Friday, 11 July 2025
ค้นหา พบ 49357 ที่เกี่ยวข้อง

'นายกฯ' ลั่น!! บริหารชาติแบบมุ่งงานใหญ่เพื่อสร้างอนาคตไทย วอน!! ขอให้ดูผลลัพธ์โครงการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นแล้วจริง

'บิ๊กตู่' ลั่น บริหารประเทศ ยึด 3 คำ 'ทำให้สำเร็จ' มุ่งงานใหญ่สร้างอนาคตไทย ‘โว’ ทำระบบขนส่งรางกทม.เทียบโตเกียว-ลอนดอน 'ชี้' เป็นผู้นำต้องอดทน ยอมรับแนวการทำงาน ทำคนอึดอัด แต่มั่นใจสังคมจะเดินหน้าได้ไม่ทิ้งรอยแตกร้าวอย่างถาวร แจงใจร้อนใจเย็นเกินไป แค่หวังทุกฝ่ายเดินไปด้วยกัน ‘ยอมรับ’ ความแข็งกร้าวทำให้เสียเพื่อน แต่ต้องแลกเพื่อทำสิ่งยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้นจริง มองเสียงวิจารณ์เป็นปกติของปชต.ที่แข็งแรง แค่ไม่ไขว้เขว-เสียสมาธิ ขอบคุณพรรคร่วมฯ เสียสละร่วมงานมาด้วยกัน 

(27 ต.ค. 65) ที่ห้อง A1 บางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมเป็นประธานในงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ 'Accelerating Thailand (พลิกโฉมประเทศไทย)' ตอนหนึ่งว่า...

"วันนี้ขอแชร์วิสัยทัศน์ของตนที่มีต่อประเทศไทย และแนวทางในการทำงานของตนในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าให้ทุกคนได้ทราบ ซึ่งหลักการสำคัญ ที่เป็นแนวทางการทำงานของตนสรุปได้ในสามคำ คือ 'ทำให้สำเร็จ' (GET THINGS DONE) คือการทำสิ่งต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ และเตรียมประเทศให้พร้อม สำหรับอนาคต"

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หลายปีมาตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ความขัดแย้งทางการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รัฐบาลไทยหลายยุคหลายสมัย มีความยากลำบากอย่างมาก ในการทำเรื่องสำคัญ ที่จำเป็นต่อการเดินหน้าประเทศให้เกิดขึ้น ซึ่งผลที่ตามมาคือทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย บนเวทีระดับโลกค่อยๆ ลดลง และคนไทยกว่า 70 ล้านคนสูญเสียโอกาสมากมายที่ควรจะมี ทั้ง ๆ ที่พวกเราอยู่ในประเทศที่มีพร้อมทุกอย่าง อย่างประเทศไทย

“การที่ผมต้องทำสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ เพราะผมมีเป้าหมายเพื่อทำให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า บนเส้นทางที่จะเติบโต และเจริญรุ่งเรืองไปทั่วทุกหย่อมหญ้า อย่างยั่งยืน เป็นเส้นทางที่เราคนไทยจะต้องจับมือไปด้วยกัน และจับมือกับประเทศเพื่อนบ้านและสังคมโลกด้วย แต่เรื่องใหญ่ๆ ที่เราต้องทำมีเยอะมากเกินกว่าที่เราจะทำได้ทั้งหมด พร้อม ๆ กัน ผมจึงต้องเรียงลำดับความสำคัญ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการพุ่งเป้าไปที่การยกระดับความมั่งคั่งของทั้งประเทศ แบบที่จะกระจายความเจริญรุ่งเรืองไปทั่วทุกพื้นที่ เพิ่มเติมจากพื้นที่ ที่มีความเจริญอยู่แล้ว เราต้องทำเรื่องที่จะสร้างประโยชน์ ให้กับคนทุกระดับในสังคมทั้งประเทศ สร้างพื้นฐานที่เอื้อให้ประชาชนสามารถทำมาหากิน สร้างความกินดีอยู่ดีให้กับตัวเขาเองได้ บนเส้นทางที่ยั่งยืน ดังที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงตรัสไว้เมื่อ 24 ปีก่อนว่าเราไม่ควรให้ปลาแก่เขา แต่ควรจะให้เบ็ดตกปลาและสอนให้เขารู้จักวิธีตกปลา 

ที่ผ่านมา ได้ให้ความสำคัญอย่างมาก กับการสร้างความรุ่งเรืองให้กับคนไทย ในทุกระดับของสังคมเพราะมันคือการสร้างพื้นฐานที่มั่นคงแข็งแรง ให้เกิดขึ้น เพื่อที่เราจะเดินหน้าไปสู่การปรับแก้สิ่งต่างๆ ที่เป็นประเด็นทางสังคม ทั้งเรื่องความยุติธรรมในสังคม และความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงโอกาสทำมาหากิน ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือพื้นฐานที่จะทำให้สังคม อยู่กันอย่างสงบสุขและมั่นคง และเป็นหนทางที่ดีที่สุด ที่จะนำพาประเทศเดินไปข้างหน้า  ซึ่งสาเหตุที่ได้ขับเคลื่อนกลยุทธ์ 3 แกนอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงวิกฤตโควิดก็ตาม

