'เอกนัฏ' ยัน!! กมธ.งบประมาณฯ พิจารณางบคลังอย่างดีแล้ว  ย้ำ!! งบที่ทุกกรมได้รับแม้จะน้อย แต่จะใช้อย่างมีประสิทธิภาพ 

เมื่อวานนี้ (20 มี.ค.67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ได้ชี้แจงข้อสงสัยของสมาชิกในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ วาระ 2 ในส่วนมาตรา 9 ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลังว่า กระทรวงการคลังมีภารกิจสำคัญมากโดยเฉพาะการจัดเก็บรายได้ให้ประเทศ ถ้ากระทรวงการคลังไม่สามารถทำงานตามเป้าหมายได้ เราคงไม่ต้องมีงบประมาณมาพิจารณากันในที่ประชุมแห่งนี้

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบงบประมาณที่กระทรวงการคลังได้รับกับกระทรวงอื่นถือว่าน้อยมากจำนวน 1.1 หมื่นกว่าล้าน ส่วนหนึ่งเป็นงบที่ตั้งโดยกรมธนารักษ์สำหรับจ่ายค่าเช่าตามมติครม.เกือบ 4 พันล้าน งบที่กรรมาธิการฯ ปรับลดเหลือเพียง 7 พันกว่าล้านเท่านั้น มีทั้งหมด 10 หน่วยงาน เฉลี่ยได้ว่าแต่ละหน่วยงานมีงบประมาณใช้น้อยมาก แต่มีภารกิจสำคัญ ต้องจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ตนได้ฟังคำชี้แจงของผู้บริหารกระทรวงการคลัง นอกจากเห็นใจแล้ว ตนการันตีกับทุกคนได้ว่า มั่นใจเข้าใจภารกิจในการทำงานของแต่ละกรมเป็นอย่างดี มีความมั่นใจว่าเป้าหมายในการจัดเก็บที่ตั้งไว้ และการปราบปรามการกระทำผิดสามารถลุล่วงได้อย่างดีแน่นอน

นายเอกนัฏ กล่าวว่า ในการพิจารณากรรมาธิการฯ อาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานมาช่วยกันกลั่นกรองงบประมาณที่เป็นส่วนเกินให้สามารถใช้ได้ทันในปี 2567 โดยหน่วยงานยืนยันไม่กระทบกับภารกิจและเป้าหมายของทุกหน่วยงาน เช่น กรมสรรพสามิตที่ทำภารกิจร่วมกับจเรตำรวจแห่งชาติได้ปรับลดอากาศยานไร้คนขับที่เติมน้ำมันออกไป ส่วนโดรนที่เหลืออยู่ใช้ระบบไฟฟ้า หน่วยงานยืนยันยังมีความสำคัญต่อภารกิจจึงต้องคงไว้ในงบส่วนนี้

นายเอกนัฏ กล่าวว่า งบของกรมศุลกากรได้มีการปรับลดด่านที่ไม่สามารถทำได้ในปี 2567 รวมถึงกรมธนารักษ์ตั้งงบประมาณมากว่า 4 พันล้าน ก็เป็นงบจ่ายค่าเช่าแทนหน่วยงานราชการทั้งหมดที่มีการเช่าพื้นที่ในศูนย์ราชการ มีการปรับลดงบซื้อเครื่องปั๊มลมสำหรับผลิตเหรียญกษาปณ์ ส่วนสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร.ก็ปรับลดค่าจ้างที่ปรึกษาที่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันไปในปี 2567 ออกไปทุกคนช่วยกันเต็มที่ แต่ตนยืนยันว่างบประมาณที่เหลืออยู่มีความจำเป็นมากกับการต้องลงทุนกับระบบของกระทรวงการคลัง งบส่วนมากเป็นการบำรุงรักษาระบบไอที เครื่องคอมพิวเตอร์ งบส่วนมากถูกจัดสรรไปซื้อคอมพิวเตอร์แทนเครื่องเก่า สำหรับกรมสรรพากรและกรมสรรพสามิต ตนขำอยู่ในใจแต่หัวเราะไม่ออก เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่ปกติแล้ว 7-8 ปี เปลี่ยนครั้งหนึ่ง แต่สำหรับ 2 กรมนี้ใช้งานเกิน 10 ปีจนเป็นตู้ปลา จนลือกันว่าเป็นเป็นพิพิธภัณฑ์

