Sunday, 6 July 2025
ค้นหา พบ 49226 ที่เกี่ยวข้อง

กทพ. โชว์ ‘สะพานคู่ขนานสะพานพระราม 9’ แข็งแรงรองรับพายุทอร์นาโด เตรียมขอพระราชทานชื่อ

กทพ.เตรียมขอพระราชทานชื่อ ‘สะพานคู่ขนานสะพานพระราม 9’ สะพานขึงที่กว้างที่สุดในประเทศไทย ‘แลนด์มาร์กใหม่’ ออกแบบแข็งแรงรองรับพายุทอร์นาโด ปรับลดความลาดชัน แก้รถติดสะสมขาขึ้น

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แจ้งว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างสะพานคู่ขนานสะพานพระราม 9 ซึ่งเป็นสัญญาที่ 4 ของโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก เพื่อเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ กับพื้นที่ปริมณฑลทางด้านตะวันตก ช่วยลดเวลาในการเดินทางให้ผู้ใช้ทางพิเศษได้รับความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยสะพานคู่ขนานแห่งใหม่นี้ ทางกระทรวงคมนาคมได้พิจารณาให้เป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ซึ่งขณะนี้ กทพ.อยู่ระหว่างประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอพระราชทานชื่อสะพาน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ กทพ. และเป็นความภูมิใจร่วมกันของประชาชนชาวไทยทุกคน

สะพานคู่ขนานสะพานพระราม 9 แห่งใหม่ เป็นการก่อสร้างสะพานคู่ขนานสะพานพระราม 9 เชื่อมต่อกับทางพิเศษศรีรัชและทางพิเศษเฉลิมมหานคร โดย บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง มีระยะเวลาการก่อสร้าง 39 เดือน โดยมีกำหนดแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2566 มีระยะทางรวม 2 กิโลเมตร

กทพ.ได้ออกแบบสะพานคู่ขนานสะพานพระราม 9 โดยคำนึงถึงปัญหาด้านการจราจรติดขัดสะสมในช่วงขึ้นสะพาน จึงได้ออกแบบให้สะพานมีความลาดชันน้อยกว่าสะพานพระราม 9 เดิมที่เริ่มยกระดับจากพื้นดินขึ้นไป หากแต่สะพานแห่งนี้จะเริ่มยกระดับจากระดับชั้นที่ 2 ซึ่งสูงจากระดับพื้นดินประมาณ 10 เมตร ทำให้ผู้ใช้ทางสามารถวิ่งขึ้นและลงสะพานได้สะดวกมากขึ้น ทำให้ไม่เกิดการชะลอตัวสะสมในช่วงขาขึ้นสะพานดังกล่าว

กองกำกับการสืบสวน ตม.1 จับกุมเครือข่ายโรแมนซ์ สแกม สมาชิกแก๊ง “Kong River” (โขงริเวอร์) ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ณรงค์เวทย์ โอนสูงเนิน รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดสืบสวนฯ แถลงข่าวการจับกุมคนร้ายมีรายละเอียด ดังนี้

สืบเนื่องจากการบูรณาการด้านการข่าวของ กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 กับหน่วยงานด้านการข่าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บช.ปส., ปปส., ศุลกากร และ ศรภ. มีการสืบทราบว่าจะมีสมาชิกแก๊งโขงริเวอร์ (กลุ่มคนผิวสีส่วนใหญ่เป็นคนสัญชาติไนจีเรีย ซึ่งจะรวมกลุ่มกันและเคลื่อนไหวกระทำความผิดเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และหลอกลวงให้เหยื่อหรือผู้เสียหายหลงเชื่อว่า เป็นนักธุรกิจ หรือชาวต่างชาติที่มีหน้าตา และฐานะดี แล้วหลอกลวงให้โอนเงินให้ก่อนที่จะตัดขาดการติดต่อ (โรแมนซ์ สแกม) โดยมักจะเดินทางเข้า-ออก และก่อเหตุกับหญิงในประเทศกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง ได้แก่ ไทย ลาว และ เมียนมา) สำหรับในประเทศไทยแก๊งโขงริเวอร์ มีพฤติการณ์ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย มาเคลื่อนไหวเพื่อกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี / อินเทอร์เน็ต (โรแมนซ์ สแกม) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล

จากการบูรณาการด้านการข่าวกับ ป.ป.ส. และ บช.ปส. ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ตม.1 สืบทราบว่ามีสมาชิกแก๊งโขงริเวอร์ มาแฝงตัวพักอาศัยอยู่บริเวณที่พักย่านนวมินทร์ แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพฯ จึงได้วางแผนจัดกำลังเข้าทำการตรวจสอบ จนกระทั่งสามารถดำเนินการจับกุมบุคคลต่างด้าวเป็นชายชาวต่างชาติผิวสีได้ 2 ราย คือ 1. นายโจเอล อายุ 22 ปี สัญชาติแคมารูน และ 2. นายซิลลา อายุ 27 ปี สัญชาติ เซเนกัล จากการตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบเอกสารการเดินทางหรือหลักฐานการเข้าเมืองโดยถูกกฎหมาย จาากนั้นเจ้าหน้าที่ฯ ได้ทำการตรวจสอบห้องพักของผู้ถูกจับเพื่อค้นหาสิ่งผิดกฎหมายตามข้อมูลที่ได้รับแจ้ง ผลปรากฏว่าไม่พบ ยาเสพติดและสิ่งของผิดกฎหมาย แต่อย่างใด

กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 “จับกุมหนุ่มจีน ใช้ E-VISA ปลอม”

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด                     

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผบก.ตม.2, พ.ต.อ.จีรวัฒน์ แนวจำปา รอง ผบก.ตม.2 และ พ.ต.อ.ชัยธนันท์ จิรปิยเศรษฐ์ ผกก.สส.ปป.บก.ตม.2 แถลงข่าวผลการจับกุม ดังนี้

เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ปป.บก.ตม.2 ได้รับแจ้งจากฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่าพบบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีนต้องสงสัย ใช้เอกสารรับรองการขอ E-VISA (ระบบตรวจลงตราทางอิเล็กทรอนิกส์) ปลอม เมื่อตำรวจชุดจับกุมไปถึงบริเวณฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าฯ พบบุคคลสัญชาติจีนซึ่งเดินทางมาจากท่าอากาศยานนานาชาติมาเก๊า - ท่าอากาศยานนานาชาติชางงี สิงคโปร์ - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ   

โดยสายการบินสกู๊ส เที่ยวบิน TR752 จึงขอทำการตรวจสอบ ผู้ต้องสงสัยได้นำเอกสารรับรองการขอ E-VISA ประเภทนักเรียน-นักศึกษา (NON-ED) ออกโดยสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง เพื่อขอรับการตรวจลงตราเข้าราชอาณาจักรไทยมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ฯ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าฯ ได้นำหนังสือเดินทางของผู้ต้องสงสัยไปตรวจสอบด้วยระบบไบโอเมทริกซ์ (BIOMETRICS) ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ปรากฏว่าไม่พบข้อมูล E-VISA ตามเอกสารรับรองที่ผู้ต้องสงสัยนำมายื่นแสดงต่อเจ้าหน้าที่ฯ 

คุณแม่สุดเซ็ง car seat ฉวยโอกาสขึ้นราคา หลังกม.ประกาศใช้ วอนรัฐออกมาตรการช่วยเหลือ

จากกรณีที่ราชกิจจานุเบกษาออกประกาศบังใช้กฎหมายให้เด็กอายุไม่เกิน 6 ขวบ สูงไม่เกิน 135 ซม. ต้องนั่งคาร์ซีทนั้น ล่าสุด เพจดัง “เลี้ยงลูกอย่างมีความสุข by mommy Arpan” ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุเกี่ยวกับเรื่องราคาคาร์ซีท ขึ้นราคาว่า

“เกินไปมากอ่ะ เราจะเปลี่ยน car seat ให้พสุเพราะโตแล้ว จะเปลี่ยนมาใช้เหมือนของพระพาย ซึ่งตอนนั้นเราซื้อของพระพายแค่ 5,400 เองของเด็กโตจะซื้อรุ่นเดียว สีเดียวกันเป๊ะๆเลย สองวันก่อน 6,3xxx วันนี้ 8,9xx  เพื่อ... เห็นด้วยกับกฎหมายนะ เราเองก็ใช้ตลอด แรกเกิด -8 ปีแล้วไม่เคยไม่ใช้

แต่รบ.ต้องออกมาตรการช่วยเหลือผู้ปกครองด้วย ของแพงขึ้นแบบนี้มันไม่แฟร์อ่ะ ควรลดภาษีนำเข้า ลดราคาของบ้างก็ดีนะ แคมเปญลด แลก เอาอันเก่ามาแลก ซื้อรถแถมคาร์ซีส หรือลงทะเบียนแจกให้คนที่ลงทะเบียนผ่านรัฐ เพื่อช่วยกันช่วงแรกๆ มันควรมีอ่ะ

กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 “จับขบวนการขนแรงงานหลบหนีเข้าเมือง หวิดแหกด่านจนท.ตามรวบได้ทัน”

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด 

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ไกลเขต บุรีรักษ์ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.อุกฤต กัลยาณมิตร ผกก.ตม.จว.กาญจนบุรี และ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 แถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจดังนี้

กล่าวคือก่อนทำการจับกุมเจ้าหน้าที่ ตม.จว.กาญจนบุรี ได้ทำการสืบสวนหาข่าวทราบว่า มีการลักลอบขนแรงงานผ่านถนนสายทล.323 ในห้วงเวลากลางวันที่เจ้าหน้าที่อาจชะล่าใจ จึงได้มีการประสานงานเพื่อแจ้งข่าวกับชุมชนให้ช่วยแจ้งเบาะแสะ ซึ่งต่อมาวันที่ 8 พ.ค. 65 เวลาช่วงกลางวัน ได้รับแจ้งเบาะแสว่าจะมีรถยนต์กระบะบรรทุกขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายลักษณะเป็นรถกระบะบรรทุกสีดำ และสีบรอนซ์ทอง ผ่านในเส้นทางถนนสายทล.323 ช่วงอำเภอทองผาภูมิจึงได้บูรณาการกำลังหลายภาคส่วนตั้งจุดสกัดบริเวณสามแยกทองผาภูมิ เมื่อถึงเวลาประมาณ 13.00 น. ปรากฏรถกระบะบรรทุกสีดำมีลักษณะคล้ายรถต้องสงสัย จึงได้เรียกตรวจสอบและพบว่าเป็นรถกระบะบรรทุก ทะเบียนจว.กาญจนบุรี มีนายสถาพร อายุ 32 ปี เป็นผู้ขับมีผู้โดยสารเป็นคนต่างด้าวสัญชาติเมียนจำนวน 18 คน ไม่มีเอกสารประจำตัวใดให้ตรวจสอบ ในระหว่างเรียกตรวจก็มีรถกระบะบรรทุกอีกคันซึ่งเป็นรถกระบะ สีบรอนซ์ทอง ขับตามมาในระยะเวลาใกล้กัน แต่เมื่อรถคันดังกล่าวเห็นว่ามีตั้งจุดสกัดก็มีการขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ได้ใช้รถยนต์ติดตามจับกุมไว้ได้และพบว่าเป็นรถกระบรรทุก สีบรอนซ์ทอง ทะเบียนจว.ประจวบคีรีขันธ์ มีนายอุดร เป็นผู้ขับมีผู้โดยสารเป็นคนต่างด้าวชาวเมียนมาจำนวน 21 คน ตรวจสอบแล้วไม่พบเอกสารประจำตัวใดให้ตรวจสอบ คนต่างด้าวทั้งหมดรับว่าลักลอบเข้ามาในประเทศ จึงจับกุมตัวทั้งหมดและยึดของกลางนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย การแจ้งข้อกล่าวหา นาย สถาพรฯ และ นายอุดรฯ (คนขับ) แจ้งว่า   


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top