ซีพี สร้างโรงงานแปรรูปไก่ใหญ่สุดในอาเซียน ค่าแรงถูกช่วยลดต้นทุน 10% ส่งออกหลักไปญี่ปุ่น

CP Vietnam ทุ่มเม็ดเงินลงทุนเฉียด 1 หมื่นล้านบาท สร้างโรงงานแปรรูปไก่ใหญ่สุดในอาเซียน กำลังการผลิต 50 ล้านตัวต่อปี ลุยส่งออกไปยังญี่ปุ่น 60% พร้อมเป้าหมายอีก 20 ประเทศ

บริษัท CPV Food Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ CP Vietnam Corporation ได้ลงทุนก่อสร้างโรงงานแปรรูปไก่ครบวงจรใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในสวนอุตสาหกรรม Becamex Binh Phuong จังหวัด Binh Phuoc ด้วยเงินลงทุนมากถึง 250 ล้านดอลลาร์ หรือ 9,625 ล้านบาท และได้จัดสังไก่ล็อตแรกไปยังประเทศญี่ปุ่นภายในเดือนตุลาคมนี้ หลังจากจัดการเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและการกักกันอาหารทั้งหมด

โดยโรงงานแห่งนี้มีกำลังผลิตถึง 5,000 ตันต่อเดือน พร้อมกับการจ้างงาน 2,500 คนและกำลังจะขยายเพิ่มตามกำลังการผลิต โดยจะใช้เป็นฐานการผลิตเนื้อไก่แปรรูปเพื่อส่งออกไปอีกกว่า 20 ประเทศ โดยสัดส่วนที่ส่งออกไก่ไปยังญี่ปุ่นคือ 60%

‘บิ๊กตู่’ หวัง ‘LTR Visa’ ช่วยดูดกลุ่มทุน - ดันศก.ไทยโต เชื่อ!! ประเทศไทยมีเสน่ห์หลายด้าน ต่างชาติสนใจมาเยือน

‘นายกฯ’ หวัง ‘วีซ่าระยะยาว’ ดึงดูดกลุ่มนักลงทุน ผู้มีความพร้อม มีทักษะ ความเชี่ยวชาญสูง ให้เข้ามาพำนัก-ลงทุน ในไทย

เมื่อวันที่ (27 ต.ค. 65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้รายงานตัวเลขผู้ขอยื่นขอใบสมัครวีซ่าระยะยาว (Long - Term Resident Visa) หรือ ‘LTR Visa’ ของรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ถึงวันที่ 20 ตุลาคม 2565 มีผู้สมัครกว่าหนึ่งพันคน 

นายอนุชา กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายเพื่อส่งเสริมการลงทุนโดยดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย ด้วยความเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยมีศักยภาพ น่าลงทุน และเป็นที่นิยม โดยถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล ที่ให้วีซ่าระยะยาวแก่ชาวต่างชาติมีศักยภาพสูง 4 กลุ่ม พำนักในประเทศไทยในระยะยาว โดยมีเป้าหมายดึงดูด 1 ล้านคน ใน 5 ปี โดยได้เริ่มรับสมัครชาวต่างชาติในกลุ่มนี้แล้วเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

นายอนุชา กล่าวว่า จากสถิติ ประเทศที่มีการยื่นขอใบสมัครมากที่สุดได้แก่ สหรัฐฯ 232 ราย จีน 140 ราย สหราชอาณาจักร 109 ราย เยอรมนี 68 ราย และออสเตรเลีย 51 ราย ตามลำดับ

'ชัยวุฒิ' โชว์ 41 โครงการเจ๋งรับทุนต่อยอดบิ๊กโปรเจกต์ ขับเคลื่อนดิจิทัลไทยทัดเทียมระดับดิจิทัลโลก

สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดย กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประกาศผลการพิจารณาโครงการหรือกิจกรรม ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565

(27 ต.ค. 65) สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดย กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัดงานแถลงข่าวประกาศผลการพิจารณาโครงการหรือกิจกรรม ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ 6 ชั้น 5 โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทาราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์

งานนี้ได้รับเกียรติจาก นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอีเอส เป็นประธานฯ 

สำหรับในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 นี้ มีโครงการหรือกิจกรรมที่ได้รับการพิจารณาอนุมัติให้ได้รับการสนับสนุน รวมทั้งสิ้นจำนวน 41 โครงการ

โครงการที่ได้รับอนุมัติในปีนี้เป็นโครงการที่สร้างประโยชน์ต่อสาธารณะ และต่อการพัฒนาดิจิทัลของประเทศไทยในอนาคต ซึ่งจะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนให้ประเทศมีการพัฒนาด้านดิจิทัลทัดเทียมระดับเวทีโลกต่อไป 

สำหรับตัวอย่างโครงการตามกรอบนโยบายการให้ทุนทั้ง 4 ด้าน ประกอบไปด้วย...

