รู้จัก ‘Stüssy’ พี่ใหญ่แห่งวงการสตรีตแวร์ แบรนด์เก่าแก่แต่ครองใจศิลปิน-คนรุ่นใหม่

ธุรกิจเสื้อผ้าแฟชัน นับว่าเป็นธุรกิจที่มีคู่แข่งสูง เนื่องจากมีผู้เล่นในตลาดค่อนข้างสูง ตั้งแต่เสื้อผ้าแฟชันราคาถูกจับต้องได้ ไปจนถึงเสื้อผ้าหรู แบรนด์เนม… งานหนักจึงมาตกอยู่ที่บรรดาเจ้าของแบรนด์ที่ต้องตาม ‘เทรนด์’ การแต่งตัวของผู้คนที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว หรือบางครั้งก็ต้องเทิร์นตัวไปเป็นผู้นำแฟชันเองซะเลยก็มี

อย่างไรก็ตาม แม้ในตลาดเสื้อผ้าแฟชันจะมีการแข่งขันสูง แต่ก็ยังโชคดีที่แบรนด์ต่าง ๆ ที่มีคาแรคเตอร์เฉพาะ ก็มักจะเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นของตัวเองได้ไม่ยาก เฉกเช่นเดียวกับแบรนด์ ‘Stüssy’ (อ่านว่า สตูซี) แบรนด์สตรีตแวร์สุดเก๋า ที่ถือกำเนิดมาแล้วกว่า 44 ปี หรืออาจเรียกได้อย่างเต็มปากเลยว่าเป็น ‘พี่ใหญ่แห่งวงการสตรีตแวร์’ นั้น...ยังยืนตระหง่านในเวทีนี้ได้แบบไม่ตกยุค

… และแน่นอนว่า เหตุผลที่อยากหยิบยก Stüssy แบรนด์สตรีตสัญชาติอเมริกามาเล่า เพราะล่าสุดเขาได้มาเปิดสาขาเป็นของตัวเองเป็นแห่งแรกในไทยแล้ว โดยมีพิกัดอยู่ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ชั้น 2 ซึ่งบอกเลยว่า วันเปิดขายวันแรกนี่ทำเอาห้างแตก ลูกค้าต่อคิวยาวล้นออกมานอกห้าง เพราะลูกค้าจำนวนมากต้องการเข้าไปซื้อสินค้าราคาป้ายไทย รวมถึงเสื้อยืดลายพิเศษ ที่มีจำหน่ายเฉพาะที่สาขา Bangkok Chapter เท่านั้น

เอาล่ะ!! พักเรื่องคามร้อนแรงของ ‘Stüssy’ ในไทยไปก่อน และขอย้อนพาไปดูเส้นทางสู่ความร้อนแรงแห่งสตรีตแฟชันรายนี้ ที่ THE STATES TIMES จะลองขยายประวัติและต้นกำเนิดของแบรนด์นี้ให้ทราบกันพอสังเขป… ซึ่งขอบอกเลยว่าแบรนด์นี้ไม่ได้ขายเสื้อผ้าตั้งแต่แรก… แต่จะขายอะไรมาก่อน เชิญติดตาม!!

ย้อนกลับไปในปี 1979 แบรนด์ Stüssy ถือกำเนิดขึ้นจากชายที่ชื่อว่า ‘Shawn Stussy’ ผู้ที่หลงใหลในการเล่นกระดานโต้คลื่น หรือเซิร์ฟบอร์ด จึงตัดสินใจเปิดธุรกิจผลิตและออกแบบเซิร์ฟบอร์ดเป็นของตนเอง อยู่แถวชายหาดลากูนาบีช ที่แคลิฟอร์เนีย โดยเขาได้นำลายเซ็นนามสกุลของเขามาเป็นโลโก้ประจำแบรนด์ เพื่อเพิ่มความโดดเด่นและจดจำง่าย

ทั้งนี้ ดีไซน์โลโก้ของเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากข้อความกราฟิตี ศิลปะการพ่นลวดลายบนกำแพง ตามสไตล์ชาวพังก์ร็อกและฮิปฮอปที่เขาชื่นชอบ และสื่อถึงจิตวิญญาณความเป็นศิลปินอันแสนขบถ ในช่วงแรก คุณ Stussy เน้นขายสินค้าเฉพาะเซิร์ฟบอร์ดเท่านั้น 

แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็เกิดปิ๊งไอเดีย โดยลองนำโลโก้ Stüssy มาสกรีนลงบนเสื้อยืด และนำไปขายควบคู่กับเซิร์ฟบอร์ด ที่งาน Action Sports Retailer ในปี 1982 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ เจตนาแรกเขาแค่ต้องการใช้เสื้อยืดสกรีนมาเป็นตัวกระตุ้นยอดขายให้กับเซิร์ฟบอร์ดเท่านั้น แต่กลายเป็นว่าเสื้อยืดเป็นสินค้าที่ขายดีแทน โดยเพียงแค่ 3 วัน เขาสามารถขายเสื้อยืดไปมากกว่า 1,000 ตัว

