Tuesday, 29 April 2025
ค้นหา พบ 47751 ที่เกี่ยวข้อง

ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงพื้นที่สุโขทัยติดตามเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน 

วันที่ 14 มิถุนายน 2565 พลตำรวจโท ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมติดตามการดำเนินงานโครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล เพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรม ตามนโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (Stronger Together) ของตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย ณ ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย เพื่อรับนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และประชาชนพื้นที่อยู่ดีมีสุข ปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีพลตำรวจตรี พยูห์ ธนะศรีสืบวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 พร้อมด้วยพลตำรวจตรี อมรศักดิ์ เกษมก์สิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย และตำรวจภูธรในพื้นที่เข้าร่วมในการประชุม พร้อมรายงานผลการดำเนินงานตามโครงการดังกล่าว 

ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พลตำรวจโท ประจวบ วงศ์สุข กล่าวว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดเป็นยุทธศาสตร์สร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อร่วมกันสร้างชุมชน และสังคมทั่วทั้งประเทศให้เกิดความสุข สงบเรียบร้อย ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ ส่งเสริม รักษา ต่อยอดทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว กำหนดให้สถานีตำรวจทุกแห่ง สร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน รับรู้ความต้องการและความเดือดร้อน เพื่อนำมาแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบร่วมกับ ภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ทั้งในระดับอำเภอ และระดับจังหวัด 

ครม. ไฟเขียว แต่งตั้ง ‘นันทิวัฒน์’ อดีตบิ๊กข่าวกรอง นั่งตำแหน่งเลขาฯ รมว.ต่างประเทศ

วันที่ (14 มิ.ย.) นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ/เห็นชอบ ในเรื่องแต่งตั้ง วันที่ 14 มิถุนายน 2565 ดังนี้

1. การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) 
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน 2 ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนี้  

- นายชุมพล เด็จดวง ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณเชี่ยวชาญ) สำนักงบประมาณ ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2564  

- นายสารสิน ศิริถาพร ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณเชี่ยวชาญ) สำนักงบประมาณ ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2565  
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป 

2. การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงการต่างประเทศ) 
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 2 ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ดังนี้ 

- นางทิพย์วรรณ ศุภมิตรกิจจา กงสุลใหญ่ สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน ให้ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงดาการ์ สาธารณรัฐเซเนกัล  

- นางอุรษา มงคลนาวิน อัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลน์เหนือ ให้ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ สาธารณรัฐโปแลนด์ 

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ซึ่งการแต่งตั้งข้าราชการให้ไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศทั้ง 2 ราย ดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับ 

3. การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (กระทรวงการต่างประเทศ) 

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอการแต่งตั้ง นายนันทิวัฒน์ สามารถ เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป 

สุดไฮเทค!! สถาบันพระปกเกล้า เปิดศูนย์การเรียนรู้ประชาธิปไตยนอกห้องเรียน มุ่งกระตุ้นการมีส่วนร่วม สร้างประสบการณ์แก่ผู้เข้าชม

(14 มิ.ย.65) ที่อาคารรําไพพรรณี พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ถนนหลานหลวง พลเอก สรุยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ เปิดศูนย์การเรียนรู้ประชาธิปไตย 

โดยมี ศาสตราจารย์ วุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า พร้อมด้วยกรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า นายกสมาคมสถาบันแห่งพระปกเกล้า และตัวแทนนักศึกษาจากหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับผู้บริหารระดับสูง (ปปร.) หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข (สสสส.) หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชน (ปรม.) และหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการบริหารเศรษฐกิจสาธารณะสาหรับนักบริหารระดับสูง (ปศส.) 

สำหรับ ศูนย์การเรียนรู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อเปิดพื้นที่แห่งการเรียนรู้ด้านการเมือง ให้เข้าใจการเมืองในบริบทสังคมไทย และบริบทสังคมโลก สามารถศึกษาเชื่อมโยงบริบทกับสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองอื่นในเส้นทางเดียวกันโดยรอบได้ รวมทั้งการสืบสานพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่มุ่งเน้นการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ทางสถาบันพระปกเกล้า จึงดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ในอาคารรำไพพรรณีให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ประชาธิปไตย เพื่อเป็นพื้นที่สาธารณะที่ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้นอกห้องเรียน 

