Saturday, 5 July 2025
ค้นหา พบ 49201 ที่เกี่ยวข้อง

"เชียงราย" แม่สายเมืองท่องเที่ยวสวยงามโครงการเคเบิ้ลไฟฟ้าใต้ดิน

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา นาย ณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สายได้ให้เกียรติมาเป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมตัดเสาไฟฟ้าต้นแรกโครงการปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้าเป็นเคเบิ้ลใต้ดินจากหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา สะพานข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1

ไปจนถึงสี่แยกศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมันซึ่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและเทศบาลตำบลแม่สายจัดขึ้น ณ.บริเวณหน้าด่านพรมแดนแห่งที่1โดยมีนาย ชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลแม่สาย นางสาว อุบล ใจวรรณะ นายกเทศมนตรีเทศบาลแม่สายมิตรภาพ พร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยงานราชการ

เคลียร์ชัด!! พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ ‘PDPA’

เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า PDPA (Personal Data Protection Act) หรือ พระราชบัญญัติ หรือ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ที่ก่อนหน้านี้มีผลใช้บังคับแล้วบางหมวด บางมาตรา จะมีผลใช้บังคับทั้งหมดในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนผ่านสำคัญเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของแต่ละคน ตั้งแต่การมอบข้อมูล และการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของตัวเอง ที่อยู่ในมือของคนอื่นอย่างเต็มที่ เพื่อปกป้องสิทธิของตนไม่ให้ถูกละเมิดสิทธิส่วนตัว

ทั้งนี้ หลายคนอาจจะยังไม่ทราบกรอบของ PDPA ว่าสามารถทำอะไรได้หรือไม่ได้บ้าง ภายใต้เงื่อนไขที่มีการระบุไว้ก่อนหน้า

สำหรับ PDPA นั้น มีประเด็นที่ประชาชนควรรู้ ดังนี้…
1. ข้อมูลส่วนบุคคล คือ ข้อมูลเที่ยวกับบุคคล ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมเฉพาะ เช่น ชื่อ ที่อยู่ หมายเลข ประจำตัว ข้อมูลสุขภาพ ฯลฯ (มาตรา 6)

2. ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งเราไว้ก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวม (ห้ามใช้นอกเหนือวัตถุประสงค์) (มาตรา 21)

3.ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเราเท่าที่จำเป็น ภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบ
ด้วยกฎหมาย (มาตรา 22) (ใช้ข้อมูลของเราให้น้อยที่สุด)

4. ความยินยอม เป็นฐานการประมวลผลฐานหนึ่งเท่านั้น ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ในการกำหนดฐานการประมวลผล ให้สอดคล้องกับลักษณะการประมวลผล และความสัมพันธ์ระหว่างผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (ตามมาตรา 24 หรือมาตรา 26)

พม. โดย กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเชิงปฏิบัติการสร้าง ความตระหนักรู้เรื่องพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558

วันนี้ (31 พฤษภาคม 2565 ) เวลา 09.00 น. นางสาวสุนีย์ ศรีสง่าตระกูลเลิศ รองอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการสร้างความตระหนักรู้เรื่องพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 ณ โรงแรมบางกอกชฎา เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 

นางสาวสุนีย์ ศรีสง่าตระกูลเลิศ กล่าวว่า กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มีภารกิจสำคัญในการขับเคลื่อนพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 มุ่งเน้นการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ คุ้มครองและป้องกันมิให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศในสังคม นับเป็นระยะเวลากว่า 6 ปี แล้ว ตั้งแต่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว แม้จะเห็นว่าสังคมมีการยอมรับผู้หญิงหรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศเพิ่มมากขึ้น แต่ยังพบว่าการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศยังปรากฎให้เห็นในสังคม เช่น ปัญหาการถูกจำกัดสิทธิ โอกาส และความก้าวหน้าในการทำงาน ปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว เป็นต้น 

นางสาวสุนีย์ ศรีสง่าตระกูลเลิศ กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่จะทำให้เกิดความเท่าเทียมระหว่างเพศ คือ การสร้างการรับรู้ ให้ประชาชนได้เข้าใจถึงเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ. ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 ปรับเปลี่ยนทัศนคติให้เข้าใจและตระหนักรู้เรื่องความเท่าเทียมระหว่างเพศอย่างแท้จริง บนฐานความเข้าใจว่า “ควรเคารพในคุณค่าของความเป็นมนุษย์ที่มีความแตกต่างหลากหลายในเรื่องเพศ ไม่เลือกปฏิบัติด้วยปัจจัยเพศภาวะ” กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวเล็งเห็นว่ามูลนิธิ สมาคม ชมรม องค์กรสาธารณประโยชน์ องค์กรสวัสดิการชุมชน หรือองค์กรเอกชน เป็นกลไกสำคัญในการดำเนินงานด้านการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศในสังคม จึงได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความตระหนักรู้เรื่องพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 ขึ้น ในวันที่ 31 พฤษภาคม - 2 มิถุนายน 2565 ณ โรงแรมบางกอกชฎา กรุงเทพฯ โดยการประชุมดังกล่าว มุ่งหวังสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านความเท่าเทียมระหว่างเพศตามพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 และสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนงานด้านการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศร่วมกับ มูลนิธิ สมาคม ชมรม องค์กรสาธารณประโยชน์ องค์กรสวัสดิการชุมชน หรือองค์กรเอกชน 

เครือข่าย “กัญชา-เบียร์คราฟ-บุหรี่ไฟฟ้า” จับมือทวงสิทธิเชื่อเอาขึ้นบนดิน ได้ประโยชน์กว่าแบน

วันงดสูบบุหรี่โลก 31 พ.ค. 3 เครือข่ายดังจัดเสวนา “จากกัญชา ถึงบุหรี่ไฟฟ้าและคราฟเบียร์ ถูกกฎหมายแล้วดีอย่างไร” ชี้สังคมจะได้ประโยชน์จากการควบคุมอย่างถูกกฎหมาย เผยความยากในการเคลื่อนไหวให้ถูกกฎหมาย ต้องสู้กับความเข้าใจผิด และผลประโยชน์ขัดแย้ง ด้านทนาย “รณณรงค์” เผยกฎหมายห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อการค้า แต่ผู้บริโภคกลับมารับโทษ ค่าประกันเป็นแสนเพราะกฎหมายที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพผู้บริโภค

เมื่อวันที่ 31 พ.ค 65 เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า “กลุ่มลาขาดควันยาสูบ” ร่วมกับพันธมิตรเครือข่ายประชาชน “กลุ่มกัญชาชน”  และ “กลุ่มประชาชนเบียร์” จัดเสวนาหัวข้อ “จากกัญชาถึงบุหรี่ไฟฟ้าและคราฟเบียร์”เนื่องในโอกาสวันงดสูบบุหรี่โลก 31 พ.ค. เพื่อชี้ถึงปัญหาการแบนจนทำให้บุหรี่ไฟฟ้า เบียร์คราฟ เป็นสินค้าผิดกฎหมาย ขณะที่กัญชาซึ่งได้รับการควบคุมแล้ว กลับยังมีปัญหาความไม่ชัดเจนของกฎหมาย ณ ร้าน Highland ถ.ลาดพร้าว ซอย 2 กรุงเทพฯ

นายอาสา ศาลิคุปต ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า กลุ่มลาขาดควันยาสูบ เผยว่า บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ หลายประเทศก็อนุญาตให้ใช้เพื่อเลิกบุหรี่ได้ แต่กลับเป็นสิ่งผิดกฎหมายในไทย โดยจุดประสงค์การเรียกร้องสิทธิไม่ได้ต้องการสนับสนุนให้สูบบุหรี่ไฟฟ้าเสรี  แต่เป็นการให้เกิดการควบคุมให้ถูกต้อง
นายมาริษ กรัณยวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า กลุ่มลาขาดควันยาสูบ กล่าวเสริมในประเด็นการทำให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าถูกกฎหมายว่า 

“พวกเราเคยยื่นรายชื่อผู้สนับสนุนกว่า 4 หมื่นรายชื่อ พร้อมแนบงานวิจัยจากต่างประเทศจำนวนมากขึ้นที่ยืนยันตรงกันว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าการสูบบุหรี่ รวมทั้งแนวทางการควบคุมของบางประเทศ เช่น อังกฤษ ที่แนะนำให้ใช้เป็นเครื่องมือเพื่อเลิกบุหรี่ได้ และเราหวังให้งานวิจัยเหล่านี้ควรต้องถูกนำมาพิจารณา แต่ก็ยังมีกลุ่มรณรงค์เลิกบุหรี่ที่อคติกับเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้ปรับแก้มาตรการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีความก้าวหน้าเสียที”

ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความชื่อดังซึ่งร่วมเสวนาในวันนี้ด้วยกล่าวว่า “ความไม่ชัดเจนของกฎหมาย ทำให้ที่ผ่านมา มีการจับกุมผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก แต่พออัยการสั่งไม่ฟ้อง เคสการจับกุมก็น้อยลง แต่ก็อยากฝากไปถึงผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าทุกคนว่าอย่ามีส่วนในการทำความผิดโดยการจ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่ และขอให้หาทางต่อสู้ให้เกิดแนวทางที่ชัดเจนว่าผู้ใช้ผิดหรือไม่ เช่นรวมตัวกันไปยื่นเอกสารให้ ผบ.สตช. พิจารณาคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการจังหวัดปทุมธานีเป็นแนวทางบังคับใช้กฎหายของตำรวจ เป็นต้น”

สลดใจ!! นักเรียนสวนกุหลาบเกือบ 3,000 คน ขาดแคลนโรงอาหาร วอน สส.พลังประชารัฐ ผลักดันงบจัดสร้างเพื่อช่วยเหลือลูกๆ สวนกุหลาบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับการประสานถึงปัญหาความเดือดร้อนของนักเรียนโรงเรียน นวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย สมุทรปราการ ต.บางปู อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เนื่องจากโรงอาหารภายในสถานศึกษาแห่งนี้ มีไม่เพียงพอ ประกอบกับ มีนักเรียนจำนวนมากถึง 2,700 คน ทำให้นักเรียนส่วนใหญ่ต้องทนทุกข์กับปัญหานี้มานานหลายปี จากนั้น ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบยังสถานศึกษาแห่งนี้ พบว่าสถานศึกษาแห่งนี้มีนักเรียนศึกษาอยู่เป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 1 - ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 6 จึงทำให้สถานที่โรงอาหารภายในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย สมุทรปราการ ไม่เพียงพอรองรับกับจำนวนนักเรียนที่มีจำนวนมากเกือบ 3,000 คน นักเรียนบางรายต้องหอบหิ้วอาหารกลางวันไปทานบนอาคารเรียนเพื่อลดความแออัดเบียดเสียดภายในโรงอาหาร บางรายต้องหาที่นั่งตามใต้ต้นไม้เพื่อนั่งรับประทานอาหาร และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ น้องๆนักเรียนบางคนต้องนั่งตากเดือด เนื่องจากไม่มีโต๊ะให้นั่งรับประทานอาหาร


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top