‘กกต.’ ขีดเส้น 7 วัน กรณีใครไม่ได้ไป ‘เลือกตั้ง66’ รีบแจ้งเหตุผลภายใน 15-21 พ.ค. ก่อนจะเสียสิทธิ 5 ข้อ

(16 พ.ค.66) เป็นเรื่องที่ประชาชนคนไทยต้องรู้และปฎิบัติเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย สำหรับผู้ที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา รวมถึงไม่ได้ขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 และไม่ได้แจ้งเหตุผล หรือแจ้งแล้ว แต่เป็นเหตุผลที่ไม่สมควร จะต้องเสียสิทธิ 5 ข้อที่ประชาชนพึงได้รับ ได้แก่
.
- สิทธิในการยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส., 
- สิทธิในการสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. หรือสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมัครรับเลือกเป็น ส.ว., 
- สิทธิในการสมัครรับเลือกเป็นกำนันและผู้ใหญ่บ้าน
- ต้องห้ามดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง และข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง 
- ต้องห้ามดำรงตำแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ่น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ประธานที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น หรือคณะที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
.
รวมการจำกัดสิทธิทั้ง 5 ข้อ มีกำหนดระยะเวลาถึง 2 ปี นับแต่วันเลือกตั้งครั้งที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
.
แต่จะยกเว้นให้สำหรับผู้มีเหตุอันสมควรที่ทำให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ได้ ดังนี้
.
- เป็นผู้ที่มีธุรกิจจำเป็นเร่งด่วนต้องเดินทางไปพื้นที่ห่างไกล
- เป็นผู้ป่วยและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
- เป็นผู้พิการและผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
- เป็นผู้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร 
- เป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ห่างไกลจากที่เลือกตั้งเกินกว่า 100 กิโลเมตร
- เป็นผู้ประสบเหตุสุดวิสัย เช่น อุทกภัย วาตภัย ฯลฯ
.
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เปิดโอกาสสำหรับผู้ที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิโดยเข้าข่ายมีเหตุอันสมควรข้างต้น ให้รีบลงทะเบียนแจ้งเหตุภายใน 7 วัน หลังวันเลือกตั้ง ก็คือระหว่างวันที่ 15-21 พฤษภาคม 2566 โดยขอรับแบบ ส.ส. 28 หรือทำหนังสือชี้แจงเหตุที่ทำให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ได้ พร้อมระบุหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน และที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน
.
จากนั้นให้ยื่นหนังสือต่อนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่น จะยื่นด้วยตัวเองหรือมอบหมายให้ผู้อื่นก็ได้ และหากไม่สะดวกเดินทางก็ให้ส่งทางไปรษณีย์พร้อมกับลงทะเบียน หรือจะแจ้งผ่านทางอินเทอร์เน็ตก็สามารถทำได้เช่นกัน
.
หากมีข้อสงสัย สามารถยกหูโทรถามได้ที่สายด่วน 1444 หรือเว็ปไซต์ www.ect.go.th หรือเพจเฟซบุ๊ก สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง