4 ข้อเตือนใจนักเดินทางด้วยเครื่องบิน ก่อนตกเป็นเหยื่อสลัดอากาศกลางเวหา

ทางการสิงคโปร์ออกโรงเตือนนักเดินทาง ที่โดยสารเครื่องบินเป็นประจำว่า โจรในคราบนักท่องเที่ยวในสมัยนี้มีเยอะกว่าที่คุณคิด หลังเกิดเหตุผู้โดยสารชายชาวจีนคนหนึ่ง แอบฉกสิ่งของของผู้โดยสารบนเครื่องคนอื่นถึง 3 คน บนเที่ยวบินของสายการบิน Scoot เมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และได้ทรัพย์สินติดมือมูลค่าสูงถึง $31,000  (ประมาณ 8.27 แสนบาท) 

นาย จาง ซิวเฉียง สัญชาติจีน วัย 52 ปี ถูกจับกุมด้วยข้อหาลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2566 เมื่อเขาได้ขึ้นเครื่องบินของสายการบิน Scoot เที่ยวบิน TR305 จาก นครโฮจิมินห์ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานชางฮีในสิงคโปร์ โดยเขาได้แอบขโมยเงินสด และ ทรัพย์สินของผู้โดยสารบนเครื่องถึง 3 รายขณะเดินทาง

คดีการลักทรัพย์บนเครื่องบิน เข้าข่ายการกระทำความผิดตามข้อกฎหมายที่มีระบุอยู่ในอนุสัญญาโตเกียว ที่ว่าด้วยเรื่องการปราบปรามการกระทําความผิดทางอาญาทุกประเภทที่เกิดขึ้นบนอากาศยานขณะกำลังบิน อย่างเช่น กรณีของ นาย จาง ซิวเฉียง ที่อาจต้องโทษจำคุกสูงสุดได้ถึง 3 ปี หรือทั้งจำ ทั้งปรับ 

เราอาจได้ยินข่าวคดีลักทรัพย์บนเครื่องบินไม่บ่อยเท่ากับคดีเหล่านี้ที่เกิดขึ้นทุกวันตามท้องถนน แต่ทางการสิงคโปร์ในวันนี้ ได้ออกมาเตือนนักเดินทางว่า กลุ่มโจรกลางเวหา ที่แฝงตัวมาในคราบนักท่องเที่ยว อาจมีจำนวนมากกว่าที่เราคิด และทำเป็นขบวนการ โดยพิจารณาจากคดีความเรื่องการลักทรัพย์บนเที่ยวบินที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด หลายเท่าตัวภายในเวลาไม่กี่ปี

South China Morning Post สื่อฮ่องกงรายงานว่าในช่วงเพียง 9 เดือนแรกของปี 2023 คดีลักทรัพย์บนเครื่องมากถึง 13 คดี เมื่อเทียบกับปี 2022 และ 2021 ที่ผ่านมา มีเพียง 1-2 คดีเท่านั้น

หลายคนเข้าใจว่า การเลือกเดินทางด้วยสายการบินราคาประหยัดมีความเสี่ยงที่จะเจอโจรเวหามากกว่าสายการบินแบบฟูลเซอร์วิส ซึ่งก็ไม่จริงเสมอไป เพราะบ่อยครั้งที่พบคดีลักขโมยในเที่ยวบินระดับพรีเมี่ยมเช่นกัน อย่างกรณีของคดีทีเกิดขึ้นบนเครื่องบินของ American Airlines ระหว่างเดินทางจากกรุงบูเอโนส ไอเรส ไปยัง ไมอามี เมื่อราว ๆ เดือนกรกฎาคม 2022 ที่จับกุมหัวขโมยที่แอบมาฉกเงินจากกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารบนเครื่อง 2 รายไปได้กว่า 10,000 ดอลลาร์ 

