ความจริงที่คนส่วนใหญ่ ยังเข้าใจผิด กับ ‘ย่านคนดำในนิวยอร์ก’ เมื่อหลายเชื้อชาติเข้ามามากขึ้น จนเมืองถูกพัฒนาไปในทางที่ดี
เมื่อไม่นานมานี้ จากยูทูบช่อง ‘Mara Mara In New York’ โดย คุณการ์ด ได้โพสต์คลิปวิดีโอ ขณะสำรวจ ‘ย่านคนผิวสี’ หรือ ‘ย่านคนดำ’ (Harlem) ของมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อฉายภาพให้เห็นว่ามันจะอันตรายจริง ๆ อย่างที่เขาเล่าขานกันหรือไม่ และคนที่นี่จะเหยียดคนไทยหรือคนเอเชียอย่างเราหรือเปล่า ว่า…
มีคนเตือนมาว่า ย่าน ‘Harlem New York City’ ไม่น่าเที่ยว ไม่ต้องมา เพราะมันไม่มีอะไรที่น่าสนใจ แถมยังดูอันตรายด้วย แต่ความเป็นจริงจะเป็นอย่างนั้นหรือไม่ จะน่ากลัวจริงหรือเปล่า และผู้คนแถวนี้จะมีปฏิกิริยายังไงกับคนเอเชียอย่างเรา
หากเริ่มต้นกันที่ถนน W 125 ST ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางของฮาเล็ม ก็จะมีร้านขายของเต็มไปหมด อย่างเช่น ร้านไก่ทอด Popeyes ซึ่งเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมอยู่บ่อย ๆ หรือร้านขายวิก เพราะคนดำมักจะนิยมใส่อีกเช่นกัน ก็จะมีวิกหลากหลายรูปแบบให้เลือก หรือถัดมาก็จะมีห้างที่เหมือนเดอะมอลล์ในบ้านเรา ที่รวมสิ่งของหลาย ๆ อย่าง มีทั้งโรงหนัง ร้านขายขนม ร้านเสื้อผ้าอย่างแบรนด์ Old Navy ซึ่งเป็นเสื้อผ้าที่มีราคาย่อมเยาว์ สามารถจับต้องได้ ราคาไม่ได้แพงมาก หรือร้านเสื้อผ้าที่ขายอยู่ตามข้างทางก็จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 20 บาทเมืองไทย ส่วนคุณภาพเสื้อก็โอเคเลยทีเดียว ซึ่งหลังจากที่ได้เดินมาก็รู้สึกได้ว่าไม่มีใครมองเราแบบว่า ไอ้เจ็กมาเดินอะไรอยู่แถวนี้…
นอกจากนี้ สิ่งที่ขึ้นชื่ออีกอย่างที่ฮาเล็มก็คือ เรื่องของดนตรีนั่นเอง อย่างพวก ฮิปฮอป ดนตรีแจ๊ส ที่ได้รับความนิยม แล้วก็มีชื่อเสียงโด่งดัง อย่างจุดที่ได้มาสำรวจก็คือ ‘Apollo Theater’ ซึ่งถ้าให้ย้อนกลับไปในปี ค.ศ.1930 โรงละครแห่งนี้เป็นโรงละครแห่งเดียวเลยที่ให้มีการแสดงของคนชาวแอฟริกัน-อเมริกันมาแสดง โดยจะมีผู้ชมคอยให้คะแนนจากการแสดงนั้น พูดง่ายๆ ผลงานไหนจะดังหรือดับก็ขึ้นอยู่กับผู้ชมล้วนๆ เลย
นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีตึกที่ชื่อว่า Adam Clayton Powell Jr. ซึ่งเป็นตึกที่มาจากชื่อชาวแอฟริกัน-อเมริกันคนแรกที่ได้รับเลือกจากนิวยอร์กเข้าสู่สภาคองเกรส และเป็นโฆษกประจำชาติด้านสิทธิพลเมืองและประเด็นทางสังคม และเป็นบุคคลสำคัญที่พัฒนาการเมืองในย่านฮาเล็ม ที่ทำให้ฮาเล็มในปัจจุบันมีความพัฒนา ซึ่งการที่ Adam Clayton Powell Jr. เป็นคนผิวสีคนแรกที่ได้เข้าไปทำงานในเกี่ยวกับสภาของนิวยอร์ก ทำงานในวงการการเมืองของนิวยอร์ก ตัวเขาก็เลยมีความสำคัญ จนมีตึกชื่อของเขาขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์
จากที่ลองสำรวจคร่าวๆ แล้ว สิ่งที่รู้สึกได้จากย่านนี้ คือ ความเป็นมิตร เพราะจากที่ได้เห็นพบว่าผู้คนยิ้มแย้มทักทาย ไม่ได้รู้สึกว่ามีสายตาโกรธหรือโหดกับคนเอเชียแบบเรา ถ้าให้เทียบกับตอนที่ไป เดอะบร็องซ์ จะรู้สึกว่าอันนั้นดูไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไร เพียงแค่มองหน้ากันก็มีโกรธแล้ว
