'จีน' จ่อขึ้นแท่นผู้ส่งออกรถยนต์เบอร์ 1 แซงหน้า 'ญี่ปุ่น' หลัง 8 เดือนแรก ส่งออกแล้ว 2.9 ล้านคัน เติบโต 61%

ใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดของการครอบงำอุตสาหกรรมรถยนต์โดยญี่ปุ่นและพันธมิตรตะวันตกแล้วหรือไม่?

(13 ก.ย.66) สำนักข่าวซินหัว เผย จีนเตรียมขึ้นแท่นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลก แทนที่ญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นจุดสิ้นสุดของการครอบงำอุตสาหกรรมรถยนต์โดยยุโรป, อเมริกา, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

จากข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศจีน ได้รายงานยอดส่งออกยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ของจีน ช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม รวมอยู่ที่ 727,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 110 เมื่อเทียบปีต่อปี

รายงานระบุอีกว่ายอดส่งออกยานยนต์พลังงานใหม่ข้างต้นแบ่งเป็นยานยนต์ไฟฟ้าล้วน 665,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 120 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริดแบบปลั๊กอิน 62,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 73.5

โดยสรุป ยอดส่งออกยานยนต์ของจีน ช่วง 8 เดือนแรก รวมอยู่ที่ 2.94 ล้านคัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 61.9 เมื่อเทียบปีต่อปี โดยยอดส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์เพิ่มขึ้นร้อยละ 69.8 และร้อยละ 31.1 จากปีก่อน

ทั้งนี้ หากอ้างอิงข้อมูลตาม มูดี้ส์ (Moody’s) พบว่า ยอดการส่งออกรถยนต์ประจำปีของจีนแซงหน้ายอดการส่งออกของเกาหลีใต้ในปี 2564 และเยอรมนีในปี 2565 และปัจจุบันจีนอยู่ในแนวทางที่จะเอาชนะญี่ปุ่นได้ในปี 2566 หลังจาก MarkLines ผู้ให้บริการข้อมูลอุตสาหกรรมยานยนต์ ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2565 เผยผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นได้ส่งออกรถยนต์จำนวน 3.2 ล้านคัน ซึ่งไม่ต่างจากปีก่อนหน้าเท่าไรนัก

สำหรับจีนในช่วงปี 2562 - 2564 ปริมาณการขายรถยนต์ในจีนพุ่งทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตที่ชะลอตัวของชนชั้นกลางและความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในวงกว้างก่อนที่จะเริ่มปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างปี 2564 - 2565

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาบทวิเคราะห์ของสำนักข่าวไฟแนนเชียลไทม์ส จะพบว่า จีนยังเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้างอย่างมากอุตสาหกรรมยานยนต์

โดย ความท้าทายดังกล่าวเกิดขึ้นจากความไม่สอดคล้องกันระหว่าง 'ยอดการผลิตในโรงงานของจีน' และ 'อุปสงค์รถยนต์ภายในประเทศ'

ส่วนหนึ่งเกิดจากผู้บริหารในอุตสาหกรรมคาดการณ์แนวโน้มสำคัญ 3 ประการอย่างไม่ถูกต้อง ได้แก่...

▪ การลดลงอย่างรวดเร็วของยอดขายรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน
▪ ความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
▪ ความต้องการรถยนต์ส่วนบุคคลที่ลดลงอย่างรวดเร็ว