ส่วนการออกแบบเนื้อหานิทรรศการคำนึงถึงความถูกต้อง ความเป็นกลาง ที่อ้างอิงจากข้อเท็จจริงและหลักวิชาการ รวมถึงการรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขา ร่วมกันพิจารณาทั้งเนื้อหาและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการนำเสนอ มาผสมผสาน รูปภาพ กราฟฟิค แสง สี เสียงมัลติมีเดีย และแบบจำลองให้เกิดความกลมกลืน เพื่อกระตุ้นให้ผู้เข้าชมเกิดความสนใจและมีประติสัมพันธ์ร่วมเพื่อสร้างประสบการณ์ในการเรียนรู้ระหว่างการเข้าชมทั้ง 4 ชั้น

ชั้นแรก ลานนิทรรศการกลางแจ้งแสดงเส้นทางประวัติศาสตร์สยามสู่การปกครองประชาธิปไตย รวมทั้งประติมากรรม ที่ชื่อ “งอกงาม” ที่สะท้อนความสมดุล ภูมิปัญญา และความเจริญเติบโต 

ชั้น 2 จัดแสดงพัฒนาการเมืองการทางการเมืองการปกครองไทย ตั้งแต่ยุคต้นรัตนโกสินทร์ จนถึงการเมืองไทยในปัจจุบัน ทำให้เห็นรากฐานและเหตุการณ์สำคัญของประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยไทย 

ชั้น 3 จัดแสดงเนื้อหา ความเป็นมา  และหลักการสำคัญของระบอบประชาธิปไตย อาทิ หลักหน้าที่ หลักสิทธิ หลักเสรีภาพ หลักความเสมอภาค และหลักเคารพเสียงส่วนใหญ่  และมิได้ละเลยเสียงส่วนน้อย 

ชั้น 4 จัดแสดงการต่อยอดความรู้ หรือนำเสนอเรื่องราวที่กำลังเป็นที่นิยมในรูปแบบที่เข้าถึงง่าย รวมทั้งยังมีศูนย์ข้อมูลพระปกเกล้าศึกษา  แหล่งรวบรวมหนังสือ เอกสาร ภาพยนตร์ วารสาร เพื่อให้บริการแก่สาธารณชน 

'พิชัย' จี้ 'ประยุทธ์' พลิกวิกฤตเป็นโอกาส เลิกทำโอกาสเป็นวิกฤต

'พิชัย' จี้ 'ประยุทธ์' พลิกวิกฤตเป็นโอกาส สามารถทำได้ทันที ชี้ 4 โอกาสของไทย พลังงาน อาหาร ธุรกิจดิจิทัล อุตสาหกรรมอนาคต  แนะ ต้องปรับประเทศเพื่อรองรับอนาคต เลิกทำโอกาสเป็นวิกฤต ไม่ได้โหนชัชชาติ แต่อยากให้เห็นวิธีการทำงาน 

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นเป็นลิตรละ 35 บาทซึ่งชนเพดานที่พลเอกประยุทธ์ บอกแล้วและกำลังจะขยายเป็นลิตรละ 38 บาท ในขณะที่เงินเฟ้อของสหรัฐในเดือนพฤษภาคมพุ่งขึ้นถึง 8.6% สูงที่สุดในรอบ 41 ปี ซึ่งจะเร่งให้สหรัฐขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นน่าจะขึ้นถึง 0.75% ในอีกไม่กี่วันนี้ ในขณะที่เงินเฟ้อของไทยที่สูงถึง 7.1% ในเดือนพฤษภาคม ยังมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นไปอีกจน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องปรับตัวเลขอัตราเงินเฟ้อปีนี้เป็น 6.2% จากเดิม 4.9% และอาจจะจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยในอีกไม่นานนี้เช่นกัน 

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์กันว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกอาจจะพุ่งขึ้นถึง $150-160 ต่อบาเรล ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เตือนไว้นานแล้ว ปัญหาเงินเฟ้อสูงกำลังจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงทั้งโลกและจะสร้างความปั่นป่วนกับเศรษฐกิจโลก ดังนั้นรัฐบาลจะต้องเตรียมตัวรับมือจากปัญหาเศรษฐกิจที่จะเพิ่มขึ้นอีกมาก 

ในภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจที่ทำท่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลที่ดีจะต้องพลิกวิกฤติเป็นโอกาสในการแก้ไขปัญหาและนำพาประเทศสู่การพัฒนาและการกินดีอยู่ดีของประชาชนในอนาคต ดังนั้นคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยขอเสนอ แนวทางในการพลิกวิกฤตเป็นโอกาส 4 ด้านดังนี้...