>> กรอบนโยบาย Digital Agriculture ส่งเสริมและสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการเกษตรแบบเชิงรุก จำนวน 4 โครงการ ตัวอย่างเช่น โครงการการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ด้วยการวิเคราะห์ภาพเนื้อเยื่อเพื่อการวินิจฉัยและประเมินการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อสำคัญในอุตสาหกรรมการเลี้ยงกุ้งเศรษฐกิจของไทย ของมหาวิทยาลัยมหิดล ​

>> กรอบนโยบาย Digital Government & Infrastructure ส่งเสริมและสนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการออกแบบบริการภาครัฐ จำนวน 21 โครงการ ตัวอย่าง เช่น 1) โครงการจัดหาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID) และระบบเปรียบเทียบภาพใบหน้า (Face verification System) ของ กรมการปกครอง 2) โครงการ e-Service เพื่อการบริการประชาชนและการบริหารจัดการสัตว์ป่าตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ของ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช

>> กรอบนโยบาย Digital Manpower ส่งเสริมและสนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการวางแผน การจัดการศึกษาตลอดช่วงชีวิต จำนวน 9 โครงการ ตัวอย่างเช่น 1) โครงการการพัฒนาห้องปฏิบัติการการทดลองทางเคมีในชุมชนโลกเสมือนจริง (Development of Chemistry Lab in Metaverse) ของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ 2) โครงการศูนย์ฝึกอบรมกำลังคนด้านโลจิสติกส์อัจฉริยะโดยใช้ Mixed Reality Simulation เพื่อรองรับศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าเชียงของเพื่อเชื่อมโยง GMS ของ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

‘ตรีชฎา’ โต้กลับ!! คนปชป.ใส่ร้าย ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’ ถาม!! ตอนนี้ร่วมกับรัฐบาล แก้ปัญหาประเทศได้บ้างหรือยัง

เมื่อวันที่ (27 ต.ค. 65) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีต ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ เลขานุการประธานสภาฯ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์หัวหน้าพรรคเพื่อไทยถึงคะแนนเสียงจากคนภาคใต้ต่อพรรคเพื่อไทยโดยระบุว่าในช่วงที่พรรคไทยรักไทยจนถึงเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมีการใช้นโยบายเลือกปฏิบัติ รวมถึงพาดพิงเหตุการณ์ที่ตากใบ กรือเซะออกมาโจมตีว่า เป็นการหยิบยกเรื่องในอดีตซึ่งไม่เป็นความจริงมากล่าวอ้าง หวังทำให้ตัวเองดูดีขึ้นด้วยการทับถมคนอื่น ถือเป็นการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์ เมื่อครั้งนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯ ได้ออกนโยบายสำคัญ ๆ ที่นำไปสู่ปฏิบัติทั่วทั้งประเทศ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนได้ประโยชน์จากนโยบายอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ได้รับการยอมรับกล่าวขวัญจากนานาประเทศ และยังเป็นนโยบายหลักที่ยังใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน และไม่เคยเลือกปฏิบัติโดยเฉพาะการพัฒนาภาคใต้

น.ส.ตรีชฎา กล่าวต่อว่า เมื่อครั้งที่น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ ได้เดินทางไปประชุม ครม.สัญจรที่จ.ภูเก็ตเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 55 มีมติเห็นชอบกรอบแผนงาน/โครงการพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้อันดามัน 5 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง และระนอง จำนวน 117 โครงการ วงเงินงบประมาณ 84,064 ล้านบาท เช่น โครงการก่อสร้างสะพานท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยว โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ เป็นต้น นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ยังมีการพัฒนาอื่น ๆ อีกมากที่ยังไม่ได้กล่าวถึง จึงเป็นไปไม่ได้และไม่เป็นความจริงที่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชนและเพื่อไทย จะเลือกปฏิบัติดังที่นายสมบูรณ์วิพากษ์วิจารณ์ให้ได้รับความเสียหาย และสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เป็นที่น่าเสียดายที่เกิดการรัฐประหารเมื่อปี 2549 พรรคไทยรักไทยถูกยุบพรรคอย่างไม่เป็นธรรม กรรมการบริหารพรรคถูกเพิกสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี เมื่อมีการเลือกตั้งพรรคพลังประชาชน ได้เป็นรัฐบาลก็ชนะการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมาก แต่ก็ถูกกลไกทางอำนาจทำลายให้ต้องพ้นตำแหน่งจนมาถึงการยุบพรรค


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top