Wednesday, 2 July 2025
ค้นหา พบ 49138 ที่เกี่ยวข้อง

ผบ.ตร.โชว์ความพร้อมด้านความปลอดภัยประชุม APEC 2022 ระดมกวาดล้างอาชญากรรมครั้งใหญ่ จับผู้ต้องหาคดียาเสพติด และอาวุธปืน หมายจับค้างเก่า กว่า 60,000 ราย สร้างความเชื่อมั่นให้นานาชาติ

วันนี้ (8 พ.ย.65) เวลา 10.30 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.,พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.,พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 ,พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.ภ.8 ร่วมแถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับนานาชาติ และประชาชน ก่อนการประชุม APEC 2022

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีระดมกวาดล้างปราบปรามผู้กระทำความผิดที่ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนเถื่อน อาวุธปืนสงคราม ยาเสพติด และหมายจับค้างเก่า ก่อนที่จะมีการจัดการประชุมผู้นำ APEC ปลายเดือนนี้  เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โดยมีการระดมกวาดล้างในห้วงระหว่างวันที่ 10 ต.ค. - 8พ.ย. 65 ผลการดำเนินการ ดังนี้

1. ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุน ทั้งสิ้น 11,811 คดี ผู้ต้องหา 10,450 คน ของกลางอาวุธปืนสงคราม 36 กระบอก ปืนไม่มีทะเบียน 5,345 กระบอก มีทะเบียน 936 กระบอก วัตถุระเบิด 4,342 รายการ และเครื่องกระสุน 37,045 นัด 

2. ผู้ต้องหาคดียาเสพติด 41,803 คดี ผู้ต้องหา 43,027 คน ของกลางยาบ้า 49,580,083 เม็ด 

3. จับบุคคลตามหมายจับคดีอาญาได้ 9,465 หมายจับ ผู้ต้องหา 9,255 คน

สำหรับงานสืบสวนสอบสวนได้มีการระดมเร่งรัดหมายจับค้างเก่าทั้งประเทศ ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีการจับกุมหมายจับค้างเก่าไปแล้วกว่า 50% ส่วนด้านการป้องกันปราบปราม มีการระดมจับกุมผู้ต้องหาเกี่ยวกับอาวุธปืนและยาเสพติด ขณะนี้มีการขยายผลต่อเนื่องไปถึงต้นทางการผลิต โดยจะได้ปราบปรามอย่างครบถ้วนทุกมิติ 

ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า คดีที่น่าสนใจ ภ.5 สามารถจับกุมนายวีรยุทธ สงวนนามสกุล ผู้ต้องหาจำหน่ายอุปกรณ์ปืน บีปีกัน แบลงค์กัน และได้ผลิตแปลงอาวุธปืนแบลงค์กัน ใส่ลำกล้องปืน 9 มม. ให้เป็นอาวุธปืนที่สามารถยิงกระสุนจริงได้ โดยเปิดร้านชื่อ CHAROEN AIRSOFT 4289 ผ่านแพลตฟอร์มลาซาด้า โดยมีช่องทางติดต่อผ่านไลน์ Line Official '@612mrgnd' และใน Facebook เพจของ CHAROEN AIRSOFT 4289

'บิ๊กป้อม' ปลื้ม!! วิ่งเทรลชิงแชมป์โลกในไทยไปได้สวย มั่นใจ!! เป็นสินค้าท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ของประเทศ

พล.อ.ประวิตร ชื่นชมความสำเร็จยิ่งใหญ่ ไทยจัดแข่งวิ่งเทลชิงแชมป์โลกครั้งแรก ร่วมแสดงความยินดีผู้ได้รับรางวัลนักกีฬาต่างชาติ สร้างปรากฏการณ์ด้านกีฬาระดับสากล บนแผ่นดินไทยหลังโควิด-19 คลี่คลาย 