1. โอกาสทางด้านพลังงาน ในขณะที่ นำ้มัน  ก๊าซ ไฟฟ้ามีราคาแพง และ จะยิ่งแพงขึ้น รัฐบาลควรจะต้องปรับโครงสร้างราคาพลังงานตามที่ได้เสนอไว้แล้ว ทั้งนี้ค่าการกลั่นเป็นอัตรามาตรฐานของสากลใช้กับโรงกลั่นทั่วโลก ที่เกิดจาก demand และ supply ของน้ำมันสำเร็จรูป  และ อยากให้นาย กรณ์ จาติกวณิช ไปศึกษาให้ดีก่อนที่จะวิจารณ์ว่าเป็นการปล้น แต่ถึงแม้จะเป็นราคามาตรฐานสากลแต่ก็อาจจะลดลงได้ และและ เมื่อพูดถึงมาตรฐานสากล รัฐบาลจะต้องตัดสินใจเรื่องราคาหน้าโรงกลั่นก็ต้องเป็นราคาสากลเช่นกัน อย่าให้บริษัทพลังงานเอาเปรียบประชาชนในทุกด้านแบบเอาแต่ได้ แต่ที่สำคัญและอยากเรียกร้องคือการเจรจาพื้นที่ทับซ้อน ไทย-กัมพูชา ที่มีแหล่งพลังงานจำนวนมาก และสามารถนำขึ้นมาใช้และบริการให้กับประชาชนในราคาที่ถูกลง อีกทั้งจะสามารถทำเงินเป็นรายได้เข้ารัฐ ปีละหลายแสนล้านบาท ซึ่งสามารถนำมาใช้ทำสวัสดิการให้กับประชาชนได้ เท่ากับทำเรื่องเดียว แต่ได้แก้ปัญหาสองด้าน แนวทางการเสนอการทำสวัสดิการปัจจุบันจะต้องหาแหล่งที่มาของรายได้ก่อน อย่าเพียงแต่ฝันว่าจะแจกโดยไม่มีเงิน นอกจากนี้โอกาสทางพลังงานยังหมายถึงการปรับโครงสร้างการใข้พลังงานในอนาคตของประเทศไทย การใช้พลังงานที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียนที่เป็นทิศทางของโลก การส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า EV ที่ยุโรปประกาศจะจำหน่ายเฉพาะรถยนต์ EV ในปี 2035 และเลิกจำหน่ายรถยนต์น้ำมันทั้งหมด ซึ่งไทยคงต้องปรับเปลี่ยนทิศทางตามแนวทางโลก อีกทั้งต้องคิดวางแผนระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) สำหรับอนาคต และ ต้องออกมาตรการการช่วยเหลือประชาชนในภาวะพลังงานแพงนี้ 

2. โอกาสทางด้านอาหาร ในภาวะที่โลกขาดแคลนอาหาร ประเทศไทยผู้ผลิตอาหารควรจะต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถผลิตและขายอาหารที่โลกต้องการเพื่อไปจำหน่ายทั่วโลกในราคาที่สูงเพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร โดยประเทศไทยต้องนำระบบ Ai เข้ามาช่วยในการผลิตเพื่อตรวจสอบภูมิอากาศและความชื้น คุณภาพของดิน เพื่อการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มผลผลิต รวมถึงการใช้ระบบ Automation เช่น โดรน และ อุปกรณ์การเกษตรสมัยใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดต้นทุน 

3. โอกาสทางธุรกิจดิจิทัล ที่ไทยต้องปรับระบบราชการเป็นระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดขนาดราชการ และ กำจัดการคอรัปชั่น การปรับระบบดิจิทัล(Digital Transformation) ทั้งภาคราชการ และ ภาคเอกชน พร้อมทั้งสร้างสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม เพื่อนำไปสู่การส่งเสริมให้เกิดธุรกิจดิจิทัลขนาดใหญ่จำนานมาก และสร้างมูลค่าธุรกิจและมูลค่าของประเทศ เพิ่มการจ้างงานที่มีรายได้สูงในอนาคต ซึ่งเป็นทิศทางอนาคตของโลก 

4. โอกาสทางอุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยต้องคำนึงว่าปัจจุบันอุตสาหกรรมที่จำเป็นเหมือนเป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำของอุตสาหกรรมสมัยใหม่ของโลก คือ อุตสาหกรรมผลิตไมโครชิพ (Microchip) และ อุตสาหกรรมผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งกำลังขาดแคลนอย่างมากทั่วโลก ราคาได้พุ่งสูง เพราะอุตสาหกรรมสมัยใหม่ทั้ง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด รวมถึง รถยนต์พลังงานไฟฟ้า และโดรน จำเป็นต้องใข้อุปกรณ์เหล่านี้ ประเทศไทยจะต้องหาบริษัทต่างประเทศมาร่วมลงทุนผลิตไมโครชิพและแบตเตอรี่นี้โดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างธุรกิจต่อเนื่อง ทำให้เกิด Supply Chain ครบงวงจรภายในประเทศนี้ให้ได้ เพื่อจะนำไปสู่อุตสาหกรรมสมัยใหม่ต่อเนื่องในอนาคต 
 
การเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสยังมีอีกมากหากรัฐบาลมีความคิดและฉลาดพอ โดยอยากให้เริ่มต้นใน 4 เรื่องนี้ เพื่อเป็นจุดหักเห (Turning point) สำคัญของประเทศไทย ซึ่งหากทำได้ประเทศไทยจะพัฒนาต่อไปได้อีกมาก  แต่ถ้าประเทศไทยยังบริหารอย่างที่เป็นอยู่คงเป็นไปไม่ได้ เพราะตลอด 8 ปีที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์ ทำให้โอกาสกลายเป็นวิกฤตมาตลอด ทั้งนี้เพราะ ตลอดหลายปีก่อนวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด เศรษฐกิจโลกดีแต่ไทยกลับขยายตัวต่ำมาก อีกทั้งราคาน้ำมันตลอดหลายปีราคาถูกมากแต่ไทยกลับไม่ได้ประโยชน์เลย พอมาถึงปัจจุบันเศรษฐกิจโลกกำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอย และ ราคาน้ำมันแพงและยังจะพุ่งขึ้นอีกพลเอกประยุทธ์ จะรับมือได้อย่างไร ซึ่งได้พิสูจน์มาแล้วหลายปี ซึ่งหากยังจะดื้อรั้นและคิดว่าตนเองทำได้ และทำดีแล้ว ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศที่ล้มเหลวอย่างแน่นอน ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยไม่ได้โหน อดีต. รมว. ชัชชาติ แต่อยากให้ดูถึงวิธีการทำงานที่รู้ปัญหาจริง มีทางแก้ไขและทำได้จริง เข้าถึงพื้นที่ สุภาพไม่ก้าวร้าว ซึ่งเป็นแนวทางการทำงานของพรรคเพื่อไทยที่นำเสนอปัญหาและทางแก้มาตลอด ซึ่งต่างจากผู้นำปัจจุบันราวฟ้ากับเหว ซึ่งการที่ประชาชนจำนวนมากเริ่มออกมาเดินขบวนขับไล่พลเอกประยุทธ์ อีกครั้งก็น่าจะเพราะทนความล้มเหลวกันไม่ไหวแล้ว 
--------------------
'เพื่อไทย' เชื่อ 'เศรษฐกิจดิจิทัล' คือโอกาสสำคัญของประเทศ แต่รัฐบาลต้องส่งเสริมและเลิกเป็นตัวถ่วง


 
นาย ศรัณย์ ทิมสุวรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเลย เขต 2 และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนเชื่อว่าแม้กระแสเศรษฐกิจดิจิทัล จะไม่ใช่เรื่องใหม่แล้วในปี 2565 แต่ยังมีโอกาสอีกมากมายที่ประเทศไทยสามารถมีส่วนร่วมและสร้างผลประโยชน์ทั้งในทางเศรษฐกิจและสังคมไทยได้ โดยในปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ประชาชนมีการปรับตัวเข้ากับสิ่งใหม่ๆได้อย่างดี เห็นได้จากช่วงวิกฤตโควิด 19 ที่ผ่านมา ประชาชนไทยสามารถปรับตัวกับกระแสของโลก พัฒนาการให้บริการและเดินเข้าสู่โลกดิจิทัลได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวชี้วัดและการศึกษาจากต่างประเทศก็ชี้ให้เห็นถึงโอกาสของประเทศไทยในด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ถึงแม้จะขาดการสนับสนุนจากภาครัฐ พรรคเพื่อไทยได้เล็งเห็นและเชื่อว่า โอกาสด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยยังคงเปิดกว้าง แต่หากรัฐบาลยังปล่อยให้ภาคเอกชนต่อสู้และหาโอกาสอยู่ฝ่ายเดียว จะเป็นอีกครั้งที่ประเทศไทยต้องสูญเสียโอกาสที่สำคัญ ภายใต้การบริหารของรัฐบาลปัจจุบัน
 