แถมหลายครั้งยังพบโจรในคราบผู้โดยสารทำงานเป็นทีม และเลือกไฟลท์เดินทางระยะไกล ที่สามารถลักทรัพย์สินในช่วงที่ผู้โดยสารหลับ ดังนั้น ยิ่งเป็นเที่ยวบินแบบฟูลเซอร์วิส ที่บินนานข้ามวัน กลับยิ่งไม่ปลอดภัย เพราะผู้โดยสารสายการบินชั้นดีมักมีฐานะ พกทรัพย์สิน เงินสดติดตัวระหว่างไปเที่ยวแดนไกลมากกว่า ผู้โดยสารเที่ยวบินแบบประหยัดที่เดินทางระยะใกล้นั่นเอง 

ตำรวจสิงคโปร์จึงได้ออกมาแนะนำวิธีการป้องกันทรัพย์สินของตนระหว่างเดินทางบนเครื่องบิน เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวอย่างเรากลายเป็นผู้ประสบภัย เพราะถูกฉกทรัพย์สินมีค่าระหว่างเดินทาง

1. เงินสด กระเป๋าเงิน และ เครื่องประดับ ทรัพย์สินมีค่าต้องเก็บไว้กับตัวเท่านั้น อย่าใส่ลงในกระเป๋าเดินทางที่เก็บไว้บนช่องใส่สัมภาระเหนือศีรษะ เพราะเราไม่สามารถจับตาดูกระเป๋าเดินทางของเราได้ตลอดเวลา แต่หากไม่สะดวกถือกระเป๋าเงินติดตัวตลอดเวลา ให้แยกใส่กระเป๋าใบเล็กแล้ววางไว้ใต้ที่นั่งด้านหน้าของเรา เพราะอยู่ในตำแหน่งที่เรามองเห็น และยากที่คนแปลกหน้าจะแอบมาหยิบฉวยไปได้

2. หากจำเป็นต้องวางกระเป๋าเดินทางติดตัวไว้ในช่องสัมภาระเหนือศีรษะ ควรเลือกใส่ช่องฝั่งตรงข้ามที่นั่งของเรา เพราะเราสามารถมองเห็นได้ แทนที่จะใส่ตรงช่องเหนือศีรษะของเราพอดี และควรใส่ของมีค่าไว้ด้านในสุดของกระเป๋า พร้อมล็อกกระเป๋าให้เรียบร้อย และควรวางกระเป๋าด้วยการหันซิป เข้าด้านใน เป็นการเพิ่มความยากให้โจรในการแอบมาเปิดกระเป๋าคุ้ยข้าวของในกระเป๋าของเรา

3. ลองพิจารณาแพ็กเกจประกันการเดินทางขอคุณว่าครอบคลุมถึงกรณีการโจรกรรมทรัพย์สินระหว่างเดินทาง ที่อาจมีชดเชยให้บ้างตั้งแต่ 300 - 500 เหรียญ สำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน แต่มักไม่คุ้มค่ากับของที่สูญหายไป ดังนั้นจึงไม่ควรพกเงินสดเดินทางเป็นจำนวนมาก ๆ แล้วเปลี่ยนมาใช้เป็นบัตรกดเงินสดระหว่างประเทศแทน ที่เราสามารถนำไปจับจ่าย ซื้อของ หรือกดเงินสดได้เมื่อเราเดินทางไปถึงที่หมายจะปลอดภัยกว่า 

4. สุดท้าย พยายามสังเกตพฤติกรรมของผู้โดยสารแปลกหน้า ที่มาเปิดค้นสัมภาระต่าง ๆ ในยามวิกาล หรือมีพฤติกรรมน่าสงสัย ควรรีบแจ้งพนักงานต้อนรับบนเครื่องในทันที

หลังจากที่ยุคความวิตก หวาดกลัวภัยโรคระบาด Covid-19 ผ่านพ้นไป การเดินทางท่องเที่ยวก็กลับมาคึกคัก เช่นเดียวกับโจรที่แฝงมาในเที่ยวบินเช่นกัน ดังนั้น 4 ข้อแนะนำของตำรวจสิงคโปร์ ที่ตกผลึกจากคดีลักทรัพย์กลางอากาศมาแล้วหลายครั้ง น่าจะเป็นประโยชน์กับนักเดินทางในยามขึ้นเครื่องไม่มากก็น้อย 


เรื่อง: ยีนส์ อรุณรัตน์

อ้างอิง: Channel News Asia