'เสธ.หิ' ฟาด 'เศรษฐา' หลังบิดเบือนข้อมูล 'บิ๊กตู่' ไม่สนใจทุกข์ปชช. ลั่น!! วาทกรรมยุคเก่าใช้ไม่ได้ผล ยุคนี้ปชช. ค้นข้อมูลเป็น

'ดร.หิมาลัย' ฟาด 'เศรษฐา' ไม่ยั้ง บิดเบือนข้อมูล ไม่เอาความจริงมาพูด เหตุใส่ความบิ๊กตู่ไม่สนใจทุกข์ประชาชน ชี้!! วาทกรรมยุคเก่าใช้ไม่ได้ผล ยุคนี้ประชาชน ค้นข้อมูลเป็น

(18 เม.ย.66) จากกรณีที่สื่อมวลชนสอบถามนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับนโยบายให้เงินเดือนละ 1,000 บาท 12 เดือน กับของเพื่อไทยที่ให้เงินดิจิทัล 10,000 บาท นายเศรษฐา ได้ตอกกลับว่า “ท่านคิดว่าตลอดเวลาที่ท่านอยู่มา 8 ปี ประชาชนทุกกลุ่มไม่ได้เดือดร้อนไปหัวระแหงหรอ ก็ขอให้กลับไปดูหน่อย พยายามได้ยินเสียงที่ไม่อยากได้ยินบ้าง ท่านจะได้เข้าใจถ่องแท้ถึงความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน” 

ล่าสุด ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ออกมาตอบโต้นายเศรษฐา ถึงประเด็นนี้ว่า "เวลาคุณเศรษฐาออกมาพูดโจมตีท่านพล.อ.ประยุทธ์ มักจะพูดในสิ่งที่ไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน ไม่มีแหล่งอ้างอิง พูดเกินเลยความเป็นจริงไปมาก ที่พูดว่าอยู่มา 8 ปี ประชาชนทุกกลุ่มเดือดร้อนไปหัวระแหง ตนต้องชี้แจงเรื่องนี้ว่าก็มีความจริงบางส่วน เช่น สถานการณ์โควิด19 แต่ไม่ได้มีเพียงแค่ประเทศไทยเท่านั้นที่เดือดร้อน ประเทศอื่นทั่วโลกก็พบเจอ

"ท่านพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยนิ่งนอนใจที่เห็นประชาชนทุกข์ยากในเวลานั้น ท่านได้รีบสั่งการทันที โดยจัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด19) ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยทยอยลดลง อีกทั้งท่านยังรีบระดมฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่องในกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรังและผู้สูงอายุ ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อค่อยๆ ลดลงเช่นกัน

"ส่งผลให้หลายฝ่ายต่างชื่นชมการทำงานของรัฐบาล ในการต่อสู้กับสถานการณ์โควิด19 ของประเทศไทย เช่น คุณอีริค เจฟฟรีย์ โทพอล แพทย์โรคหัวใจชาวอเมริกัน ก็ได้ยกย่องประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 ประเทศ ที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 หรือ องค์การอนามัยโลก 

"หรือแม้แต่ WHO ก็ได้ยกย่องประเทศไทย ในฐานะ 'แชมป์เปี้ยน' ซึ่งมีการเตรียมความพร้อมด้านระบบสาธารณสุข ไปจนถึงการวางระบบดูแลสุขภาพประชาชนแบบถ้วนหน้า (Universal Health and Preparedness Review (UHPR)) ไว้อย่างยอดเยี่ยม นี่เป็นเครื่องยืนยันว่าท่าน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยนิ่งนอนใจที่เห็นประชาชนทุกข์ยาก ตามที่คุณเศรษฐาออกมาพูดเลย ว่าท่านไม่เข้าใจถ่องแท้ถึงความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน" 

ดร.หิมาลัย ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนประเด็นนโยบายให้เงินเดือนละ 1,000 บาท 12 เดือน เป็นนโยบายที่พุ่งเป้าช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ทุกข์ยากจริง ๆ ให้ประชาชนกลุ่มนี้สามารถลืมตาอ้าปากได้ ในกลุ่มอื่นท่านพล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยละเลยหรือมองข้าม ท่านได้วางแผนสั่งทีมเศรษฐกิจ ให้ทำงานอย่างเต็มที่ให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวให้ดีขึ้นหลังเจอโควิ-19 เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน จนศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ออกมาคาดการณ์ว่าปีนี้เศรษฐิไทยดีขึ้น คือ การส่งออกขยายตัว 1.2% การนำเข้าขยายตัว 2.2% การลงทุนภาครัฐขยายตัว 2.4% การลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 3.2% อัตราเงินเฟ้อทั่วไป 3.0% จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 22 ล้านคน จากข้อมูลนี้คุณเศรษฐา ยังจะกล่าวหาท่าน พล.อ.ประยุทธ์ แบบเลื่อนลอยอยู่หรือไม่

ส่วนประเด็นที่บอกให้พล.อ.ประยุทธ์พยายามได้ยินเสียงที่ไม่อยากได้ยินบ้างนั้น ดร.หิมาลัย กล่าวว่า นายเศรษฐา ไม่ต้องห่วง เพราะท่านพล.อ.ประยุทธ์ได้ยินเสียงของประชาชนทุกคน หรือไม่ว่าจะฝ่ายไหนท่านก็รับฟังทุกฝ่าย แม้เแต่พรรคฝ่ายค้านก็ได้ใช้เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งแบบลงมติและไม่ลงมติมาแล้วหลายครั้งโดยพล.อ.ประยุทธ์ ก็เข้าร่วมประชุมรับฟังด้วยทุกครั้ง

ขณะเดียวกันอยากจะให้คุณเศรษฐาถามคำถามนี้กับตัวเองมากกว่า ว่าให้หัดเปิดตา เปิดใจรับรู้ข้อมูลต่าง ๆ ที่เป็นด้านบวกของประเทศไทย ที่เป็นผลจากการทำงานของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ที่มีอยู่มากมาย ไปบอกประชาชนตามความเป็นจริงบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ท่องจำวาทกรรมบิดเบือน ไปใช้ในการหาเสียง โจมตีฝั่งตรงข้าม ซึ่งถือเป็นการดูถูกประชาชน คิดว่าประชาชนไม่รู้เรื่อง ทั้งที่ข้อมูลด้านบวกเหล่านี้หาได้ทั่วไปในอินเทอร์เน็ต