ในขณะนี้กำลังมีการพิจารณา ร่าง พรบ งบปี 66 ซึ่งผ่านวาระที่ 1 ไปแล้ว พรรคเพื่อไทยได้อภิปรายในสภาถึงความไม่เหมาะสมของการจัดทำงบประมาณ ซึ่งคือความสิ้นหวังของประชาชนผู้เป็นเจ้าของเงินภาษี การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ก็เป็นปัญหาหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนว่า รัฐบาลไม่จริงใจในการพัฒนา แสดงจากการจัดงบประมาณของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานที่มีหน้าที่พัฒนาและส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศไทย ยังคงได้งบประมาณไม่เหมาะสมเมื่อเปรียบเทียบกับหน้าที่และความสำคัญ เช่น การเปลี่ยนแปลงระบบราชการ หรือ Digital Transformation ของหน่วยงานภาครัฐ ถึงแม้จะไม่ใช่การสนับสนุนโดยตรงต่อเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย แต่การพัฒนาระบบราชการจะสร้างโอกาสให้ประชาชน ไม่ใช่เฉพาะด้านเศรษกิจดิจิทัล ยังรวมไปถึงการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนและลดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็นที่เกิดขึ้นในระบบราชการได้อยากมาก เรื่องนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่รัฐบาลไม่เคยพยายามพัฒนาอย่างจริงจัง แม้ในปัจจุบันจะมีความพยายามปรับปรุง แต่ยังห่างไกลจากเป้าหมายอีกมาก
 
หากรัฐบาลสามารถแก้ไขและเปลี่ยนแปลงระบบราชการที่ล่าช้าได้สำเร็จ ภาคเอกชนของไทยจะสามารถถือธงนำประเทศเข้าหาโอกาสในโลกดิจิทัลได้ดีกว่านี้อีกมาก เนื่องจากโลกดิจิทัลยังคงมีสิ่งใหม่และโอกาสใหม่ๆเกิดขึ้นอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีต่างๆ หรือช่องทางใหม่ๆในการสื่อสาร การเปิดพื้นที่ในโลกเสมือนจริง หรือกระแส metaverse ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก หลายประเทศตั้งเป้าหมายถึงการเป็นผู้เล่นหลักในพื้นที่ใหม่เหล่านี้ ความสามารถของประเทศไทยเองนั้น ไม่ด้อยกว่าประเทศอื่น เรามีประชาชนที่มีความพร้อมในการพัฒนาและประสบความสำเร็จในโลกใหม่นี้ แต่เราจะทำให้มันเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อรัฐบาล ผู้บริหารประเทศมีวิสัยทัศน์ที่กว้างพอจะมองโลกและนำประเทศไทยเข้าหาโอกาสเหล่านั้น

สนับสนุนไทยเที่ยวไทย สวนนงนุชพัทยา จัดโปรโมชั่นพิเศษสุด โปร 1 แถม 1 เที่ยวชมสวนฟรี พร้อม ชมการแสดงนงนุชโชว์สุดยิ่งใหญ่ฟรี

นายกัมพล ตันสัจจา  ประธานสวนนงนุชพัทยา กล่าวว่า สวนนงนุชพัทยา ได้จัดกิจกรรมเพื่อการส่งเสริมไทยเที่ยวไทย โดยจัดโปรโมชั่นพิเศษซื้อบัตรชมสวน 1 ท่าน ฟรี 1 ท่าน พร้อมชมการแสดงนงนุชโชว์ ที่ โรงละครสกาลา นงนุชพัทยาและการแสดงช้างแสนรู้ ฟรี ในรอบพิเศษเวลา 13.30 น.

โปรโมชั่นสุดพิเศษนี้เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวแบบไทยเที่ยวไทย เริ่มตั้งแต่วันที่ 18-30 มิถุนายน 2565 นอกจากนี้สวนนงนุชพัทยา ยังมีโปรโมชั่นสำหรับเด็กที่มีส่วนสูงไม่เกิน 140 ซม. เข้าชมสวนฟรี ผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป ชมสวนฟรี ทุกวันศุกร์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top