เมื่อกระแสตอบรับเสื้อยืดดีเกินที่คาดไว้ คุณ Stussy จึงเพิ่มไลน์เสื้อผ้าแนวสตรีตแวร์ในร้านของเขา เป็นการขยายธุรกิจและสินค้าให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น
.
แม้ยอดขายเสื้อยืดจะดีเลิศ แต่ในความเป็นจริง คุณ Stussy ไม่ได้มีความรู้เรื่องการทำการตลาดมากนัก ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจชวน Frank Sinatra เพื่อนสนิทที่เล่นเซิร์ฟด้วยกัน มาเป็นหุ้นส่วนของร้าน การร่วมมือของพวกเขาทั้งสอง ทำให้แบรนด์ Stüssy ได้จดทะเบียนเป็นบริษัทและเป็นที่รู้จักในวงกว้างกว่าเดิม หลังจากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆ ลดการขายเซิร์ฟบอร์ดลง และหันมาพัฒนาเสื้อผ้าแทน

เวลาผ่านพ้นไปจนกระทั่งปี 1991 พวกเขาก็ได้เปิด Flagship Store แห่งแรกของแบรนด์ในเมืองนิวยอร์ก โดยได้ James Jebbia มาเป็นผู้จัดการร้าน แต่ภายหลังเขาลาออกไปสร้างแบรนด์ของตัวเองชื่อ ‘Supreme’

แต่หลังจากนั้นประมาณ 5 ปี คุณ Shawn Stussy ก็ได้ตัดสินใจวางมือจากแบรนด์ Stüssy เพื่อกลับไปใช้ชีวิตกับครอบครัว โดยได้ขายหุ้นของบริษัทให้กับคนตระกูล Sinatra ทำให้จวบจนถึงปัจจุบัน แบรนด์ Stüssy อยู่ภายใต้การบริหารงานของครอบครัว Sinatra

แม้ผู้ก่อตั้งแบรนด์คนแรกจะไม่ได้เป็นผู้บริหารแบรนด์เองแล้ว แต่โลโก้แบรนด์ Stüssy ที่เป็นเอกลักษณ์ยังคงอยู่ และได้รับความสนใจจากผู้มากมาย โดยมีร้านแบบ Stand Alone และตัวแทนจำหน่ายอยู่ทั่วโลก นอกจากนี้ยังได้แตกไลน์สินค้ามากขึ้น เช่น หมวก เสื้อแจ๊กเก็ต กระเป๋า ถุงเท้า แว่นตา และอื่นๆ ด้วย

อ่านมาถึงจุดนี้ ก็อาจจะพอรู้แล้วว่าสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Stüssy คือความเป็นพังก์ร็อก และฮิปฮอป เนื่องจากผู้ก่อตั้งอย่าง Shawn Stussy หลงใหลในวัฒนธรรมเหล่านี้ และเขารู้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีสไตล์การแต่งตัวแบบไหน หรือเทรนด์กำลังจะเปลี่ยนไปเป็นแบบใด ส่งผลให้สินค้าของแบรนด์ Stüssy ที่ออกมาถูกใจคนกลุ่มนี้ได้ไม่ยาก ซึ่งการรู้ใจผู้บริโภคและมีสินค้าตอบโจทย์ความต้องการ ทำให้แบรนด์ประสบความสำเสร็จและครองใจลูกค้ามาอย่างยาวนาน

อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ฐานลูกค้ายังชื่นชอบและเลือกซื้อสินค้าแบรนด์ Stüssy ก็คือการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูงในการผลิต อีกทั้งยังคงใส่ใจรายละเอียดการตัดเย็บ การดีไซน์ที่คงอัตลักษณ์ของแบรนด์ไว้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ แบรนด์ Stüssy ยังได้ออกสินค้ารุ่นลิมิติดอิดิชันร่วมกับแบรนด์ชื่อดังอื่นๆ ด้วย เช่น Nike Supreme, VANS, CONVERSE, Levi's®, New Balance, G-Shock, COMME des GARÇONS หรือแบรนด์หรูอย่าง Dior ซึ่งการร่วมมือกับแบรนด์อื่นออกสินค้า เสมือนเป็นการพาแบรนด์ออกแนะนำตัวสู่สาธารณะ เปิดโอกาสให้ลูกค้ากลุ่มใหม่ได้ทำความรู้จักแบรนด์ และสร้างประสบการณ์ ไอเดียใหม่ๆ ให้กับแบรนด์

เท่านั้นยังไม่พอ เหล่าศิลปินไอดอล และคนดังระดับโลก เช่น ลิซ่า BLACKPINK, IU, Kendall Jenner, Travis Scott และ ศิลปินวง BTS ต่างก็เลือกสวมใส่เสื้อผ้าจากแบรนด์ Stüssy ด้วยเช่นกัน ยิ่งเป็นแรงเสริมให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

ในโลกธุรกิจ โอกาสคือสิ่งสำคัญ เพราะในบางครั้ง Passion ที่หวังไว้ อาจจะไม่ได้พาเราไปถึงปลายทางที่ยิ่งใหญ่ได้เสมอ ฉะนั้นการคว้าโอกาสและต่อยอดโอกาสอย่างจริงจัง ในบางครั้งก็มีความจำเป็น เหมือนกับ ‘Stüssy’ ที่ใครจะคิดว่า ไอเดียจากการนำโลโก้เซิร์ฟบอร์ด ที่มาเพ้นต์ลงเสื้อยืดเพื่อสร้างแรงกระตุ้นยอดขายเซิร์ฟบอร์ด จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นตำนานสตรีตแฟชันแห่งยุคได้อย่างลงตัว 


ที่มา : longtungirl