‘เทพไท’ จ่อขอพระราชทานอภัยโทษ พร้อมยกเหตุผลเหนือกว่า ‘ทักษิณ’

(22 ก.ย. 66) นายพงษ์สินธ์ เสนพงศ์ ในฐานะน้องชายของ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตนักการเมืองฝีปากกล้าของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประสบวิบากกรรมทางการเมือง ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุกในคดีทุจริตเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมกับน้องชายอีกคน คือนายมาโนช เสนพงศ์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้โพสต์ข้อมูลสำคัญที่สร้างความฮือฮา โดยระบุว่าเป็นการพูดคุยกับ นายเทพไท เสนพงศ์ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในสถานะผู้ต้องขังของเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เตรียมที่จะขอพระราชทานอภัยโทษ ด้วยคุณสมบัติที่มีมากกว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีความว่า…

“เทพไท ใช้สิทธิทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษ เหมือนทักษิณ ผมได้ไปเยี่ยมคุณเทพไท ที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เมื่อวันก่อน คุณเทพไทได้แจ้งให้ผมทราบว่า เขาได้ทำหนังสือทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษส่วนบุคคล เช่นเดียวกับคุณทักษิณแล้ว โดยอธิบายเหตุผลให้ฟังว่า เดิมทีตั้งแต่เข้าสู่เรือนจำวันแรก มีหลายคนแนะนำให้ทำหนังสือทูลเกล้า เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษส่วนบุคคล ซึ่งตอนนั้นคิดว่า เรามีโทษจำคุกเพียง 2 ปี ก็ควรยอมรับชะตากรรม ไม่อยากทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษ ให้เป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท จึงไม่ได้ดำเนินการใดๆ นับตั้งแต่วันเริ่มเข้าสู่ประตูเรือนจำ แต่เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม คุณทักษิณได้เดินทางกลับประเทศไทย โดยมีข้ออ้างว่าต้องการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อต้องการรับโทษจำคุก 10 ปี ตามคำพิพากษาของศาลฎีกา”

“แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าไม่ได้จำคุกจริง หลังจากอยู่ในเรือนจำได้ไม่เกิน 12 ชั่วโมง ก็ต้องย้ายไปอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 โดยอ้างเหตุผลของการเจ็บป่วย และหลังจากนั้นได้ทำหนังสือทูลเกล้าขออภัยโทษในวันที่ 31 สิงหาคม โดยเหตุผล 4 ข้อ คือ 1.) ได้ทำคุณงามความดีให้กับประเทศชาติ 2.) มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ 3.) เคารพและยอมรับกระบวนการยุติธรรม และ 4.) เป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว”

นายพงษ์สินธ์ ระบุอีกว่า หากพิจารณาจากเหตุผลในการทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษของคุณทักษิณแล้ว คุณเทพไท กล่าวกับผมว่า เขามีคุณสมบัติในการขอพระราชทานอภัยโทษได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคุณทักษิณเลย กล่าวคือ

1.) ได้เป็นสมาชิกสภาแทนราษฎรมา 4 สมัย ทำงานรับใช้ประชาชน และทำประโยชน์ให้ประเทศชาติมากมายมาร่วม 20 ปี

2.) มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่ประจักษ์ เคยเป็นพิธีกรรายการสายล่อฟ้า ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จากการจาบจ้วงของระบอบทักษิณ (ตามเหตุผลการยึดอำนาจของคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คสช.) และไม่เคยต้องคดีตามมาตรา 112 แต่อย่างใด

3.) ยอมรับกระบวนการยุติธรรมด้วยความเต็มใจ เมื่อถูกศาลฎีกาตัดสินให้รับโทษจำคุก 2 ปี ก็ไม่ได้หลบหนีคดีแต่อย่างใด

4.) ตอนนี้อายุ 62 ปี เป็นผู้สูงวัยเช่นเดียวกัน และมีโรคประจำตัวหลายโรค ระหว่างถูกจำคุกในเรือนจำ ต้องเบิกตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชจังหวัดนครศรีธรรมราช

5.) ได้รับโทษจำคุกมาเป็นเวลา 14 เดือน กำลังจะเข้าข่ายเงื่อนไขการจำคุก 2 ใน 3 ของโทษตามคำพิพากษา แต่ไม่เคยได้รับการลดโทษเลย

6.) ได้ต้องโทษจำคุกจากการกระทำผิด พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ข้อหาจัดเลี้ยงและร่วมงานเลี้ยงกินข้าวกับกลุ่มกำนันผู้ใหญ่ ไม่ใช่การแจกเงินซื้อเสียง) แต่กรณีของคุณทักษิณ ต้องโทษคดีทุจริตต่อประเทศชาติ

ดังนั้น คุณเทพไท จึงได้สิทธิตามเงื่อนไขของกรมราชทัณฑ์ เหมือนกับนักโทษทั่วไป ที่ไม่ใช่นักโทษเทวดาทุกประการ สำหรับเรื่องนี้ ถ้าหากมีความคืบหน้าประการใดผมจะนำมารายงานให้ได้รับทราบในโอกาสต่อไป