‘นายก อบจ.เชียงใหม่’ ชี้ ฝุ่นพิษส่งผลเสียหลายด้าน หวังภาคีเครือข่าย ‘หยุดเผา เรารับซื้อ’ ช่วยแก้ปัญหายั่งยืน

อย่างที่ทราบกันดีว่า ภาคเหนือตอนบน ประกอบด้วยจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา ลำพูน ลำปาง แพร่ และน่าน มีทิวทัศน์ที่สวยงาม และบรรยากาศน่าอยู่ น่าท่องเที่ยว ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ แต่กว่าทศวรรษที่ผ่านมา ในช่วงหน้าแล้ง ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ - เมษายนของทุกปี ได้เกิดฝุ่นควันปกคลุม ทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนในพื้นที่อย่างมาก

นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ (อบจ.เชียงใหม่) ยอมรับว่า ปัญหาฝุ่นควัน หรือ PM2.5 เป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อจังหวัดเชียงใหม่ และพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนบนอย่างมาก ทั้งในด้านสุขภาพของประชาชนและความเสียหายทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะผลกระทบด้านการท่องเที่ยว ซึ่งสร้างเม็ดเงินให้กับจังหวัดเชียงใหม่ ปีละหลายหมื่นล้านบาท 

ทั้งนี้ ในส่วนขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้พยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้ร่วมมือกับทั้งภาคราชการและเอกชนในพื้นที่ เช่น แจกหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นพิษ และสนับสนุนอุปกรณ์ดับไฟป่า เป็นต้น โดยทาง อบจ.เชียงใหม่ ได้สนับสนุนงบประมาณราว 12 ล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม นายก อบจ. เชียงใหม่ มองว่า การแก้ปัญหาที่ผ่านมา เป็นการแก้ไขที่ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะฉะนั้น ในอนาคตจะต้องเข้าไปแก้ที่ต้นเหตุ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาไฟป่า ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการกระทําของมนุษย์ ไม่ใช่เฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่เท่านั้น แต่มีหลายจังหวัดรวมถึงต่างประเทศเพื่อนบ้านด้วย

“ปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ในจังหวัดเชียงใหม่ในวันนี้ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ด้วยการทำงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานระดับจังหวัดเท่านั้น แต่ต้องได้รับความร่วมมือในระดับนานาชาติ และเป็นที่น่ายินดีว่า ขณะนี้ได้เกิดภาคีเครือข่ายเชียงใหม่ขจัดฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นความความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน จัดทำโครงการ ‘หยุดเผา เรารับซื้อ’ เพื่อลดการเผาตอซังข้าวโพด หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นอีกหนึ่งกลไกที่ช่วยลดการเผาป่าได้อย่างยั่งยืน”