'ดร.สุวินัย' ยกอุทาหรณ์ 'ราม พมจัน' จาก 'ยุวพุทธแห่งเนปาล' สู่ ผู้ต้องหาหนีคดี จุดจบ!! เพียงเพราะผู้ศรัทธารวมตัวกันเป็นกลุ่มลัทธิ 'ขาดสติ-เกินควบคุม'
(20 ธ.ค.66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Suvinai Pornavalai’ ในหัวข้อ อุทาหรณ์จากกรณีของ 'ราม พมจัน' ผู้เคยได้รับฉายา 'ยุวพุทธแห่งเนปาล' ระบุว่า...
พมจันเกิดในปี ค.ศ. 1990 เขาเป็นลูกชาวนา เป็นบุตรคนที่ 3 จาก 5 คน อาศัยอยู่ที่รัตนปุรี ประเทศเนปาล
>> ในเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 2005 ตอนพมจันอายุ 15 เขาได้ออกจากบ้านไปนั่งบำเพ็ญสมาธิอยู่ใต้ต้นโพธิใหญ่หลังจากที่เขาฝันเห็นเทพเจ้าลงมาบอกเขาในความฝันให้ทำเช่นนั้น
พมจันนั่งหลับตาบำเพ็ญสมาธิอยู่ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่นั้นนานถึง 10 เดือน ระหว่างนั้นเขาดื่มกินและพูดน้อยมาก แทบไม่ได้ขยับตัวด้วยซ้ำ
คำร่ำลือเรื่อง 'พระพุทธเจ้าน้อยพมจัน' แพร่สะพัดไปทั่วประเทศและทั่วโลก ผู้คนนับหมื่นนับแสนแห่มาเยี่ยมชมสถานที่ที่เด็กหนุ่มพมจันนั่งหลับตาเข้าฌานนานนับชั่วโมงหรือเป็นวันโดยไม่ขยับตัว
การรวมตัวเป็นกลุ่มผู้ศรัทธาใน 'พระพุทธเจ้าน้อย' เกิดขึ้นอย่างเป็นไปเอง แม้ตอนนั้นพมจันจะออกมาปฎิเสธว่า...
"ช่วยบอกผู้คนทั้งหลายว่าอย่าเรียกข้าพเจ้าเป็นพระพุทธเจ้าเลย ตัวข้าพเจ้าหามิได้มีบารมีขนาดนั้นไม่ ข้าพเจ้าแค่บำเพ็ญอยู่ในระดับของริมโปเช (ครูกรรมฐาน) เท่านั้น"
>> ในเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 2006 เมื่อมีผู้คนแห่มารบกวนการบำเพ็ญสมาธิของเขามากจนเหลืออด ในที่สุดพมจันก็หายตัวไปบำเพ็ญที่อื่นโดยบอกคนใกล้ชิดว่า...
"ไม่ต้องห่วง ข้าพเจ้าจะกลับมาแน่หลังจากบำเพ็ญสมาธิครบหกปีตามที่ตั้งใจไว้แล้ว"
>> ในเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. 2007 มีรายงานจากสื่อว่าพบเห็นพมจันในวัย 17 ปี กำลังเทศนาธรรมต่อหน้าฝูงชนในป่าแห่งหนึ่ง
>> ในปี ค.ศ. 2010 พมจันในวัยยี่สิบออกจากการบำเพ็ญสมาธิ 6 ปี
เขาได้รับสถาปนาให้เป็น 'เจ้าลัทธิ' มีผู้ศรัทธาสร้างสำนักให้เขา ชาวบ้านจำนวนมากขอสมัครเข้าเป็นสาวก จีวรสีฟ้าถูกนำมาใช้เป็นเครื่องห่มกายของคนในลัทธิ สาวกทั้งหลายสมัครใจใช้เครื่องแบบนี้
พมจันกลายเป็นเจ้าลัทธิคนใหม่เต็มตัว ด้วยการนุ่งขาวห่มขาวต่างจากทุกคน
กลุ่มลัทธิที่พมจันเป็นเจ้าลัทธิได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดภายในหนึ่งปี ... ในปี ค.ศ. 2010 ปีเดียวกันนั้นเอง ที่สาวกของพมจันเริ่มก่อเรื่องทำร้ายพวกชาวบ้านจำนวน 17 คนที่เข้ามาเก็บของป่า ด้วยเหตุผลว่า "รบกวนการบำเพ็ญสมาธิของเจ้าสำนัก"
พมจันถูกตำรวจนำตัวมาสอบสวน ตัวเขาเองยอมรับว่า เขาได้ใช้มือ ตบคนเหล่านั้นไป เพราะมาทำลายสมาธิเขาช่วงกำลังบำเพ็ญตบะ
>> ในปี ค.ศ. 2012 สาวกของพมจันก็ก่อเหตุอีก พวกเขาไปจับตัวสาวชาวสโลวักคนหนึ่งมาทรมาน เพราะเธอเป็นแกนนำต่อต้านพมจันในด้านการบุกรุกป่าสร้างสำนัก เธอถูกฉุดจากบริเวณโรงแรม และถูกปล่อยตัวมาในสภาพแขนหัก
นักข่าวต่างชาติเข้ามาทำข่าว เหล่าสาวกก็เข้าไปพังกล้องของพวกเขา สาวกให้เหตุผลว่านักข่าวพวกนี้ มาบันทึกภาพเจ้าลัทธิโดยไม่ได้รับอนุญาต นักข่าวบางคนถูกทำร้ายร่างกาย ตำรวจทำได้แค่ดำเนินคดีสาวก
>> ในปี ค.ศ. 2018 มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเข้าแจ้งความ พวกเขาคือญาติของวัยรุ่นชาย 2 คนกับ หญิง 2 คน ระบุว่าทั้งสี่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย คนทั้งสี่มาภาวนาอยู่ที่สำนักสาขาต่าง ๆ ของพมจัน แต่ญาติไม่ได้รับการติดต่อมานานถึง 2 ปี
พมจันจึงถูกทางการตามล่าตัว ผู้ติดตามรู้แค่เขาหายเข้าไปในป่าอีกครั้ง โดยไปบำเพ็ญเพียรในถ้ำซักแห่ง เจ้าหน้าที่จึงบุกเข้าตรวจสำนัก ค้นหาหลักฐานเพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติม แต่ไม่พบพมจันและหลักฐานใด ๆ
>> ในปี ค.ศ. 2018 เกิดเรื่องอื้อฉาวใหม่ขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้พมจันถูกกล่าวหาว่าได้ข่มขืนแม่ชีอายุ 18 ปี ซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึง 2 ปี
ท่ามกลางกระแสถาโถม ตำรวจไม่พบหลักฐานอะไรซักอย่าง สาวกของพมจันไม่ให้ความร่วมมือ ตัวพมจันไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้อีก หาตัวก็หาไม่เจอ ... ส่วนสำนักสาขาของเขาก็อันตรธานหายไปอีก ตำรวจยังไม่สามารถทำการอะไรได้ นอกจากรู้แค่ว่าพมจันยังไม่ตายเพียงเท่านั้น
>> ในปี ค.ศ. 2020 พมจันถูกทางการออกหมายจับ แต่พมจันไม่ได้ปรากฏตัวที่ไหนให้ใครเห็นจนเป็นข่าวอีกเลย จาก 'ยุวพทธแห่งเนปาล' ในอดีตตอนพมจันอายุ 15 กลายเป็นพมจันผู้ต้องหาหนีคดีในวัย 30 ปี
ตอนนี้พมจันคงสำเหนียกได้แล้วกระมังว่า ... ฌานเป็นของเสื่อมได้ ต่อให้เขาเคยเข้าฌานได้คล่องขนาดไหน พอเขาออกจากฌานอารมณ์โกรธกลับยิ่งรุนแรงจนเขาคุมตัวเองไม่ได้
>> การนั่งสมาธิเข้าฌานเก่ง อาจเป็นความถนัดเดียวที่ตัวพมจันมี แต่ความสามารถพิเศษอันนี้อย่างเดียวของพมจัน มันไม่เพียงต่อการสร้างสำนักลัทธิของเขาไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง เหตุการณ์ที่ผ่านมายังบ่งชี้ชัดว่าพมจันขาดความสามารถในการอบรมศิษย์สาวกของตนให้อยู่ในครรลองคลองธรรม
บางทีตัวพมจันเองก็อาจเบื่อโลก เบื่อหน่ายมนุษย์ด้วยก็เป็นได้
ชาตินี้สำหรับเขา ตัวเขาคงเกิดมาเพื่อบำเพ็ญฌานบารมีเป็นหลักเท่านั้น
พวกมนุษย์ผู้ต่ำต้อยที่มีจิตใจอ่อนแอหวังพึงแต่ผู้อื่นที่เป็นบุคคลศักดิ์สิทธิ์ต่างหาก ที่คอยมารบกวนการบำเพ็ญฌานบารมีของเขาตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา
พมจันคงถือว่าตัวเองได้ 'ตาย' จากโลกใบนี้ไปแล้ว ชั่วชีวิตนี้จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับพวกมนุษย์อีกแล้ว
ผมยกกรณีของ 'ราม พมจัน' มาให้พวกเราไตร่ตรองใคร่ครวญอีกครั้ง เผื่อพวกเราจะเห็นแง่มุมของเหตุการณ์นี้ด้วยสายตาของ 'ผู้บำเพ็ญ' ได้บ้าง ซึ่งแตกต่างจากมุมมองของปุถุชนที่ไม่ได้ฝึกจิต
การยกเอากรณีของ 'ราม พมจัน' มาเทียบกับ น้องไนซ์ 'อาจารย์สมาธิเชื่อมจิต' วัย 8 ขวบ ที่กำลังมีดรามาอยู่ตอนนี้ ผมคิดว่าไม่ค่อยเหมาะสมนัก จะเรียกว่าเป็นคนละกรณีเลยก็ว่าได้ แค่มีจุดร่วมเหมือนกันเรื่องเดียวคือ ต่างก็มีผู้ศรัทธามารวมตัวเป็นกลุ่มเพื่อสร้างสำนักหรือสร้างกลุ่มลัทธิเหมือนกันเท่านั้นเอง
>> จุดเริ่มต้นของพมจันนั้น ต้องการปลีกเร้นจากสังคมเพื่อมุ่งบำเพ็ญฌานบารมีแต่แรก
ขณะที่กลุ่มนิรมิตเทวาจุติ มุ่งตั้งเป้าหาสาวกผ่านการเชิดชู 'เจ้าลัทธิน้อย' แต่แรก ... นี่คือความต่างอย่างใหญ่หลวงของสองกรณีนี้
โลกนี้มันโหดร้ายต่อทุกคนที่เป็นเหยื่อ โดยไม่มีข้อยกเว้น
แต่โลกนี้ยังสวยงามเสมอ สำหรับคนที่มี 'ตบะ'