'บิ๊กโจ๊ก' ลั่น!!! ใครอยากเป็น ผบ.ตร.ให้มาขอกันดีๆ พร้อมพาไปกราบ 'พล.ต.อ.เผ่า' อดีตอธิบดีกรมตำรวจ

(24 เม.ย.67) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (อดีตรอง ผบ.ตร.) หรือ ‘บิ๊กโจ๊ก’ เดินทางมาเพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการใช้หลักฐานการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพนักงานสอบสวนเครือข่ายมินนี่ ของ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.เตาปูน ที่ส่งให้ ปปง.ไปก่อนหน้านี้ ว่าไม่สามารถนำมาประกอบสำนวนได้ เนื่องจากเป็นการสอบสวนโดยมิชอบ โดยมี นายวิทยา นีติธรรม โฆษกสำนักงาน ปปง.เป็นตัวแทนรับหนังสือ

โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ที่มายื่นหนังสือในวันนี้ เพราะต้องการให้ ปปง.ไปตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สน.เตาปูน สอบสวนคดีความผิดที่มีมูลค่าเกินกว่า 300 ล้าน ตามหลักกฎหมายจะต้องส่งให้พนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ตำรวจจะสอบสวนเองไม่ได้ เมื่อสอบสวนโดยไม่มีอำนาจ การทำรายงานข้อเท็จจริงและความผิดฟอกเงินต่าง ๆ ส่งมาให้ ปปง.นั้นก็จะมิชอบด้วย ปปง.จะไม่สามารถนำเอาไปดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินต่าง ๆ หรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ดังนั้น กระบวนการทั้งหมดก็จะเป็นโมฆะทั้งหมด ต้องเริ่มกระบวนการสอบสวนใหม่อย่างเป็นธรรม คดีไหนเป็นความผิดเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐอำนาจสอบสวนต้องเป็นของ ปปช.ก็ต้องส่ง ปปช.ภายไหน 30 วัน คดีไหนเป็นอำนาจของดีเอสไอ ก็ต้องส่งดีเอสไอ ตนเองจึงได้มายื่นหนังสือคัดค้านและชี้แจงให้ ปปง.เล็งเห็นข้อเท็จจริงในส่วนนี้

ส่วนกระบวนการต่อไปของตนเอง จะเป็นการล่ารายชื่อ 20,000 รายชื่อ เพื่อส่งข้อมูลให้ประธานสภา เพื่อให้ดำเนินการยื่นสอบจริยธรรมและถอดถอน นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข กรรมการ ปปช.ต่อไป

ส่วนกรณีที่มีทนายคนดังออกมาแฉเส้นทางการเงินเว็บพนันออนไลน์ที่เชื่อมโยงไปถึงครอบครัวและคนใกล้ชิดของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เป็นเพียงเรื่องเก่า เปิดมานานแล้ว ก็ให้ว่ากันไป ใครอยากเปิดก็เปิดไป ไม่เป็นไร เป็นเรื่องที่อยู่ในสำนวนทั้งหมดแล้ว ลูกน้องตนเองอยู่ในกระบวนการกระทำความผิดก็จริง แต่ตนเองไม่ได้อยู่ในกระบวนการกระทำความผิด เงินของลูกน้อง ไม่ใช่ของตนเอง เมื่อมีขบวนการพยายามโยงความผิดมาที่ตนเอง ก็ต้องต่อสู้กันไป สุดท้ายศาล หรือ ปปช.จะเป็นผู้ตัดสินเอง

ส่วนตนเองจะได้รับความชอบธรรม และกลับมาก่อนการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ในเดือนกันยายนนี้หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า เรื่องการแต่งตั้งก็ว่ากันไป เป็นคนละส่วนกัน แต่การสืบสอบสวนเรื่องคดีย้ำว่า ทุกอย่างต้องยึดหลักกฎหมาย ไม่งั้นบ้านเมืองก็เดินต่อไปไม่ได้ ก่อนจะบอกว่า ตนเองผิดหรือถูก การสืบสวนต้องชอบด้วยกฎหมายก่อน ไม่ใช่สอบสวนแบบอาญาเถื่อน พร้อมทั้งยืนยันทิ้งท้าย หากสุดท้ายตนเองได้กลับไปเข้ารับตำแหน่งหรือได้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะไม่มีการเช็กผิดใคร ไม่ใช่คนอาฆาตแค้นใคร ทำบุญหมด

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (25 เม.ย.) เวลา 10.00 น.จะเดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนกับคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม ยื่นผ่านสำนักงาน ก.ตร.ขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้ออกจากราชการ ว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และหากได้พบกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. ก็ไม่มีอะไรอยากจะถาม แต่ถ้าใครอยากจะเป็น ผบ.ตร.ก็มาคุยกับตนเองได้ ตนเองยินดี ตนเองยอม เพราะยังอยู่อีกหลายปี และจะพาไปกราบรูปปั้น พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ และพาไปกราบนายกรัฐมนตรี ว่าอย่าไปหลอกท่านอีก