'แม่ผ่องศรี' พร้อมลา!! สร้างหุ่นตนไว้เป็นอนุสรณ์ หากวันหนึ่งสิ้นลมหายใจ คนรุ่นหลังจะได้มาศึกษา

(15 ม.ค. 67) เรียกว่าเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจ สำหรับราชินีลูกทุ่ง ‘แม่ผ่องศรี วรนุช’ ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง ที่ถึงแม้ปัจจุบัน อายุจะเข้าสู่วัย 85 กะรัตแล้ว แต่เสียงร้องก็ยังคงไพเราะและทรงพลัง เป็นเอกลักษณ์ชวนหลงใหลไม่เสื่อมคลาย ล่าสุดเมื่อวานนี้ (14 ม.ค.) ได้เจอคุณแม่ผ่องศรี ในงานแสดงดนตรีของคนลูกทุ่งครั้งยิ่งใหญ่ ‘คอนเสิร์ต 84 ปีลูกทุ่งไทย’ เลยถือโอกาสชวนคุณแม่มานั่งพูดคุย เพื่ออัปเดตถึงชีวิตตอนนี้ ให้เหล่าแฟนเพลงได้หายคิดถึง

โดยคุณแม่ผ่องศรี เปิดเผยว่า ได้เขียนหนังสือชีวประวัติ และสร้างพิพิธภัณฑ์ของตัวเองเตรียมไว้แล้ว เพื่อให้เป็นอนุสรณ์ หากวันหนึ่งสิ้นลมหายใจ คนรุ่นหลังจะได้มาศึกษา แต่ตอนนี้ก็เปิดให้เข้าชมแล้ว ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย โดยมีการปั้นหุ่นเป็นรูปตัวเองในปัจจุบัน พร้อมนำเส้นผมใส่ไปด้วย แล้วยังมีการอัดเสียงพูดไว้ หากกดปุ่มฟัง จะมีเสียงเพลงและเสียงพูดของตัวเองออกมา

“แม่มีหนังสือชีวประวัติของแม่ เขียนไว้ก่อนตาย แล้วตอนนี้พิพิธภัณฑ์ แม่ก็ปั้นหุ่นของแม่ไว้เรียบร้อยแล้ว มีหุ่น มีจิตวิญญาณ มีเส้นผม แล้วคำพูดของแม่ก็อัดไว้เลย ถ้าใครไปเยี่ยมพิพิธภัณฑ์ตอนแม่สิ้นลมหายใจ กดปุ่มแล้วจะมีเสียงเพลงขึ้น แม่จะพูด แม่เตรียมคำไว้เรียบร้อยหมดแล้ว ทำมา 5 ปีแล้ว สร้างพิพิธภัณฑ์ ตัดสินใจทำเพื่อถ่ายทอดกับลูกหลานเหลนโหลน ที่จะเป็นศิลปินในวันข้างหน้า จะได้รู้ว่าเราผ่านร้อนผ่านหนาวมากแค่ไหน ลำบากแค่ไหนเพื่อจะมีวันนี้”

"พอปั้นเสร็จแล้ว แม่ก็เอากระถางธูปวางไว้ตรงนั้น ท่านเจ้าอาวาสที่วัดอัมพวามาทำให้แม่ ทำพิธีปลุกเสก ท่านบอกว่าแม่เอากระถางธูปมาไว้ทำไม แม่ยังไม่ตาย แล้วก็เก็บกระถางธูปแม่หมดเลย ตอนนี้ก็เลยมีแต่หุ่น”

“แม่ตั้งใจจะสร้างไว้ สักวันแม่ตายเขาจะได้เห็น แม่ให้ทำเป็นรูปปั้นตอนแก่นะ ไม่ใช่ตอนสาว หลวงพ่อจะเอารูปตอนสาว แต่แม่บอกไม่เอา เอาปัจจุบัน เหมือนแม่เลยไปดูได้ ในหนังสือแม่ก็มี ก็ตั้งใจเอาไว้ที่บ้านที่จังหวัดนครปฐม ไปเยี่ยม ไปถ่ายได้ รางวัลของแม่ก็อยู่ที่นั่นหมด รูปตั้งแต่ตอนเด็กถึงตอนนี้ก็มีหมด คนนอกเข้าไปดูได้ แม่ให้เข้าชมฟรี ตอนนี้ก็ไปได้แล้ว การสร้างตรงนี้ครอบครัวแม่รู้หมด บางคนไปฟังแล้วร้องไห้ บอกทำไมแม่พูดอย่างนี้”

“ตายตาหลับได้เลย ถึงปั้นหุ่นแม่ไว้ที่บ้านเรียบร้อยหมดแล้ว ปั้นด้วยดินสอพอง แล้วตัดเส้นผมของแม่ใส่เข้าไปแล้ว แล้วก็อัดคำพูดไว้ในนั้น ถ้าหากว่าแม่สิ้นลมไปแล้ว ใครไปเยี่ยมก็กดปุ่มเท่านั้น จะมีเสียงเพลงขึ้น และมีเสียงแม่พูด สวัสดีค่ะ ผ่องศรีดีใจมากนะคะ ผ่องศรีได้จากท่านไปนานแล้ว แต่ท่านมาเยี่ยมผ่องศรี ผ่องศรีดีใจมาก คิดถึงผ่องศรีหรือเปล่าคะ กดปุ่มดูสิคะ”

