เมืองผู้ดี เปิดประมูลนาฬิกาทองคำ ที่จมไปพร้อมกับ ‘ไททานิก’ เผย ‘เจ้าของนาฬิกา’ ส่งภรรยาที่กำลังท้องลงเรือชูชีพ ก่อนตัวเองจะไม่รอด

(28 เม.ย. 67) Henry Aldridge & Son ประมูลสิ่งของที่เหลือรอดจากเรือไททานิก โดยในครั้งนี้มีนาฬิกาพกทองคำของผู้โดยสารที่ร่ำรวยที่สุด ประมูลจบที่ 41.6 ล้านบาท

เมื่อวานนี้ (วันที่ 27 เม.ย.) บริษัท Henry Aldridge & Son ได้จัดการประมูล ‘สิ่งของที่เหลือรอดจากเรือไททานิก’ อีกครั้ง โดยรอบนี้มีไฮไลต์เด็ดที่นักสะสมรอคอย นั่นคือ ‘นาฬิกาพกทองคำ’ ของ จอห์น จาคอบ แอสเตอร์ ผู้โดยสารที่ร่ำรวยที่สุดบนเรือไททานิก

บริษัทตั้งราคาเริ่มต้นไว้ที่ 150,000 ปอนด์ (ราว 7 ล้านบาท) แต่ท้ายที่สุดราคาพุ่งขึ้นไปถึง 6 เท่า จบที่ 900,000 ปอนด์ (เกือบ 41.6 ล้านบาท) และเมื่อรวมภาษีและค่าธรรมเนียมแล้ว มีมูลค่ารวมสูงถึง 1.175 ล้านปอนด์ (ราว 54.9 ล้านล้านบาท) 

มูลค่าดังกล่าวทำให้ แอนดรูว์ อัลดริดจ์ เจ้าของบริษัทประมูล ระบุว่า นี่เป็นราคาประมูลสิ่งของจากเรือไททานิกที่ ทำลายสถิติโลก

สำหรับ จอห์น จาคอบ แอสเตอร์ เป็นนักธุรกิจผู้ร่ำรวยวัย 47 ปี เขาเสียชีวิตหลังจากที่ส่งภรรยา แมดเดอลีน ขึ้นเรือชูชีพสำเร็จ ส่วนตัวเองจมไปพร้อมกับเรือ และนาฬิกาดังกล่าวถูกพบพร้อมกับร่างของเขา

เดวิด เบดดาร์ด ประธานสมาคมไททานิคแห่งอังกฤษ กล่าวว่า “ไม่เหมือนกับนาฬิกาหลายเรือนจากเรือไททานิกซึ่งหยุดเดินไปในค่ำคืนแห่งโชคชะตา นาฬิกาเรือนนี้ได้รับการบูรณะและสวมโดยวินเซนต์ ลูกชายของแอสเตอร์”

เขาเสริมว่า “นาฬิกาเรือนนี้อยู่ในกระเป๋าเสื้อของเขา ขณะที่เขาส่งภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ลงเรือชูชีพ ส่วนตัวเองก้าวถอยหลังโดยรู้ตัวว่าจะไม่รอด มันถือเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง”

ก่อนหน้านี้เคยมีของจากไททานิกที่ถูกประมูลไปในราคา 900,000 ปอนด์เช่นกัน นั่นคือไวโอลินที่นักดนตรีคนหนึ่งบนเรือเล่นขณะที่เรือกำลังจม โดยถูกประมูลไปเมื่อปี 2013 บวกภาษีและค่าธรรมเนียมจะอยู๋ที่ 1.1 ล้านปอนด์ ทำให้มูลค่ารวมของการปะมูลครั้งล่าสุดแซงหน้าไป

ในการประมูลครั้งนี้ยังมีกล่องใส่ไวโอลินของไวโอลินตัวข้างต้น ถูกประมูลไปด้วยราคา 290,000 ปอนด์ (366,000 ปอนด์เมื่อบวกภาษีและค่าธรรมเนียม)

ไวโอลินและกล่องใส่เป็นของ วอลเลซ ฮาร์ตลีย์ มีเรื่องเล่าว่า ขณะที่เรือกำลังจม เขาและวงยังคงเล่นดนตรีเพื่อทำให้ผู้โดยสารรู้สึกสงบในขณะที่ภัยพิบัติกำลังคืบคลานรอบตัวพวกเขา

ฮาร์ตลีย์จมไปพร้อมกับเรือเช่นเดียวกับผู้โดยสารส่วนใหญ่ โดยไม่ได้นำไวโอลินใส่ลงไปในกล่อง

เบดดาร์ดบอกว่า “กระเป๋าใบนี้รอดมาได้ในสภาพค่อนข้างดี แม้ว่าจะมีความเสียหายจากน้ำก็ตาม”