‘ธนาธร’ บุกกรุงเทพฯ อวดโฉมผู้สมัคร ส.ส ก้าวไกล 7 เขตรวด เชื่อ ‘ก้าวไกล-พท.’ สามารถนำพาประเทศสู่ความเป็นประชาธิปไตย

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมหาเสียงกับพรรคก้าวไกลในเขตกรุงเทพมหานคร โดยเริ่มต้นแต่เช้าตรู่ที่ย่านฝั่งธนบุรี แนะนำผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งประกอบด้วย น.ส.แอนศิริ วลัยกนก เขต 25 ทุ่งครุ-ราษฎร์บูรณะ (เบอร์ 9), นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ เขต 26 บางขุนเทียน-จอมทอง (เบอร์ 11), นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ เขต 27 บางบอน-บางขุนเทียน (เบอร์ 1) และ น.ส.รัชนก ศรีนอก เขต 28 จอมทอง-บางบอน-หนองแขม (เบอร์ 4) เดินพบปะประชาชนที่ตลาดและชุมชนซอยโรงเรียนบางขุนเทียนศึกษา และขึ้นรถแห่ร่วมหาเสียงจนถึงจากบางขุนเทียนไปจนถึงสุขสวัสดิ์

ก่อนข้ามฟากจากฝั่งธนบุรี มายังเขตห้วยขวางที่ตลาดเมืองไทยภัทร และตลาดห้วยขวาง หาเสียงช่วย แรมโบ้ นายกันตพณ ดวงอำพร เขต 6 พญาไท-ดินแดง (เบอร์ 3) และ นายเฉลิมชัย กุลาเลิศ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 5 ห้วยขวาง-วังทองหลาง (เบอร์ 12) ก่อนปิดท้ายการหาเสียงของวันนี้ ที่เขตลาดกระบัง ร่วมกับ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 18 หนองจอก-ลาดกระบัง-มีนบุรี (เบอร์ 8) ที่ตลาด V-Market โดยการหาเสียงของพรรคก้าวไกลในพื้นที่กรุงเทพมหานครวันนี้ ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างอบอุ่น มีประชาชนเข้ามาพูดคุย ให้กำลังใจ และขอถ่ายรูปด้วยเป็นจำนวนมาก

ระหว่างการร่วมหาเสียง สื่อมวลชนที่มาติดตามได้ถามคำถามต่อนายธนาธร ถึงสถานการณ์ทั่วไปในทางการเมืองและการเลือกตั้ง โดยเบื้องต้นได้สอบถามถึงการแบ่งเขตเลือกตั้งที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ ว่าไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งนายธนาธรระบุว่า การแบ่งเขตเช่นนี้ กำลังนำมาซึ่งความสับสนต่อทั้งประชาชนและพรรคการเมือง แต่ไม่ว่ากติกาจะเป็นแบบไหน ตนเชื่อว่าพรรคก้าวไกลก็พร้อมสู้ และเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวกรุงเทพมหานคร เพราะผลงาน 4 ปีในสภาฯ เป็นที่พิสูจน์แล้วว่าพรรคก้าวไกลทำงานอย่างมุ่งมั่นคุ้มค่าภาษีประชาชน โดยต่อจากนี้ ทั้งพรรคก้าวไกลและตนจะใช้อีก 40 วันที่เหลือในการทำงานให้หนัก ให้พี่น้องประชาชนเห็นถึงความตั้งใจที่เรามีร่วมกัน

นายธนาธรยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงกรณีการออกแบบนโยบายด้านปากท้องทึ่แตกต่างกันไปของแต่ละพรรคการเมือง โดยระบุว่า จากวิกฤตที่ผ่านมาทั้งในทางเศรษฐกิจและการเมือง ทำให้วันนี้คนไทยอ่อนแอลงมาก ประเทศไทยจะเข้มแข็งไม่ได้เลยถ้าประเทศไทยและคนไทยยังมีหนี้ครัวเรือนที่สูงขนาดนี้ ถ้าคนไทยยังต้องทนปากกัดตีนถีบใช้ชีวิตไปวันต่อวัน วางแผนชีวิตไม่ได้ ไม่มีความมั่นคงในชีวิตต่อยอดไม่ได้ เพื่อออกจากสภาวะแบบนี้ ประเทศไทยต้องมีรัฐสวัสดิการที่ยั่งยืนเพื่อให้ประชาชนมั่นคง มีความต่อเนื่องของนโยบาย เพื่อที่จะทำให้ประชาชนสามารถ วางแผนชีวิตตัวเองและต่อยอดการทำมาหากินได้

“การเยียวยาประชาชนในระยะสั้นเป็นเรื่องที่จำเป็น แต่พรรคก้าวไกลมองไปถึงการสร้างอุตสาหกรรมสร้างงานในระยะยาวมากกว่า เพราะสิ่งที่น่ากลัวสำหรับเศรษฐกิจไทยไม่ใช่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ถดถอยซึ่งเป็นเรื่องระยะสั้น แต่สิ่งที่อันตรายกว่าคือการสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ซึ่งมีแต่การสร้างเทคโนโลยีของตัวเองขึ้นมาเท่านั้น ที่จะทำให้ประเทศไทยสร้างการส่งออกใหม่ ๆ แข่งขันกับโลกในระยะยาวได้” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธรยังได้ตอบคำถามของสื่อมวลชน ในกรณีวิวาทะของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกลที่มีต่อพรรคเพื่อไทย ในกรณีข้อเสนอลบล้างผลพวงจากการรัฐประหาร โดยระบุว่า ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลของนายปิยบุตรในการแสดงความคิดเห็น เพราะถ้าหากเชื่อว่าจะมีพรรคการเมืองที่กล้าต่อสู้กับการทำรัฐประหารอย่างจริงจัง คงไม่มีอดีตพรรคอนาคตใหม่ที่กลายมาเป็นพรรคก้าวไกลในวันนี้ แต่ในขณะเดียวกันตนก็เชื่อว่า ถ้าพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยสามารถจับมือกันได้ จะมีทั้งพลังและประสบการณ์ที่จะผลักดันให้ประเทศไทยกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตย

“การร่วมรัฐบาลระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย ยังคงเป็นทางเลือกการจัดตั้งรัฐบาลที่ดีที่สุดสำหรับประเทศในตอนนี้ ซึ่งหากเกิดขึ้นได้จริง ก็ยังมีความจำเป็นที่ทั้งสองพรรคต้องปรับจูนกันหลายอย่าง นโยบายของเพื่อไทยที่ดี ผมเชื่อว่า พรรคก้าวไกลพร้อมผลักดันสนับสนุนอยู่แล้ว และเชื่อว่านโยบายของพรรคก้าวไกลที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนพรรคเพื่อไทยก็พร้อมที่จะสนับสนุนเช่นกัน ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้นคงต้องขึ้นอยู่กับการหารือของทั้งสองพรรคหลังจากการเลือกตั้ง ว่าจะพาสังคมไทยไปข้างหน้าอย่างไร” นายธนาธร กล่าวทิ้งท้าย