“อยากให้คนรุ่นหลังได้มาศึกษา ว่ารางวัลที่แม่ได้มา ได้มาเสียเงินหรือเปล่า แม่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ได้ด้วยความที่เราตั้งใจทำกุศลจริงๆ แม่ทำกุศลมาตั้งแต่อายุ 14 ปี จนกระทั่งตอนนี้อายุ 85 ปี 6 เดือนแล้ว”

>> สอนอย่าลืมบุญคุณคน ความซื่อสัตย์กตัญญูคือสิ่งสำคัญ

“ขอให้ติดดินตลอดเวลา ไม่ว่าอาชีพใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าหากเราไปหวังตรงนั้นมากเกินไป เราจะไม่ได้อะไร ท้อได้อย่าถอย ก้าวไปข้างหน้า ถ้าท้อถอยจะได้ไหมของที่รออยู่ข้างหน้า มันไม่ได้ มีเงิน มีทอง มีทุกสิ่งทุกอย่าง ตายไปเอาไปไม่ได้ ความซื่อสัตย์กตัญญูต่อผู้มีพระคุณที่จะติดตัวไป อันนี้อย่าลืม แม่พูดอยู่ตลอด ผู้ที่มีบุญคุณอย่าลืม ครูอาจารย์ พ่อแม่ สื่อมวลชน ห้างร้านบริษัท อย่าลืมเขา ผู้มีพระคุณที่พาเราก้าวบันไดขั้นแรกขึ้นไป ถ้าเราไม่มีผู้มีพระคุณนำทาง ก้าวแรกเราจะเจอตรงนั้นไหม เมื่อดังแล้วอย่าลืมตัว แม่จะพูดอย่างนี้ไปตลอด จนกว่าแม่จะสิ้นลมหายใจ”

"อนาคตเป็นยังไง เก็บตังค์ไว้นะ อย่าใช้ฟุ่มเฟือยนะ แหม พอดังขึ้นซื้อไอ้โน่นไอ้นี่ พอเกิดดวงตกไปปุ๊บ บ้านก็ผ่อน รถก็ผ่อน ก็ต้องเป็นหนี้ แม่จะไม่ทำแบบนั้น แม่จะคอยบอกอยู่เรื่อย จากฉันไม่มีอะไร มีตะกร้าหวายมา รองเท้าแตะมาคู่หนึ่ง เสื้อ 3 ตัว ทำไมฉันมาสร้างฐานะได้ เพราะฉันเจียมตัวว่าพ่อแม่ฉันยากจน”

>> ทุกวันนี้ยังรับงานอยู่ แต่เลือกที่ไม่ไกลเกินไป

“รับงาน บางทีรุ่นอายุ 40-60 ปี ก็ไปขอให้สอนร้องเพลง แม่ก็สอนให้ฟรี แต่แม่เลือกรับงาน รับที่ไม่ไกลเกินไป งานบุญงานกุศลแม่ไปให้ ส่วนใหญ่จะเป็นงานร้องเพลง ถ้าสอนร้องเพลงจะไปร้องที่บ้าน เขาเคยมีจ้างให้กินเงินเดือน แต่แม่ไม่เอา แม่ไม่มีเวลามา บางทีมาเข้าแอร์นานๆ แม่อยู่แอร์นานไม่ได้ ตอนนี้ก็รับงานบวช งานแต่ง งานวันเกิด งานขึ้นบ้านใหม่ งานหาเงินเข้าวัด หรืองานของแฟนเพลงที่ต้องการให้แม่ไป แม่จะร้องได้แค่ 1 ชั่วโมง 10 กว่าเพลง”

>> เคล็ดลับความแข็งแรงในวัย 85 ปี คือทำใจปล่อยวาง ไม่ยึดติด อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

“อายุ 85 ปี 6 เดือนแล้ว แม่เกิดวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2582 เคล็ดลับในการดูแลตัวเองของแม่ ตื่นมาตอนเช้าตี 5 แล้วตอน 6 โมงแม่ขายของชำอยู่ เรามีแรงเราก็ทำไป ประมาณ 6.30 แม่ก็เข้าบ้านแล้ว อาบน้ำอาบท่า แล้วในวันพระกับวันพฤหัสบดี แม่จะสวดมนต์ นั่งสมาธิ เสร็จแล้วก็ดูข่าวทุกช่องสลับเปลี่ยนไป ดูข่าวพระราชสำนักจบ 3 ทุ่มกว่าแม่ก็นอนแล้ว นอนกลางคืนก็ออกกำลังกาย ดัดแข้งดัดขา กายบริหาร ตื่นตี 5 ถ้าหลับเพลินก็ 6 โมงเช้า ตื่นมาเอาอาหารให้หมาแมว แล้วก็มากวาดใบไม้ เสร็จแล้วเข้ามาดูทีวี 8 โมงกว่าก็ทานข้าว ทำใจปล่อยวาง ไม่ยึดติดและไม่วิตกกังวล อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เราต้องแก้ด้วยตัวเราเอง ส่วนโรคภัยไข้เจ็บ แม่มีหัวใจอ่อนล้าเป็นโรคประจำตัว ต้องกินยา ไปโรงพยาบาลปีละครั้ง”