ตำรวจภาค 4 กัดติด รวบทีมขน 3 เครือข่ายยาเสพติด สกัดยาบ้ากว่า 6 ล้านเม็ด ก่อนทะลักเข้าพื้นที่ชั้นใน  เร่งขยายผลยึดทรัพย์ต่อที่ สภ.เชียงคาน

9 เม.ย.67 พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย  ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.พงพิพัฒน์ ศิริพรวิวัฒน์ ผบก.ภ.จว.เลย, นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผวจ.เลย , ผู้แทนหน่วยร่วมบูรณาการ ได้แก่ ป.ป.ส.ภาค 4, กกล.สุรศักดิ์มนตรี, ตำรวจน้ำ, กก.11 รน., ร้อย ตชด.246 ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมยาเสพติด ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร. ให้กวาดล้างจับกุมยาเสพติดในพื้นที่ตามแนวชายแดน เพิ่มความเข้ม  ในการกวาดล้างจับกุมยาเสพติดในพื้นที่มีปัญหา และปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดให้หมดสิ้นไป พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด เร่งกวาดล้างจับกุมยาเสพติดอย่างเด็ดขาดตามนโยบายดังกล่าว  เพื่อให้ผู้ค้ายาเสพติด  ไม่มีพื้นที่ยืนอีกต่อไป 

คดีที่ 1 ตำรวจ สภ.เชียงคาน สืบสวนทราบว่า ขบวนการค้ายาเสพติดจะนำยาบ้าไปส่งในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย จึงได้วางแผนจับกุม ต่อมาวันที่ 7 เม.ย. 67 เวลาประมาณ 05.30 น. ตำรวจชุดจับกุมได้พบรถตู้ลักษณะตรงตามข้อมูลที่มี จึงติดตามไปตามถนนสายปากชม–เชียงคาน ถึงบ้านบุฮม หมู่ 1 ต.บุฮม อ.เชียงคาน จ.เลย ที่เกิดเหตุ จึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น โดยมีนายพัชรพล อายุ 41 ปี ทำหน้าที่ขับรถ และนายจิตพงษ์ อายุ 41 ปี นั่งข้างคนขับ ผลการตรวจค้นภายในรถตู้ พบยาบ้าเม็ดสีส้ม และเม็ดสีฟ้า จำนวน 348 แพค บรรจุภายในกระสอบสีขาว จำนวน 9 กระสอบ รวมยาบ้าประมาณ 3,480,000 เม็ด จึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทั้งสองทราบว่า ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้า อันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยผิดกฎหมาย ตรวจยึดยาเสพติดไว้เป็นของกลาง จากนั้นจึงจับกุมผู้ต้องหาทั้งสอง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เชียงคาน ดำเนินคดี และขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป
 
คดีที่ 2 ตำรวจ บก.สส.ภ.4 และ สภ.บ้านแฮด สืบสวนทราบว่า จะมีการส่งมอบยาเสพติดจำนวนมากที่ ต.กู่ทอง  อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม จึงวางกำลังเพื่อทำการจับกุม ต่อมาเวลาประมาณ 19.00 น. พบรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า สีทอง ทะเบียน กร 79xx สระบุรี จอดอยู่ที่ลานจอดร้านขนมจีนกู่ทอง ถนนขอนแก่น-เชียงยืน ต.กู่ทอง อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม ตรงตามข้อมูลจากการสืบสวน จึงแสดงตัวเข้าทำการตรวจค้น มีนายภูธเนศ เป็นผู้ขับขี่(ทราบชื่อภายหลัง) ผลการตรวจค้นพบยาบ้า อยู่ในกระเป๋าเดินทาง จำนวน 4 ใบ บรรจุยาบ้าเป็นมัด รวมประมาณ 990,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ใต้ฝาท้ายรถยนต์คันดังกล่าว จึงแจ้งข้อกล่าวหาให้นายภูธเนศ ทราบว่า ร่วมกันกับพวกที่หลบหนี มียาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือ ความปลอดภัยของประชาชนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จากนั้นจึงจับกุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.กู่ทอง ดำเนินคดี
 
คดีที่ 3 ตำรวจ บก.สส.ภ.4 สืบสวนทราบว่าจะมีการส่งยาเสพติดในพื้นที่ ต.หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม จึงวางกำลังจับกุม ต่อมาเมื่อวันที่ 6 เม.ย.67 เวลาประมาณ  น. พบรถเก๋งยี่ห้อนิสสัน ทะเบียน กม 33xx สลกนคร จอดที่หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง ริมถนนสาย 212 ต.หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม โดยผู้ต้องหาทราบชื่อภายหลังว่านายณัฐวัฒน์ อายุ 43 ปี ลงมาจากรถ ไปยกกระสอบที่ซ่อนอยู่ข้างทาง จึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบว่าเป็นยาบ้า 2 กระสอบ จำนวน 570,000 เม็ด จึงยึดเป็นของกลางและแจ้งข้อหาจับกุมตัว ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านแพง ดำเนินคดี จากการตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างหลบหนีหมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรี ในความผิดฐาน “ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธฯ” ท้องที่ สภ.เมืองเพชรบุรี 
 
ล่าสุดวันนี้(9 เม.ย.67) พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4 ได้เดินทางไปสอบปากคำนายพัชรพล นายจิตพงษ์ สองผู้ต้องหาที่ลักลอบขนยาเสพติด 3,480,000 ล้านเม็ด โดยผู้ต้องหารับว่า ร่วมกับพวกอีก 2 คนที่หลบหนี รับจ้างขนยาเสพติดโดยได้รับค่าจ้างในครั้งนี้สองแสนบาท และหนึ่งในผู้ต้องหาเป็นนักสนุกเกอร์ที่มีชื่อเสียง แต่เนื่องจากเป็นหนี้พนัน  จึงมาขนยาเสพติดเพื่อนำเงินไปใช้หนี้ พล.ต.ท.สรายุทธ ได้สั่งการให้เร่งสืบสวนขยายผลไปจับกุมและใช้มาตรการยึดทรัพย์กับผู้สั่งการ และผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดต่อไป