นายเอกนัฏ กล่าวว่า ขอบเขตอำนาจของกรรมาธิการฯมีข้อจำกัด เช่น เรื่องการชำระค่าเช่า 3,976 ล้านของกรมธนารักษ์เป็นไปตามมติครม. ในส่วนของการบริหารจัดการมีประสิทธิภาพคุ้มค่าหรือไม่ อยู่นอกอำนาจของกรรมธิการฯ พิจารณา ถ้าเห็นว่าการปฏิบัติงานโครงการดังกล่าวไม่มีประสิทธิภาพหรือมีปัญหาสามารถไปยื่นเรื่องต่อกรรมาธิการฯ สามัญคณะอื่นๆตรวจสอบ เพื่อให้ทบทวนได้ กรณีของสแตมป์ในกรมสรรพสามิต งบประมาณปี 2567 ล่าช้า มีการจัดสรรงบประมาณให้ใช้พรางก่อนแล้ว 134 ล้านบาทเต็มจำนวน ถ้าจะไปปรับลดจะมีปัญหา แต่ว่าข้อสังเกตของเพื่อนสมาชิกสามารถส่งไปยังกรมสรรพสามิตได้ ถ้ามีเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะช่วยทำให้การจัดเก็บมีประสิทธิภาพมากขึ้น การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นทางผู้บริหารไม่ขัดข้องที่จะดำเนินการ

นายเอกนัฏ กล่าวว่า ในส่วนของกรมบัญชีกลาง กรรมาธิการฯพิจารณาในส่วนของงบประมาณเท่านั้น งบส่วนใหญ่ที่ให้กรมบัญชีกลางมีความสำคัญกับการพัฒนาระบบการจัดซื้อจัดจ้างให้ทันสมัย ระบบบล็อกเชนที่ถูกพัฒนาขึ้นมาและใช้ในการจัดซื้อจัดจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ก็ช่วยทำให้การจัดซื้อจัดจ้างมีความโปร่งใส ทำให้ได้รับการยอมรับจากกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างจากองค์กรระหว่างประเทศ เราก็อยากจะสนับสนุนให้ทำมากกว่านี้ แต่ในส่วนการพิจารณาเงื่อนไข หลักเกณฑ์ต่างๆ ไม่ได้อยู่ในอำนาจของกรรมาธิการฯ แต่ก็มีข้อสังเกตไปถึงหน่วยงานหลายเรื่อง เช่น การจัดซื้อจัดจ้างของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นที่กรรมาธิการฯ มีความกังวลมากว่า จะไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในปี 2567 ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ เพราะมีความล่าช้าจากเรื่องร้องเรียน หรือ กระบวนการประมูลมีปัญหา ทั้งเรื่องคุณภาพ การฟันราคา การทิ้งงาน สิ่งเหล่านี้เป็นข้อสังเกตที่เราส่งให้หน่วยงานทั้งหมด

“ทั้งหมดเป็นข้อสังเกตที่เราควรตั้งไว้ แล้วเก็บไว้ใช้เป็นประโยชน์ในการพิจารณางบประมาณในปีถัดไป ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่มีงบผูกพันโดยมติครม. โครงการที่มีงบผูกพันมาอย่างต่อเนื่องในปีก่อนๆ หรือข้อสังเกตที่สำคัญเป็นการเฉพาะสำหรับปีงบประมาณปี 2567 ที่มีการใช้งบปี 2566 ไปพลางก่อน ส่วนไหนที่เราปรับลดได้โดยไม่กระทบกับภารกิจสำคัญของหน่วยงานเราใช้วิธีการทำความร่วมมือกับทุกหน่วยงานเข้ามายืนยันหมด ส่วนไหนที่ซ้ำซ้อนหรือบางส่วนก็เลื่อนออกไปเพื่อตั้งงบประมาณดำเนินการในปี 2568 -2569 อย่างไรก็ตามขอยืนยันต่อเพื่อนสมาชิกว่ากรรมาธิการฯได้พิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงการคลังอย่างดีแล้วจึงขอยืนตามมติของกรรมาธิการฯ” นายเอกนัฏ กล่าว