นอกจากนี้ คุณการ์ด เจ้าของช่อง ก็ยังได้สัมภาษณ์คุณป้าใจดีท่านหนึ่งที่อาศัยอยู่แถวฮาเล็มมาแล้ว 20 ปี โดยคุณป้าระบุว่า “ในสมัยก่อนนั้นฮาเล็มไม่ได้เปิดกว้างมาก และไม่ได้มีความหลากหลายเหมือนปัจจุบัน มันเป็นเหมือนชุมชนของคนดำอย่างเดียวซะมากกว่า แต่ในปัจจุบันฮาเล็มมีคนมาอยู่อาศัยหลากหลายเชื้อชาติ และต่างคนก็ต่างใช้ชีวิตของตนเอง”
ต่อมาคุณป้าได้ตอบคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นการเหยียดคนเอเชียว่า “คนชอบมาถามว่าอยู่แถวนี้ปลอดภัยไหม? แน่นอนมันปลอดภัย ซึ่งคนขาวสามารถวิ่งออกกำลังกายแถวนี้ได้ แต่ถ้าเป็นแต่ก่อน คนขาววิ่งแถวนี้ไม่ได้เลย และคนส่วนใหญ่ก็กลัว เพราะแต่ก่อนยาเสพติดมันเยอะ อาชญากรรมก็เยอะ คนโดนปล้น โดนขโมยของเป็นประจำ แต่ปัจจุบันนี้มันปลอดภัยแล้ว ถ้าเทียบกับยุค 80 หรือ 90 เพราะรัฐบาลเข้ามาเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเลย…”
ดังนั้นฮาเล็มในวันนี้ จึงไม่ได้น่ากลัวอีกต่อไป…เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ส่วนหนึ่งก็คงเพราะด้วยความที่หลายๆ เชื้อชาติได้เข้ามาอาศัยอยู่ในฮาเล็มมากขึ้น ก็เลยทำให้ชุมชนตรงนี้มีความหลากหลาย แล้วก็เกิดการพัฒนาไปตามกาลเวลาในทางที่ดีขึ้น อย่างพวกยาเสพติดหรือการปล้นอะไรพวกนี้ ก็ไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว
คุณการ์ด พาทัวร์ต่อ โดยเธอพาไปร้าน Sylvia’s Restaurant ซึ่งที่มาของชื่อมาจาก Queen of Soul food ที่เป็นเจ้าของของที่นี่ โดยอาหาร Soul Food เป็นคำที่ใช้เรียกอาหารของชาวแอฟริกันอเมริกัน ซึ่งเป็นอาหาร Style Home Cook ภายใต้การตกแต่งในร้านที่ดูเรียบง่ายไม่หวือหวา ประกอบด้วยรูปภาพตามกำแพงที่เป็นรูปในอดีตของคุณซีเรีย และก็มีรูปของคนดังหลายคนที่มาทานที่ร้าน หรือแม้กระทั่งอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็มากินที่นี่
หลังจากนั้น เธอได้พาไปต่อกับ ย่านฮาเล็มฝั่งตะวันออก (East Harlem) ซึ่งเป็นย่านหนึ่งที่ผู้มีรายได้น้อยมักอยู่อาศัยกันเยอะ ซึ่งหลายๆ คนบอกว่าเป็นย่านที่อันตราย แต่พอได้ลองมองดูจริงๆ แล้ว ย่านนี้ดูเหมือนจะเงียบสงบ ไม่ได้มีอะไรที่ดูน่ากลัว และผู้คนก็อยู่อาศัยกันตามปกติ รวมถึงยังมีร้านขายของ ผู้คน ใช้ชีวิตกันตามปกติ ภายใต้การดูแลของตำรวจที่อยู่ข้างทางคอยดูแลรักษาความปลอดภัยด้วย
ทั้งนี้ คุณการ์ด ได้เล่าอีกว่า จากข้อมูลของ ‘NBC News’ Professor Janelle Wong จาก University of Maryland ได้ทำการศึกษาเคสที่คนเอเชียถูกทำร้ายหรือถูกบูลลี่ ซึ่งวิเคราะห์จากวิดีโอ กล้องวงจรปิด หรือคลิปเสียงทั้งหลาย ค้นพบว่า 75% ผู้ก่อเหตุเป็น ‘คนผิวขาว’ ซึ่งจะเห็นได้จากคลิปที่คนขาวชอบไล่คนเอเชียให้ออกนอกประเทศไปเสียมาก
ทว่า ทำไมคลิปวิดีโอส่วนใหญ่ที่เราเห็น ถึงมีแต่คลิปที่เป็นคนผิวสีทำร้ายร่างกาย ซึ่งคุณการ์ด เล่าว่า เพราะคลิปวิดีโอส่วนใหญ่ที่เราเห็น ได้มาจากย่านที่เป็นเหมือนคนรายได้ไม่สูงรวมตัวกันอยู่ ซึ่งย่านเหล่านี้ ก็มักจะมีคนผิวสีอาศัยอยู่เยอะ แล้วมันก็ถูกจับจ้องด้วยกล้องวงจรปิดเยอะเป็นพิเศษ ทำให้มีพวกข้อมูลด้านความรุนแรงหลุดออกมาเยอะนั่นเอง…