'ดร.สุวินัย' มอง!! ปรากฏการณ์ร่วมใน 'สังคม-ประเทศ' ที่กระแสคลั่งวัตถุนิยมระบาด ไม่เกี่ยงแม้เจ้าลัทธิจะวัยใด ขอแค่มีสาวกหนุน 'พลังทิพย์' ไว้ ก็มีโอกาสเชื่อมหา 'พลังเงิน'
(16 ธ.ค.66) ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Suvinai Pornavalai’ ในหัวข้อ ข้อสังเกตเชิงสังคมวิทยาเกี่ยวกับ 'ขบวนการเชื่อมจิต' ระบุว่า...
- การก่อเกิดและปรากฏของ ‘เจ้าลัทธิ’ (Cult Leader) เป็นปรากฏการณ์ร่วมของทุกประเทศหรือทุกสังคมที่กระแสคลั่งวัตถุนิยมระบาด และผู้คนจำนวนมากทนทุกข์กับความเหลื่อมล้ำทางโครงสร้างของสังคมนั้น
- ‘กลุ่มลัทธิ’ มักเกิดขึ้นจากประสบการณ์ทางวิญญาณที่ ‘พิเศษพิสดาร’ ของตัว ‘เจ้าลัทธิ’ เอง ที่กล้าป่าวประกาศ ‘ระบบความเชื่อเร้นลับ’ ของตนเอง เพื่อหาสาวกและพวกลูกศิษย์ มาร่วมสร้าง ‘องค์กรลัทธิ’ ของตน
- ผู้ที่เป็น ‘เจ้าลัทธิ’ จะต้องเป็น ‘ผู้นำบารมี’ (charisma leader) เท่านั้น มิหนำซ้ำจะต้องเป็น ‘ผู้นำโดยธรรมชาติ’ ด้วย ถึงจะสามารถสร้างองค์กรลัทธิที่เป็นความสัมพันธ์พิเศษระหว่างตัวเจ้าลัทธิกับพวกลูกศิษย์ที่ศรัทธาในตัวเจ้าลัทธิเต็มร้อยหรือเกินร้อย
- คนที่จะเป็นเจ้าลัทธิได้นั้นไม่เกี่ยงเลยว่าต้องมีอายุเท่าใด จะเป็นเด็ก 8 ขวบก็ได้ ขอแค่มีพวกสาวกที่ศรัทธาเต็มร้อยมารองรับสนับสนุนตัวเจ้าลัทธิเท่านั้น
- มันไม่เกี่ยวเลยว่าคนภายนอกหรือสังคมจะมองตัวเจ้าลัทธิยังไง ตราบใดที่คนในองค์กรลัทธินั้นสามัคคีกันศรัทธาในตัวเจ้าลัทธิอย่างไม่คลอนแคลน และไม่เกิดวิกฤตศรัทธาต่อตัวเจ้าลัทธิจากภายในองค์กรลัทธินั้น
- การขยายตัวเติบโตขององค์กรกลุ่มลัทธิ ในด้านหนึ่งมันคือการแลกเปลี่ยนพลังกันระหว่าง คนภายนอกที่สนใจเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่หรือเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มลัทธินั้นเพื่อขอ ‘รับพลังอันเป็นทิพย์’ จากตัวเจ้าลัทธิ... ตรงนี้แหละที่มันเกิดรายจ่ายที่เป็นค่าธุรกรรม (transaction cost) เกิดขึ้นในกระบวนการแลกเปลี่ยนพลังกัน ระหว่างพลังเงิน-พลังศรัทธาจากพวกสาวกทั้งเก่าและใหม่ กับ ‘พลังอันเป็นทิพย์’ ของตัวเจ้าลัทธิ
- ‘การเชื่อมจิต’ ของกลุ่มเทวานิรมิตก็ดี หรือ ‘การเปิดจักระ’ ของกลุ่มพลังจักรวาลในอดีตก็ดี... มันคืออุบายหรือเครื่องมือในกระบวนการแลกเปลี่ยนพลังกันระหว่างพวกสาวกกับตัวเจ้าลัทธิที่สามารถวัดเป็นตัวเงินหรือค่าธุรกรรมออกมาได้นั่นเอง…ตราบใดที่พวกสาวกเต็มใจยอมจ่ายเงินในการแลกเปลี่ยนพลังกับเจ้าลัทธิ มันไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรถ้ามองในแง่ ‘การให้บริการด้านความเชื่อ’ ที่ต้องจ่ายค่าบริการ
- อย่างไรก็ดี การนำเสนอกลุ่มฝึกจิตของตัวเอง เป็น ‘กลุ่มลัทธิ’ จึงเป็น ‘ดาบสองคม’ ที่จะถูกคนในสังคมโจมตีได้ง่าย ถ้าหากมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องแบบนี้พบเจอได้ในทุกสังคม ต่างกันแค่เนื้อหาความเชื่อที่ตัวเจ้าลัทธินำเสนอเท่านั้น
- เคสนี้มีคนนอกมาเกาะกระแสหากินกับเด็ก และตัวพ่อแม่เด็กรู้ไม่ทัน แถมตกกระไดพลอยโจน
- ค่าบริการร่วมกิจกรรมเชื่อมจิต จริงๆ คือค่าที่พักโรงแรม และค่าจัดการ เหมือนไปร่วมงานสัมมนา หรือไปดูคอนเสิร์ต นั่นแหละ
ชัดเจนว่าคณะผู้นำกลุ่มลัทธิกลุ่มนี้อ่อนประสบการณ์ในการรับมือวิกฤติที่มารุมเร้า
ข้างต้นคือความเห็นเชิงสังคมวิทยาที่ผู้เขียนใช้มองปรากฏการณ์ทางสังคมของ ‘ขบวนการเชื่อมจิต’ ด้วยใจที่เป็นกลาง ปราศจากอคติ ไม่ยึดติดกับรูปลักษณ์ภายนอก และไม่รีบด่วนสรุป