เวียดนามไฟเขียวเปิดประตูรับ 'สตาร์ลิงก์' ใช้ดาวเทียมมักส์แลกทรัมป์เลี่ยงขึ้นภาษี

(19 ก.พ.68) เวียดนามกำลังเดินหน้าออกกฎระเบียบใหม่ที่เอื้อให้ Starlink บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมของ อีลอน มัสก์ สามารถให้บริการภายในประเทศได้ โดยเปิดทางให้บริษัทต่างชาติสามารถควบคุมการดำเนินงานของตนเองได้อย่างเต็มที่ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญ ท่ามกลางความตึงเครียดทางเศรษฐกิจระหว่างเวียดนามและสหรัฐฯ

กฎระเบียบใหม่นี้จะอนุญาตให้ Starlink สามารถดำเนินธุรกิจในเวียดนามผ่านบริษัทลูกที่ถือหุ้นทั้งหมดโดย SpaceX ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของมัสก์ การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการเจรจาที่ยืดเยื้อระหว่างเวียดนามกับ SpaceX และถูกมองว่าเป็นสัญญาณแห่งความร่วมมือ หรือ ‘กิ่งมะกอก’ ที่ส่งถึงรัฐบาลสหรัฐฯ

นโยบายใหม่นี้มีขึ้นในช่วงที่สหรัฐฯ ภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนาม ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก ปัจจุบัน สหรัฐฯ ถือเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสิ่งทอ อิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าเกษตร

จากอุปสรรคสู่โอกาส: เวียดนามเปลี่ยนจุดยืนต่ออินเทอร์เน็ตดาวเทียม ก่อนหน้านี้ เวียดนามมีข้อจำกัดเข้มงวดเกี่ยวกับการให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม โดยไม่อนุญาตให้บริษัทต่างชาติถือหุ้นข้างมากหรือดำเนินธุรกิจโดยอิสระ ส่งผลให้แผนขยายตลาดของ SpaceX ในเวียดนามต้องหยุดชะงักในช่วงปลายปี 2023 อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายฉบับใหม่ ซึ่งมีกำหนดนำเสนอในที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 19 กุมภาพันธ์นี้ จะเปิดทางให้บริษัทอินเทอร์เน็ตดาวเทียมสามารถควบคุมการดำเนินงานของตนเองได้เต็มรูปแบบ ภายใต้โครงการนำร่องที่มีกำหนดดำเนินการจนถึงปี 2030

หาก Starlink สามารถเข้าสู่ตลาดเวียดนามได้สำเร็จ อาจช่วยให้ประเทศลดแรงกดดันจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ได้บางส่วน ปัจจุบัน เวียดนามมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูงถึง 123,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 4.1 ล้านล้านบาท) ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้รัฐบาลทรัมป์พิจารณาเพิ่มภาษีนำเข้า

ในขณะเดียวกัน รัฐบาลเวียดนามเปิดเผยว่า SpaceX มีแผนลงทุนมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 50,000 ล้านบาท) ในเวียดนาม โดยขยายเครือข่ายซัพพลายเออร์และพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านอินเทอร์เน็ต ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ช่วยเร่งการอนุมัติกฎระเบียบใหม่

นอกจากการเปิดตลาดอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมแล้ว เวียดนามยังพยายามปรับสมดุลการค้ากับสหรัฐฯ โดยเสนอที่จะนำเข้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากอเมริกามากขึ้น และอยู่ระหว่างหารือเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าอื่น ๆ เพื่อบรรเทาแรงกดดันจากมาตรการภาษีที่อาจเกิดขึ้น

การตัดสินใจเปิดทางให้ Starlink ดำเนินธุรกิจในเวียดนามสะท้อนถึงแนวทางที่รัฐบาลฮานอยใช้ในการรับมือกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจจากมหาอำนาจโลก พร้อมส่งสัญญาณถึงวอชิงตันว่า เวียดนามพร้อมที่จะเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ หากได้รับข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน