20 มิถุนายน พ.ศ. 2520 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงเริ่มแปลนวนิยาย ‘นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ’
วันนี้ เมื่อ 46 ปีก่อน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเริ่มแปลนวนิยายเรื่อง ‘นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ’ หรือ ‘A Man Called Intrepid’ ของ วิลเลียม สตีเวนสัน หน้าแรก
'นายอินทร์ ผู้ปิดทองหลังพระ' เป็นหนังสือพระราชนิพนธ์แปลของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงแปลมาจากหนังสือต้นฉบับภาษาอังกฤษ เรื่อง A Man Called Intrepid (ค.ศ. 1976) ของ วิลเลียม สตีเวนสัน (William Stevenson) ซึ่งเป็นหนังสือที่มีผู้อ่านมากที่สุดเล่มหนึ่งทั้งในยุโรปและอเมริกา พระองค์ทรงแปลหนังสือนี้ในเวลาที่ทรงไม่มีพระราชกรณียกิจ ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2520 จนถึงวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2523 เป็นระยะเวลาราว 3 ปี
โดยทรงใช้เวลาและพระราชวิริยะอุตสาหะแปลถ่ายทอดมาเป็นภาษาไทยเพื่อให้พสกนิกรของพระองค์ได้อ่าน เนื้อหาใจความหลัก ของเรื่องจะเกี่ยวกับ “การทำดีโดยไม่จำเป็นต้องหวังผลตอบแทน” อันเป็นหนึ่งในคำสอนที่ทรงสอนให้ประชาชน ชาวไทยยึดมั่นในการทำดี ดังพระบรมราโชวาทที่พระองค์ได้พระราชทานไว้เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยว่า “การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็น ก็ต้องปิด ว่าที่จริงแล้ว คนโดยมากไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระกันนัก เพราะนึกว่าไม่มีใครเห็น แต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้า ไม่มีใครปิดทองหลังพระเลย พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้”
หนังสือพระราชนิพนธ์ นายอินทร์ ผู้ปิดทองหลังพระ เป็นหนังสือที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่าง พ.ศ. 2482-2488 ซึ่งมีเรื่องราวค่อนข้างละเอียดซับซ้อน เนื้อหาโดยย่อ เป็นเรื่องจริงเกี่ยวกับนายอินทร์ หรือ Intrepid ซึ่งมีความหมายว่า 'ผู้กล้าหาญ' อันเป็นชื่อรหัสของ เซอร์วิลเลียม สตีเฟนสัน (Sir William Stephenson) หัวหน้าฝ่ายจารกรรมหรือหน่วยราชการลับของอังกฤษ นายอินทร์มีหน้าที่ล้วงความลับทางทหารของเยอรมนีเพื่อรายงานต่อ เซอร์วินสตัน เชอร์ชิล (Sir Winston Churchill) นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และแฟรงคลิน ดี รูสเวลส์ (Franklin D. Roosevelt) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเพื่อร่วมกันต่อต้านการขยายอำนาจของนาซี หรือกองทัพของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) ผู้นำเยอรมนี โดยมีนายอินทร์และผู้ร่วมในงานนี้เป็นตัวอย่างของผู้กล้าหาญที่ยอมอุทิศชีวิต เพื่อความถูกต้อง ยุติธรรม เสรีภาพ และสันติภาพ โดยไม่หวังลาภยศสรรเสริญใด ๆ