อดีต ตชด. สะท้อนปัญหากะเหรี่ยง หนังเก่าวนฉายซ้ำ คนกะเหรี่ยงยังเป็นฝ่ายรับกรรม

(25 พ.ค. 68) ไม่นานมานี้บนเฟสบุ๊กของอดีต ตชด. ท่านหนึ่งออกมาวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ที่ KNU ตีฐานของกองทัพเมียนมาแตกว่า เหมือนหนังเก่าที่วนมาฉายซ้ำไม่ต่างจากละครดาวพระศุกร์ หรือคู่กรรม  แต่ต่างตรงที่ในโลกความเป็นจริงคนกะเหรี่ยงคือคนรับกรรมและไทยก็คือแหล่งกบดาน

ในข้อความเอ่ยว่าในอดีตกองกำลังกะเหรี่ยงมีฐานตามแนวชายแดนไทยตั้งแต่สบเมยไปจนถึงน้ำพุร้อน  ในอดีตทำการค้าดีโดยเฉพาะการเก็บเงินจากสัมปทานไม้สัก เหมืองทองและเหมืองหยก โดยอู้ฟู่ที่สุดคือยุคนายพลโบ เมี๊ยะครองอำนาจ

จากนั้นหลังจากปี 2537 ช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจนในกลุ่มกะเหรี่ยงสูงขึ้นจนเกิดความขัดแย้งภายใน  ว่ากันว่ามีการคอร์รัปชั่นในกลุ่มกองกำลังกะเหรี่ยงจนแยกตัวออกมาเป็น DKBA จนสุดท้ายก็ไปรวมกลายเป็น BGF ในที่สุด

มาจนถึงวันนี้กะเหรี่ยงหลายคนคิดว่ากองกำลังที่เขาต่อสู้คือกองทัพเมียนมาแต่ความเป็นจริง กองกำลังนี้คือกองกำลังประจำถิ่นอันประกอบด้วยคนเชื้อสายกะเหรี่ยงเป็นส่วนใหญ่

ตลอด 75 ปีที่รบกันมา ฝ่ายกะเหรี่ยงก็พยายามสร้างวิวาทะ ขายฝันหลอกคนรุ่นใหม่ของกะเหรี่ยงมาเป็นทหารออกรบเพื่อชาติตนเอง ทั้งๆที่การสร้างชาติที่แท้จริงสามารถจบได้บนโต๊ะเจรจา

สุดท้ายคงปฏิเสธไม่ได้ว่าสงครามในขณะนี้กองกำลังกะเหรี่ยงก็ไม่ต่างอะไรกับทหารรับจ้างของพวกตะวันตกที่พยายามสร้างประเด็นในเมียนมาเพื่อป้องกันการรุกคืบของจีนและรัสเซียในภูมิภาคนี้

กอทูแล ณ วันนี้คนกะเหรี่ยงคงไม่มีโอกาสได้เห็นและจะไม่มีวันได้เห็นหากสุดท้ายคนกะเหรี่ยงเองเลือกที่จะจับอาวุธเข้ายึดแทนที่จะเลือกหนทางสันติวิธี

ส่วนไทยคงต้องตอบคำถามให้หนักว่าเราเลยจุดที่เอากะเหรี่ยงเป็นรัฐกันชนหรือยัง  เพราะอย่าลืมว่า ณ วันนี้ยาเสพติดส่วนหนึ่งเข้ามาประเทศไทยโดยทางช่องทางธรรมชาติในพื้นที่กะเหรี่ยงนั่นเอง


เรื่อง: AYA IRRAWADEE