‘จตุพร’ เชื่อ!! ‘ก้าวไกล’ ซักฟอกทิ้งทวน ก่อนโดน ‘ยุบพรรค’ ไม่เกินเดือนเมษา

(3 เม.ย.67) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์เมื่อวันที่ 2 เม.ย.67 ระบุถึงสงครามตัวแทนโจมตี กล่าวหาคดีส่วยพนันออนไลน์ได้กระชากฉุดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เละเทะ เสื่อมทรุด และยิ่งสะท้อนภาวะผู้นำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ไร้ศักยภาพโดยสิ้นเชิง จึงถูกบีบให้พ้นนายกฯ ไปตามดีลที่สัญญากันไว้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ถูกศาลอาญาออกหมายจับเมื่อเย็นวันที่ 2 เม.ย. เพราะไม่รายงานตัวตามหมายเรียกถึง 2 ครั้ง กรณีข้อหาฟอกเงินการพนันออนไลน์ แต่เข้าแสดงตัวกับ สน.เตาปูน เรียบร้อยแล้วและได้ประกันตัวในเวลาถัดมาในวันเดียวกัน ดังนั้นแสดงว่าดีลอำนาจส่งสัญญาณเล่นกันหนักและรุนแรงขึ้น

“สงครามตัวแทนของบิ๊กตำรวจใหญ่ระหว่าง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยิ่งทำให้ ตร. พังพาบไม่มีชิ้นดี ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา สั่งให้ทั้งคู่มาช่วยงานสำนักนายกฯ แล้วก็ตาม แต่การโจมตี กล่าวหากันและกันยังไม่ยุติลง ไม่เพียงเท่านั้น แม้บิ๊กตำรวจทั้ง 2 คน ได้แถลงข่าวกอดเอวคืนดีต่อกันชื่นมื่น แต่ฝ่ายสนับสนุนทั้ง 2 บิ๊กต่างเปิดศึกลามปามหนักไปกันใหญ่ และยากจะจบลงง่าย ๆ ดังนั้นเมื่อนายกฯ เป็นประธานกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) จึงสมควรทำอะไรมากกว่านี้ เพราะระบบของ ตร.เละถึงขั้นต้องยกเครื่องขนานใหญ่ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจกับตำรวจชั้นผู้น้อย” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้ ตร. ไม่ใช่เรื่องของคน 2 คนทะเลาะกันอีกแล้ว แต่ต้องยกระดับให้เป็นเรื่องการปฏิรูปหรือปฏิวัติการทำงานใน ตร. ล้างกันขนานใหญ่ จัดระบบโครงสร้างขึ้นมาใหม่ให้เป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนให้ได้ ดังนั้น ตร. ควรมีการเปลี่ยนการทำงานภายในครั้งใหญ่ เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ใช่เรื่องบุคคล แต่เป็นเพราะระบบทำให้เกิดเรื่องขึ้นมา ขณะที่ ตร.ทรุดพัง เละเทะ รัฐบาลกลับคิดโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คาสิโนขึ้นมา แล้วจะคาดหวังความคุ้มครองจากตำรวจได้อย่างไร หรือแค่ต้องการให้มีการเปลี่ยนสลับมือเอาคนมาหาผลประโยชน์จากคาสิโนที่จะตั้งขึ้นมาใหม่อีก

นายจตุพร กล่าวว่า รัฐบาลที่ผ่านมาเคยคิดจะตั้งคาสิโนขึ้นมาแล้ว แต่ผู้มีอำนาจในซีกรัฐบาลบางคนขอเรียกหุ้นลม 20% เป็นเรื่องถูกนินทาของทุกแวดวง ดังนั้นในคราวนี้เมื่อตำรวจมีปัญหาการหาประโยชน์จากช่องว่างผิดกฎหมาย แล้วเกิดระบบส่วย ทำให้มีการวิ่งเต้น ซื้อขายตำแหน่งอย่างไม่มีวันสิ้นสุด เพราะต้องเอาเงินคืนจากธุรกิจผิดกฎหมายเก็บสะสมเพื่อวิ่งเต้นหาตำแหน่งสูงขึ้นไปอีกเป็นทอด ๆ นายกฯ ควรมอบหมายให้ ก.ตร. ประชุมเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตศรัทธาของ ตร.ก่อน เพราะเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งต้องการวุฒิภาวะของผู้นำมาแก้ปัญหานำไปสู่การเปลี่ยนเพื่อเกิดศักยภาพการทำงาน ส่วนนายกฯ เอาแต่เรียกมาคุย แต่ปัญหายังไม่จบสิ้น ไม่ได้เกิดประโยชน์ใด ๆ ขึ้นมาเลย

นายจตุพร กล่าวถึงข่าวพรรคเพื่อไทยจะดึงพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เข้าร่วมรัฐบาล ว่า ตั้งแต่มีการโหวตนายเศรษฐา เป็นนายกฯ เมื่อ 22 ส.ค.66 เพื่อไทยไม่เคยมีการพูดเรื่องดึง ปชป. เป็นรัฐบาลเลย แต่เมื่อจะถูกอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ ม.152 กลับมาเป็นข่าวขึ้นมาก่อนวันอภิปราย

อย่างไรก็ตาม ในการอภิปรายทั่วไปวันที่ 3 เม.ย.นี้ พรรคก้าวไกลต้องสร้างให้เป็นนัดแห่งความทรงจำของประชาชน ก่อนถูกยุบพรรค คาดไม่เกิน เม.ย.นี้ ถึงที่สุดแล้ว ร่องรอยสถานการณ์ขณะนี้หากมีการเบี้ยวดีลกันขึ้น จะเป็นปัจจัยบ่งชี้ไปถึงปฏิบัติการในวันที่ 10 เม.ย. ซึ่งเป็นวันนายทักษิณ ชินวัตร ไปฟังคำสั่งอัยการสูงสุดจะฟ้องศาลในคดี ม.112 หรือไม่ หากถูกฟ้องศาลแล้วไม่ได้ประกันตัวต้องติดคุก ซึ่งจะเป็นอีกสถานการณ์หนึ่งทันที จึงต้องจับตาดู

นอกจากนี้ปัญหาของนายเศรษฐา กรณีพูดแต่งตั้ง ผกก. ในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ซึ่งเรื่องยังคาอยู่ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หากถูกชี้มีมูลแล้ว ย่อมเป็นเหตุให้ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ในชั้น ป.ป.ช.ทันที ด้วยปัจจัยรุมเร้าเหล่านี้ในวันครบดีลกลับบ้านยังลุกลามเป็นอุปสรรคสกัดกั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับไทยได้ลำบากยิ่งขึ้น

“เรื่องราวและปัจจัยเหล่านี้จึงสะท้อนว่าไม่มีช่องว่างให้เกิดการปรับ ครม.นำ ปชป.เข้าร่วมรัฐบาลกันอย่างจริงจังเลย ซึ่งเป็นเพียงข่าวปล่อย ดังนั้น ปชป.ต้องทุบรัฐบาลให้เด็ดขาด ถ้าเดินเยอะแยะยิ่งจะซ้ำเติมภาพเสื่อมให้ทรุดหนักไปอีก เพื่อไทยรู้ว่า ปชป.จะเอาจริงจังในการอภิปรายครั้งนี้อยู่แล้ว จึงมีการปล่อยข่าวดึงเข้าร่วมรัฐบาล ซึ่งพรรคที่เต็มไปด้วยความเก๋าอย่าง ปชป.นั้น ต้องรู้อยู่แล้วว่าจะตัดสินใจอย่างไร” นายจตุพร กล่าว