40% ของ ‘เบบี้บูมเมอร์’ ทั่วโลก กำลังขาดเงินออมวัยเกษียณ ต้องวางแผนทำงานไปจนตกงาน เพื่อหารายได้พอประทังชีพ

(29 เม.ย.67) Business Tomorrow เผยรายงานล่าสุดของ TCDC ชี้ว่ากลุ่มคน 'เบบี้บูมเมอร์' หรือคนเกิดในช่วงปี 2489-2507 ทั่วโลกกว่า 40% วางแผนทำงานไปจนกว่าจะตกงาน ด้วยปัญหาด้านการเงินและรายได้ที่ไม่เพียงพอหลังเกษียณอายุ

แนวโน้มนี้สอดคล้องกับข้อมูลจากสหรัฐอเมริกา ที่พบว่ากลุ่ม 'Peak Boomer' หรือเบบี้บูมเมอร์รุ่นสุดท้ายกำลังเข้าสู่วัยเกษียณในปีนี้กว่า 30 ล้านคน แต่มีเงินออมน้อยกว่า 250,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 9.2 ล้านบาท ถึงเกือบ 2 ใน 3 

ตัวเลขนี้แสดงว่าคนกลุ่มนี้ไม่สามารถพึ่งพิงเงินออมได้ จำเป็นต้องพึ่งพาประกันสังคมเพื่อเลี้ยงชีพ จึงต้องทำงานต่อไปจนแก่เฒ่า หรือแม้แต่จนตาย เพื่อให้มีรายได้เลี้ยงชีพ

ปัญหาเงินออมน้อยของเบบี้บูมเมอร์ส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงระบบบำนาญจากที่เคยได้รับเงินอุดหนุนจากนายจ้าง มาเป็นแผนการลงทุนแบบ 401k ที่พนักงานต้องหักเงินเดือนเข้ากองทุนเอง แต่มีเพียง 24% ของคนอเมริกันเท่านั้นที่ถือหุ้นกองทุนนี้

นอกจากนี้ยังพบว่ามากกว่า 50% ของกลุ่มวัยเกษียณอเมริกันมีรายได้ต่ำกว่า 300,000 ดอลลาร์ต่อปี หรือประมาณ 11 ล้านบาทเท่านั้น โดยมีสัดส่วนมากที่สุดอยู่ที่รายได้ระหว่าง 10,000-19,000 ดอลลาร์ต่อปี หรือราว 3.7-7 แสนบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับค่าครองชีพในปัจจุบันที่สูงขึ้นแล้ว นับว่าเป็นรายได้น้อยมาก

สำหรับประเทศไทยแม้ยังไม่มีสถิติชัดเจนว่ากลุ่มเบบี้บูมเมอร์มีสถานะทางการเงินอย่างไร แต่หากสภาวะเศรษฐกิจไม่ดีขึ้น มีราคาสินค้าแพงและค่าครองชีพสูงเช่นนี้ คนวัยทำงานรุ่นปัจจุบันที่กำลังจะเข้าสู่วัยเกษียณในอนาคตอันใกล้ ก็อาจต้องประสบปัญหาเดียวกับเบบี้บูมเมอร์ในต่างประเทศ ต้องทำงานต่อไปจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต