'เอกนัฏ' ขึ้นเวที 4 ปี THE STATES TIMES ชูไอเดียดิสรัปอุตสาหกรรม สู่ Industry 4.0

เมื่อวานนี้ (12 ธ.ค.67) เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเลขาธิการพรรคร่วมไทยสร้างชาติ เข้าร่วมงานครบรอบ 4 ปีการก่อตั้งสำนักข่าว THE STATES TIMES พร้อมทั้งได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ 'Industry 4.0 Revolution industry for Smart Manufacturing' ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพมหานคร

นายเอกนัฏ กล่าวว่า "ขอแสดงความยินดีต่อสำนักข่าว THE STATES TIMES ในโอกาสครบรอบ 4 ปี ผมมั่นใจว่า THE STATES TIMES สามารถอยู่บนจุดยืนความเป็นสื่อที่เป็นกลางจะสามารถฝ่า Distruption ต่าง ๆ ไปได้อย่างแน่นอน" ในการนี้นายเอกณัฐ ยังกล่าวชื่นชมนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ว่า ตลอดเวลาการทำงานพีระพันธุ์คือมนุษย์แห่ง Distruption อย่างแท้จริงตั้งแต่โครงการโฮปเวลจนถึงการบินไทย และสองปีล่าสุดในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 

เอกนัฏ เผยว่า สำหรับตัวเขากว่าจะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้ ก็ลำบากยากเย็น กว่าจะฝ่าด่านมาได้ก็ลำบาก เมื่อเป็นรัฐมนตรีผมก็มาตรวจสอบสถานะของอุตสาหกรรมไทยที่ยังไม่สู้ดี เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นจากโควิด หนี้ครัวเรือนก็ยังอยู่ในสภาวะฝืดเคืองหากมองในแง่จีดีพี สัดส่วนของภาคอุตสาหกรรมไม่ปรับตัวเปลี่ยนแปลงตามการเปลี่ยนแปลงของโลก 

เอกนัฏ เปรียบว่า ภาคอุตสาหกรรมไทยเสมือน Cash Cow ที่ผลิตสินค้าแบบใดก็ผลิตแบบนั้นมาตลอด แต่เมื่อโลกเปลี่ยนจึงต้องถูกบีบให้ปรับตัว "ยกตัวอย่างอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ฐานเดิมผลิตรถยนต์สันดาป แต่ปัจจุบันโลกผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แต่ปรากฏว่าปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าขายดีกว่ารถสันดาป เห็นได้จากยอดจองรถยนต์ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปโลกถูกดิสรัปด้วยยานยนต์ไฟฟ้า"

"เมื่อเราย้อนกลับมาดูบ้านเรายังปรับตัวไม่ทัน ภาคอุตสาหกรรมก็ผลิตแต่สินค้าเดิมๆ ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ตามที่ท่านหัวหน้าพรรคคิดนโยบายรื้อลดปลดสร้างในฐานะรมว.พลังงาน ผมก็คิดว่าจะสร้างภาคอุตสาหกรรมควรทำแบบนั้นเช่นกัน" เอกนัฏ กล่าว

เอกนัฏ เผยอีกว่า ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะผลการเลือกตั้งของสหรัฐ กำลังจะเป็นผลดีให้กับประเทศไทยที่ผู้ประกอบการรายใหญ่จะย้ายฐานเข้ามาไทย นับว่าเป็นโชคดีของประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการแข่งขันของชาติอื่นในอาเซียน ประเทศไทยก็ต้องแข่งขันกับชาติเพื่อนบ้านให้ได้เช่นกัน

เรื่องนี้ถือเป็นโจทย์ให้กระทรวงอุตสาหกรรมที่เป็นทั้งความท้าทายและโอกาส โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ไทยควรปรับฐานการผลิตในประเทศจากฐานรถยนต์สันดาปไปสู่ไฟฟ้า "แต่ก่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไม่สนใจปรับตัวสู่ไฟฟ้า แต่เมื่อถูกดิสรัปอุตสาหกรรมยานยนต์จึงถูกบีบบังคับให้เป็นต้องปรับสู่ไฟฟ้าเช่นกัน"

เอกนัฏเผยว่าก่อนหน้านี้เขาเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น มีบรรดาผู้บริหารค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นเข้ามาหารือเป็นจำนวนมาก ทุกค่ายต่างเห็นพ้องที่จะเปลี่ยนมาผลิตเครื่องยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ไฮบริด ซึ่งได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการออกสิทธิ์พิเศษด้านภาษี เพื่อเอื้อต่อภาคเอกชนปรับตัวและลงทุนเพิ่มเติมในประเทศไทยจากการผลิตชิ้นส่วนและเครื่องยนต์สันดาปเป็นหลัก มาสู่การผลิตชิ้นส่วนและเครื่องยนต์ไฮบริดหรือไฟฟ้าล้วน