(8 พ.ย. 65) ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า ก่อนการประชุม ครม. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิก แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จ อย่างยิ่งใหญ่ ต่อคณะกรรมการจัดการแข่งขันวิ่งเทลภูเขา ชิงแชมป์โลกครั้งที่ 1 รายการ ‘AMAZING THAILAND WORLD MOUNTAIN & TRAIL RUNNING CHAMPIONSHIPS’ พร้อมทั้งได้แสดงความชื่นชม ต่อนักกีฬาต่างชาติที่เข้าร่วมการแข่งขันและได้รับรางวัลแชมป์โลกและรองแชมป์โลกที่มาร่วมคณะ ในโอกาสนี้ ประกอบด้วยนักกีฬาจากประเทศสหรัฐฯ, เคนย่า, อูกานด้า, อิตาลี และอังกฤษ 

ทริปเยือนปักกิ่งสุดแปลกของ 'โอลัฟ ช็อลทซ์' เมื่อเยอรมนีเล่นบทแยกหมู่ เพื่อหวังความอยู่รอด

เมื่อวันศุกร์ (3 พฤศจิกายน 2022) โอลัฟ ช็อลทซ์ ผู้นำของเยอรมนี ได้เดินทางเยือนกรุงปักกิ่งอย่างเป็นทางการในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่เกิดยุค Covid-19 เป็นต้นมา ทำให้เยอรมนีกลายเป็นประเทศแรกในกลุ่ม G7 ที่ส่งผู้นำมาเยือนปักกิ่ง และยังเป็นผู้นำชาติมหาอำนาจตะวันตกคนแรกจริงๆ ที่มาหาลุงสี จิ้นผิง ถึงบ้าน ในยุค 'สี เทอม 3'

ดังนั้นอย่าแปลกใจเลยว่า ทำไมทริปของ โอลัฟ ช็อลทซ์ ถึงถูกวิจารณ์หนักทั้งจากในบ้าน และ พันธมิตรนอกบ้าน ว่าผู้นำเยอรมนี ประเทศเสาหลัก EU อยู่ดี ๆ มารับบท 'นายย้อนแย้ง' ที่ปากก็บอกว่าจะพยายามให้เศรษฐกิจเยอรมนีพึ่งพาจีนน้อยลง เพราะเข็ดแล้วกับการที่เยอรมนีไปพึ่งพาน้ำมันราคาถูกจากรัสเซียมาหลายสิบปี พอเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็เดือดร้อนด้านพลังงานกันไปหมด 

แต่กลับกลายเป็นว่า ผู้นำเยอรมนี พาคณะนักธุรกิจชั้นนำของประเทศ ทั้ง Volkswagen/ Deutsche Bank/ Siemens ฯลฯ บินลัดฟ้าไปหาลุงสี่ถึงปักกิ่ง ด้วยเหตุผลว่าเป็นการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างกัน

แถมก่อนหน้านี้ รัฐบาลเยอรมนีเพิ่งอนุมัติให้ COSCO  บริษัทชิปปิ้งของรัฐบาลจีนสามารถถือหุ้นในท่าเรือฮัมเบิร์ก ซึ่งเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนีได้ถึง 24.9% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่รัฐบาลเยอรมนีให้สุดเพดานได้เท่านี้ เพราะจีนเคยเสนอขอซื้อหุ้นท่าเรือเยอรมนีถึง 35% และเพิ่งจะปิดดีลซื้อหุ้นท่าเรือกันแค่สัปดาห์เดียวก่อนที่ผู้นำเยอรมนีจะมาเยือนจีน จนชาวเยอรมนีชักจะงงแล้วว่า ตกลงว่าเราจะพึ่งจีนน้อยลงแน่นะ โอลัฟ????

ความประหลาดของโอลัฟ ทริป ยังไม่หมดแค่นี้!!

การไปเยือนจีนของผู้นำเยอรมนีไม่ได้เป็นความลับ พันธมิตรผู้ใกล้ชิดอย่างฝรั่งเศสก็รู้ว่าทริปนี้จะต้องเกิดขึ้นสักวันแน่ ๆ แต่ เอมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศสเคยติงว่า ถ้าโอลัฟ จะไป ยูว์อย่าไปคนเดียว ฝรั่งเศสขอไปด้วย เพื่อแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทีมพันธมิตรยุโรป อำนาจการต่อรองก็มีน้ำหนักขึ้น 

แต่สุดท้าย โอลัฟ ช็อลทซ์ ก็เลือกฉายเดียวมาจีนคนเดียว ทิ้งให้เอมานูเอล มาครง เหวออยู่ในทำเนียบที่ปาแลเดอเลลีเช่ 

แล้วก็เป็นการมาเยือนอย่างเป็นทางการที่สุดแสนจะแปลก อุตสาห์บินกันมาจากเบอร์ลินทั้งที แต่กลับจัดให้เป็นการมาเยือนแค่ One Day Trip 

โดยก่อนขึ้นเครื่องบิน คณะเดินทางต้องตรวจ PCR-Test กันถึง 2 รอบ พอลงเครื่องที่ปักกิ่ง ต้องตรวจ Covid ที่จีนอีก 1 รอบ ยกเว้นผู้นำเยอรมนี ที่ขอใช้ชุดตรวจของเยอรมนีเท่านั้น โดยมีเจ้าหน้าที่จีนสังเกตการณ์ 

แล้วผู้นำเยอรมัน และตัวแทนนักธุรกิจก็มาพบปะ พูดคุยกันที่ทำเนียบจีน ปิดดีลเสร็จภายในวันเดียวแล้วบินกลับเลย ซึ่งสื่อเยอรมนีลงความเห็นว่า เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะต้องค้างคืนข้ามวันในโรงแรมที่พักของจีน 

และแน่นอนว่าก่อนขึ้นเครื่องกลับ ต้องถูกจับตรวจ Covid กันอีกรอบ และถ้าเกิดมีใครสักคนในคณะมีผลเป็นบวกขึ้นมาหละก็ ทุกคนในคณะต้องร่วมกันเซ็นรับรองที่จะยอมรับความเสี่ยงว่าต้องพาผู้ที่มีผลตรวจไม่ผ่านขึ้นเครื่องบินกลับมาพร้อมกันทั้งหมด เพื่อไม่ทิ้งให้ผู้ร่วมคณะต้องถูกกักตัวไว้ที่เมืองจีนสักคน 

แล้วก็ไม่ได้บินตรงจากปักกิ่ง กลับเบอร์ลินเลยนะ  ต้องมาเปลี่ยนเครื่องใหม่กันที่เกาหลีใต้ก่อนค่อยบินกลับอีกต่างหาก 

เรียกว่าไม่ไว้ใจกันขนาด.. แต่ก็ยังต้องยอมไปคุยเพื่อความอยู่รอด แล้วก็ไม่สนใจว่าทางรัฐบาลจีนจะรู้สึกอย่างไร ที่เห็นว่าผู้นำเยอรมันทำเหมือนอยากจะมาหานะ แต่ไม่อยากอยู่ คุยนานไม่ได้ ยังไม่ทันเปิดโต๊ะจีนเลี้ยงก็สั่งลาซะแล้ว เพราะระแวงโรค ระแวงสปาย ระแวงไปหมด😑

ทำให้ทริปไปจีนของ โอลัฟ ช็อลทซ์ ดูประดัก ประเดิด ไม่รู้จะไปสุดที่ตรงไหน จะไปเพื่อข้อตกลงทางการค้า เวลาพบหน้ากันก็น้อยเกินไป จะไปสานสัมพันธ์ทางการทูต ยิ่งดูพังไปกันใหญ่ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ไว้ใจกัน ลุงสี คงนึกด่าอยู่ในใจว่าถ้าจะมาล่กๆ แบบนี้ วิดิโอคอล คุยกันก็ได้มั้ง 5G ของจีนก็ไวอยู่ ประชุมทีละพันคนยังไหว

ด้านพันธมิตรยุโรปก็เริ่มสงสัยว่า เยอรมันจะหาทางตัดช่องน้อย แยกวงเอาตัวรอดไปคนเดียวแล้วกระมัง ส่วนการเมืองภายในบ้านไม่ต้องพูดถึง โดนทั้งพรรคร่วม และฝ่ายค้านโจมตีหนักมากว่า โอลัฟ ช็อลทซ์ เดินทางไปเป็นตรายางรับรองรัฐบาลสี่ จิ้นผิง 3 ให้ถึงที่ ทั้งๆ ที่จีนมีประเด็นด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการปราบปรามกลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตยที่ฮ่องกง ซึ่งขัดกับหลักการ และจุดยืนของทางเยอรมันเขา

'ศูนย์สิริกิติ์' ยัน!! ขอใช้ทุกประสบการณ์ที่ผ่านมา นำพาความประทับใจแก่ทุกผู้ร่วมประชุมเอเปก 2022

ศูนย์ฯ สิริกิติ์ ชวนคนไทยร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 ส่งเสริมบทบาทของไทยบนเวทีความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก พร้อมเชื่อมโยงต่อยอดธุรกิจและขับเคลื่อนเศรษฐกิจชาติ

(8 พ.ย. 65) ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) ประกาศความพร้อมในทุกด้านสำหรับการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปค 2022 (Asia-Pacific Economic Cooperation: APEC 2022) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 - 19 พฤศจิกายน 2565 เพื่อส่งเสริมการเปิดเสรีการค้าการลงทุน รวมถึงความร่วมมือด้านต่าง ๆ ใน 21 เขตเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก อันจะนำไปสู่การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม ยั่งยืน และความมั่งคั่งของประชาชนในภูมิภาค ตามแนวคิดหลัก 'เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล' หรือ 'Open. Connect. Balance.'

นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เผยว่า “หลังจากการเปิดศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์โฉมใหม่อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา เราได้รองรับการจัดงานสำคัญทั้งระดับชาติและนานาชาติจำนวนมาก ซึ่งได้รับคำชื่นชมและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี สำหรับการได้รับเกียรติให้เป็นสถานที่จัดงานเอเปค 2022 และต้อนรับผู้นำและผู้เข้าร่วมประชุมจาก 21 เขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในครั้งนี้ ในฐานะที่เราเป็นเสมือนห้องรับแขกของประเทศไทยและเป็นตัวแทนของคนไทย เราได้เตรียมความพร้อมในทุก ๆ ด้านในการต้อนรับ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการจัดงานเอเปค 2022 ในครั้งนี้ จะนำความสำเร็จมาสู่ประเทศชาติและสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยอย่างแน่นอน”

‘แรงงาน’ เนื้อเต้น ‘รมว.เฮ้ง’ จับมือ AOT เปิดพื้นที่หางาน จัดตลาดนัดแรงงานที่สุวรรณภูมิ ร่วม 1,500 อัตรา

(8 พ.ย. 65) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด19 คลี่คลาย แนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศไทยมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น อัตราการว่างงานลดลง ประชาชนมีงานทำมากขึ้น ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างทยอยเพิ่มการจ้างงานให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล ภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ที่ผลักดันนโยบายรักษาการจ้างงานตลอดช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ในส่วนกระทรวงแรงงานขานรับข้อสั่งการเดินหน้าส่งเสริมการมีงานทำให้ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเน้นการให้บริการจัดหางานออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์ม 'ไทยมีงานทำ' เพื่อคนหางานยุคใหม่เข้าถึงได้ทุกเวลา ควบคู่กับการลงพื้นที่บูรณาการร่วมกันระหว่างภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างโอกาสการเข้าถึงตำแหน่งงานแก่ประชาชนทุกพื้นที่ ล่าสุดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (AOT) มีกำหนดจัดงาน 'ตลาดนัดแรงงาน' ณ ศูนย์การขนส่งสาธารณะ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระหว่างวันที่ 9 -11 พฤศจิกายน 2565 กรมการจัดหางาน โดยสำนักงานจัดหางานจังหวัดสมุทรปราการ จึงได้เตรียมกิจกรรมตามภารกิจเพื่อให้บริการแก่ประชาชนที่มาร่วมงานด้วย

“การจัดตลาดนัดแรงงาน ถือเป็นการเพิ่มโอกาสในการสมัครงาน คนหางานได้คัดเลือกตำแหน่งงานว่างที่ตรงกับความรู้ความสามารถ โดยสามารถสมัครงานกับนายจ้าง/สถานประกอบการจำนวนมากในคราวเดียว ทั้งยังเป็นโอกาสที่ดี ที่นายจ้าง/สถานประกอบการและผู้สมัครงานจะได้พบและพิจารณาคัดเลือกกันโดยตรง ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเชื่อว่ากิจกรรมของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในครั้งนี้จะเกิดประโยชน์แก่คนที่กำลังมองหางาน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top