'อ.วีระ' ถาม 'เพื่อไทย' แจกเงินดิจิทัล เอางบมาจากไหน? ชี้!! ถ้าไม่ใช้ 'เงินกู้' ก็ต้องใช้ 'เงินกู' ยังติดใจแจงที่มาไม่ได้
เมื่อไม่นานมานี้ ในรายการคุยให้คิด ดำเนินรายการโดย นายวีระ ธีรภัทร, นายสุทธิชัย หยุ่น และนายวิสุทธิ์ คมวัชรพงศ์ ได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นเรื่อง 'เงินดิจิทัล' ที่พรรคเพื่อไทยได้นำไปใช้เป็นหนึ่งในนโยบายการหาเสียง มีรายละเอียดดังนี้...
นายวีระ กล่าวว่า “ตอนแรกผมสงสัยว่าดิจิทัลวอลเล็ต คือเงินอะไร แต่เอาเป็นว่าเรามารู้จักเรื่องเงินกันก่อน ถ้าเป็นธนบัตรที่แบงก์ชาติออกมา เราเรียกว่า Fiat Money หรือว่า 'เงินกระดาษ' แต่ถ้าเงินนี้ได้เข้าไปอยู่ในระบบสถาบันการเงิน ในรูปแบบของเงินฝาก ที่เราใช้มันผ่านแอปฯ เราจะเรียกว่า Electronic Money แต่ของพรรคเพื่อไทยนั้น เป็น Digital Money ซึ่งไม่ใช่เงินของแบงก์ชาติ”
นายวีระ ได้เสริมว่า “เพื่อไทยเรียกนโยบายนี้ว่า เหรียญดิจิทัลเพื่อไทย หรือ เพื่อไทยดิจิทัลคอยน์ ชื่อย่อ PDC (PHEUTHAI Digital Coin) ซึ่งในภาษาของคนที่เล่นเหรียญคริปโตฯ เขาเรียกว่า Air Drop”
นายวีระ ได้ยกตัวอย่างเพิ่มเติมด้วยว่า “ตรงนี้เป็นเงินที่ให้ไปเฉยๆ แต่ว่าตนเอง (เพื่อไทย) เป็นคนผลิต เป็นคนออกเหรียญ ซึ่งพอแจกจ่ายให้เงินไป คนที่ได้รับไปก็สามารถนำไปใช้จ่ายวนไปวนมาได้ แต่ตอนจะนำเงินออกมาจะต้องมีคนที่จ่ายค่าเงินตัวนี้ (PDC) ตอนนำออกมาใช้ ซึ่งมันต้องใช้งบประมาณ ต้องใช้เงินจริงมาอุดหนุน และพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้แจ้งเงินที่จะมาอุดหนุนตรงนี้
แล้วผมก็ได้ลองรวบรวมรายได้ทั้งหมดที่จะมาอุดหนุน PDC นี้แล้ว ก็พบว่าเราสามารถเก็บรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทั้งหมดนี้ได้ไม่เกิน 2 แสนล้านบาท เพราะฉะนั้นส่วนต่างมันคือ 3.5 แสนล้านบาท จากที่เพื่อไทยบอกว่าไว้ว่าจะแจกราว 5.5 แสนล้านบาท ดังนั้นเพื่อไทยต้องตอบให้ได้ว่า จะเอามาจากไหน 3.5 แสนล้านบาท"
นอกจากนี้ นายวีระ ยังได้กล่าวกังวลด้วยว่า "สมมติว่าเราได้มาคนละ 1 หมื่นบาท พอเราซื้อของกับร้านค้า แล้วร้านค้าเอาของให้เรา เท่ากับร้านค้าเก็บต้องเหรียญไว้ ซึ่งเหรียญจะยังไปไหนไม่ได้...แต่ถ้าทางร้านค้ายังไม่ได้แลกคืน ก็สามารถนำไปซื้อของต่อกันเองได้...
"แต่คำถาม คือ ในขั้นตอนสุดท้าย ระหว่างการดำเนินธุรกิจของเจ้าของร้าน เขามีค่าใช้จ่าย ต้นทุน ลูกน้อง แต่ยังขึ้นเงินจริงมาไม่ได้ ต้องรอ 180 วัน เขาจะทำยังไง รอรัฐบาลหาเงินงั้น ผมเชื่อว่าในทางปฏิบัติอาจจะเป็นไปไม่ได้ หรือให้ลูกน้องรับเงิน PDC ไปก่อนไหม ถ้าได้ก็ไม่มีปัญหานะ แต่ได้ไหม พูดง่ายๆ ในแง่ร้านค้าเขาก็จะต้องนำเงินไปจ่ายทั้งค้าจ้างคนงานต้นทุน แล้วจะทำอย่างไร”
"ฉะนั้นผมดูแล้วยังไงก็ยังขาดเงินไป 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งผมมองแล้วมันก็มีแค่ ไม่เงินกู้ ก็ต้องเงินกู" นายวีระย้ำ
ด้านนายสุทธิชัย ได้เสริมว่า “อดีตผู้ว่าคุณธาริษา วัฒนเกส อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ได้ออกมาบอกว่าถ้าจะใช้เงิน 5.5 แสนล้านบาท เก็บภาษี VIP 7% แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ก็ได้แค่ 38,000 ล้านบาท ซึ่งจริง ๆ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเก็บได้เต็ม เพราะร้านค้าแต่ละระแวก อาจจะเป็นร้านเล็กๆ ที่ยังไม่อยู่ในระบบภาษี แต่ยังไงก็ตามถึงแม้จะเก็บได้เต็มก็ยังเก็บได้เพียงแค่ 38,000 ล้านบาท ซึ่งต้องหาอีก 5.1 แสนล้านบาท
"ถ้าไม่ขึ้นภาษี ก็ต้องเบียดมาจากค่าใช้จ่ายรายการอื่น ๆ และตนมองว่าไม่น่าจะเบียดได้อีกแล้ว เพราะตัวเลข 5 แสนล้าน เทียบเท่ากับ 17%-18% ของงบประมาณปี 2023 ซึ่งเป็นสัดส่วนไม่น้อย เมื่อหาเงินหรือลดค่าใช้จ่ายรายอื่นไม่ได้ก็ต้องกู้ มาโปะส่วนที่ขาดดุล" นายสุทธิชัย ตบท้าย