโอตัปปะ’ หรือความละอายต่อบาปคงใช้กับสองพี่น้องตระกูลชินวัตรไม่ได้ พี่ชายหักหลัง ‘สมัคร สุนทรเวช’ หลอกให้แต่งชุดขาวเต็มยศมารอเก้อ ส่วนคนน้องก็หลอกลูกน้องมารอหน้าศาล แล้วล่องหน

ส่วนคำโกหกอีกครั้ง ของพี่น้องตระกูลชินวัตร เกิดขึ้นภายหลังจากพรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ซึ่งในครั้งนั้นพรรคเพื่อไทยได้จำนวน ส.ส. 265 คน  

การเลือกตั้งครั้งดังกล่าวส่งผลให้ ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย โดยมีนโยบายสำคัญที่โดนใจชาวบ้าน อย่าง โครงการรับจำนำข้าว และโครงการรถคันแรก

อย่างไรก็ดี จากผลพวงนโยบายรับจำนำข้าวที่ผิดพลาด ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่กลายเป็นโครงการที่มีการทุจริตคอร์รัปชันมากที่สุด สร้างความเสียหายให้รัฐนับแสนล้านบาท และมีผู้ที่เกี่ยวข้องต้องเดินคอตกเข้าคุกกันเป็นแถว

หลายคนอาจจำไม่ได้ว่าเรื่องนี้มีความเป็นมาอย่างไร ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาคดี ‘ทุจริตจำนำข้าว’ อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ‘น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นจำเลย ฐานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 

เช้าวันนั้นชาวเสื้อแดงแห่มาให้กำลังใจนายหญิงเนืองแน่น  แต่นายหญิงไม่โผล่มาตามนัดหมาย ศาลฯ อ่านคำพิพากษาคดี ‘บุญทรง เตริยาภิรมย์’ อดีต รมว.พาณิชย์ ติดคุกแทน ถึง 42 ปี ในคดีทุจริตระบายแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี  และชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 16,000 ล้านบาท ทำให้บุญทรงตรงเข้าคุกทันที 

ตอนหลังมีการเปิดเผยว่า นายหญิงชินวัตรโทรหาบุญทรงแล้วหลอกว่า พี่คะ.. รอหนูแป๊บ..ใกล้ถึงแล้วค่ะ แต่สุดท้ายก็ให้บุญทรงรอเก้อ ทิ้งทุกคนให้ติดคุก ไอ้คำว่า “ใกล้ถึงแล้วค่ะ” นี่น่าจะหมายถึงใกล้ถึงชายแดนเขมรที่มีตำรวจนายหนึ่งพานายหญิงหนีนั่นแหละ หักหลังซึ่งหน้า ทั้งที่บุญทรงทำงานรับใช้ใกล้ชิดครอบครัวทักษิณ ชินวัตรมาตลอด 

ต่อมามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562 เพิ่มโทษบุญทรง อีก 6 ปี จากเดิมในชั้นศาลอุทธรณ์ ถูกจำคุก 42 ปี เพิ่มเป็น 48 ปี  เมื่อไม่นานมานี้ บุญทรงขออนุญาตออกจากคุกเพื่อมางานศพแม่ 

ภาพ บุญทรง  เตริยะภิรมย์ ที่เคยหล่อเหลาแข็งแรงคือภาพชายร่างผอมซูบซีดผมหงอกขาว ท่ามกลางความโศกเศร้าของผู้มาร่วมงาน กลับไม่ปรากฎเงาของสมาชิกตระกูลชินวัตรเลยแม้แต่คนเดียว จนถึงทุกวันนี้  บุญทรงยังเก็บงำความลับตระกูลชินวัตรไว้อย่างเหนียวแน่น เช่นเดียวกับตอนที่บอกเพื่อนรักอย่างสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เกี่ยวกับคดีจีทูจีเก๊โครงการรับจำนำข้าว ว่า ‘กูพูดไม่ได้’


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top