"ต่อไปนี้ไม่เห็นข่าวปิดโรงงานค่ายรถยนต์ของญี่ปุ่นอีกต่อไปแล้ว ประเทศไทยจะได้รับการลงทุนอีกนับแสนล้านบาท" รมว.อุตสาหกรรมกล่าว ยังเผยอีกว่า นอกจากค่ายรถญี่ปุ่นแล้ว บรรดาค่ายรถจีนที่นิยมเข้ามาตั้งโรงงานในไทยเพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าก็มีเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ทั้งหมดนี้นับว่าเป็นโอกาสของประเทศไทย

นอกจากนี้ในภาคอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ นายเอกนัฏเผยว่า กำลังหารือให้ภาคอุตฯดังกล่าวเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ขณะที่ด้านอุตสาหกรรมเกษตร ในฐานะเลขาฯพรรคร่วมไทยสร้างชาติ เขาได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐมนตรีพลังงานในการนำพืชเศรษฐกิจด้านพลังงานมาใช้ให้มากขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังสนับสนุนในการปฏิรูประบบราชการเพื่อให้เอกชนสามารถขอใบอนุญาตเพื่อการลงทุนได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

รมว.อุตสาหกรรมยังเผยถึงประเด็นการสนับสนุนภาคเอกชนในการขอใบอนุญาตตั้งกิจการว่า อนาคตจะมีการนำ AI มาช่วยในการพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน โดยอาจจะต้องมีการปรับปรุงพรบ.โรงงานที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรมเช่นกัน นอกจากนั้นในด้านผลกระทบจากการผลิตในอุตสาหกรรมนั้น เอกนัฏ เผยว่า ในฐานะรัฐมนตรีอุตสาหกรรม นอกจากรับผิดชอบเรื่องการลงทุนแล้ว ยังต้องรับผิดชอบเรื่องสิ่งแวดล้อมด้วย เขามีเป้าหมายการฟื้นอุตสาหกรรมไทยให้ได้ 1% ของจีดีพีนั้น จะต้องไม่กระทบต่อประชาชนโดยเฉพาะกากอุตสาหกรรมก็ต้องรับผิดชอบเช่นกัน

"จับหมดครับ สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานลงดัมพ์ตลาดไทย เรามีทีมจับกุม จับทุกที จับทุกเวลา เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมไทย" เอกนัฏ กล่าว นอกจากนี้ยังมีแผนร่วมมือกับแอปพลิเคชัน Traffy Fondue ในการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาสังคมเพื่อจัดการกับสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน

เอกนัฏ กล่าวต่อว่า แม้จะมีการลงทุนมากมายจากต่างชาติ แต่สุดท้ายคนไทยต้องได้รับประโยชน์ คนไทยต้องได้รับการจ้างงาน คนไทยต้องได้พัฒนาทักษะด้านอุตสาหกรรมจากการลงทุนดังกล่าว ทั้งหมดนี้เป็นภารกิจที่เดินหน้าสร้างอุตสาหกรรมเศรษฐกิจยุคใหม่ 

“เราตั้งใจว่าในอีก 2 ปีข้างหน้า ภาคอุตสาหกรรมจะกลับมาเติบโต เพิ่มจีดีพีอย่างน้อย 1% โดยไม่พึ่งงบประมาณของภาครัฐ เราทำทันที ทำทุกวินาที ทำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อเติมเต็มศักยภาพของเศรษฐกิจไทย"

เอกนัฏยังเผยว่า หากหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติทำเรื่องพลังงาน ในฐานะรัฐมนตรีอุตสาหกรรมเขาจะทำเรื่องกากอุตสาหกรรมและขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งตอนนี้ ได้ร่างกฎหมายฉบับนี้เสร็จเรียบร้อย ร่างกฎหมายนี้จะให้อำนาจเจ้าหน้าที่จัดการผู้ประกอบการจัดการกับขยะอุตสาหกรรมอย่างไม่เหมาะสม นอกจากนี้เรายังสนับสนุนการรีไซเคิลเช่นกัน เรามีแผนจะร่างกฎหมายด้านการผลิตจากชิ้นส่วนรีไซเคิล เพราะในฐานะที่ประเทศไทยจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว เราควรมีมาตรการรีไซเคิลในด้านนี้ด้วยเช่นกัน 

"หากท่านพีระพันธุ์ดิสรัปพลังงานแล้ว ผมเอกนัฏขอดิสรัปภาคอุตสาหกรรมครับ" 

ภายในงานยังมีการกล่าวปาฐกถาพิเศษโดยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษภายใต้หัวข้อ Powering the future, Revolutionizing the energy landscape และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในหัวข้อ “Digital Economy: การพัฒนาอีกชั้นในยุคดิจิทัล” พร้อมทั้งยังมีเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังของเมืองไทยมาร่วมในงานครบรอบ 4 ปีของการก่อตั้ง THE STATES TIMES อีกด้วย ทั้งนี้ สำหรับสำนักข่าว THE STATES TIMES ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2563 โดยจัดเป็นสำนักข่าวออนไลน์สำหรับคนรุ่นใหม่ที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกอย่างรอบด้าน