'อีลอน' ติง 'บิลเกตส์' ไม่เข้าใจถึงอันตรายของการพัฒนาระบบ AI เรียกร้องให้โลกหยุดการพัฒนา AI ขั้นสูงเอาไว้โดยด่วน

(30 มี.ค.66) World Maker เผยว่า เรื่องของกระแส AI ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่องและขณะเดียวกันก็มีข่าวออกมาให้หลายคนกลัว !!! เพราะล่าสุดทาง Elon Musk ซึ่งเป็น 1 ในผู้นำเทคโนโลยีโลกได้ออกมาเรียกร้องให้บริษัททั้งหมดทั่วโลกหยุดการพัฒนา AI ขั้นสูงที่ฉลาดกว่า ChatGPT-4 เอาไว้ก่อนโดยด่วน !

ซึ่งเหตุผลคือเขากลัวว่าโลกของเราจะเป็นอันตราย อาจมีการใช้ AI ที่ฉลาดล้ำเหล่านี้เป็นอาวุธและโลกอาจพัฒนาด้านความปลอดภัยไม่ทันความฉลาดของ AI !!! โดยจดหมายเปิดผนึกของ Musk มีคนร่วมลงนามมากกว่า 1,100 คน ในรายละเอียดระบุว่า โลกควรหยุดพัฒนา AI ขั้นสูงเป็นเวลา 6 เดือนอย่างน้อย ! เพื่อให้ระบบต่าง ๆ ได้เตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก

Musk มองว่านับตั้งแต่การเปิดตัว ChatGPT ทำให้ทั่วโลกเข้าสู่การแข่งขันทางด้าน AI อย่างบ้าคลั่งและไม่สามารถควบคุมได้ ขณะที่แม้แต่บริษัทผู้สร้าง AI เองก็ยังไม่สามารถเข้าใจ ทำนาย หรือควบคุมมันได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ ดังนั้นหากปล่อยให้พัฒนาเร็วเกินไปจะเสี่ยงทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น !

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังวิจารณ์ Bill Gates อยู่ซ้ำ ๆ หลายครั้ง โดยเน้นย้ำว่า ความรู้ด้าน AI ของ Bill Gates นั้น “มีจำกัด” ทำให้ Bill Gates อาจไม่เข้าใจถึงอันตรายของการพัฒนาระบบ AI

Elon Musk เองถือเป็น 1 ในผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI แต่เขาได้จากบริษัทไปในปี 2018 และตั้งแต่นั้นมาเขาก็เริ่มตั้งตัวเป็นผู้วิจารณ์บริษัทนี้ (โดยเฉพาะหลังจาก Microsoft เข้าลงทุนใน OpenAI ในปี 2019) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ค่อยถูกกับ Bill Gates มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และไม่รู้ว่าเขาหวังดี ๆ จริง ๆ หรือมีเหตุผลอื่นแฝงกันแน่ ? หรือว่าเขารับรู้ถึงอันตรายอะไรที่เราไม่รู้ ? เพราะขณะเดียวกันก็มีข่าวว่า Musk เองกำลังเร่งพัฒนา Generative AI เป็นของตนเองอยู่ด้วย

นอกจากนี้ยังมีข่าวอีกว่า Sam Altman และผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI ได้ปฏิเสธข้อเสนอของ Musk ในการที่เขาจะขึ้นบริหารบริษัทด้วยตนเอง ทำให้เราไม่รู้ชัดเจนว่าที่เขาออกมาเตือนเป็นไปเพราะเรื่องส่วนตัวหรือห่วงโลกจริง ๆ กันแน่ ? และก่อนหน้านี้ยังมีข่าวที่ Bill Gates เข้า Short Sell หุ้น Tesla ก่อนจะร่วงยับราว -80% เมื่อเร็ว ๆ นี้อีกด้วย

แต่ทั้งนี้ ก็ไม่มีใครปฏิเสธว่า ChatGPT และ Bing AI ของ Microsoft ที่ใช้เทคโนโลยีของ OpenAI สามารถทำงานหลายอย่างและอย่างน่าเหลือเชื่อและมีผลงานดีมากกว่ามนุษย์หลายคนด้วย แต่นั่นก็ทำให้หลายคนกลัวว่ามันจะฉลาดมากเกินไปจนกลายเป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์ ?

ตอนนี้ Microsoft, Google กำลังเป็นผู้นำในแง่ของการนำ AI มาใช้งาน ในขณะที่ธนาคารยักษ์ใหญ่ของ Wall Street อย่าง Morgan Stanley ก็กำลังฝึก Algorithm ของ ChatGPT-4 เพื่อสร้าง AI ที่ใช้ในการ ”ให้คำปรึกษาด้านความมั่งคั่ง” โดยเฉพาะ ! ซึ่งแน่นอนว่าในอนาคต AI เหล่านี้จะฉลาดกว่า ChatGPT เวอร์ชั่นปัจจุบันอีกมาก

แถลงการณ์ระบุว่า “การวิจัยและพัฒนา AI ควรมุ่งเน้นไปที่การทำให้ระบบที่ทรงพลังและล้ำสมัยในปัจจุบันมีความแม่นยำ ปลอดภัย ตีความได้ โปร่งใส แข็งแกร่ง สอดคล้องกัน เชื่อถือได้ และมีความภักดีมากขึ้น เนื่องจากระบบ AI ที่มีความฉลาดในการแข่งขันของมนุษย์สามารถก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างร้ายแรงต่อสังคมและมนุษยชาติ”

และดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่แถลงการณ์เล่น ๆ เพราะมีการกล่าวเสริมอีกว่า “รัฐบาลควรเข้ามาใช้กฏหมายบังคับ” หากบริษัทต่าง ๆ ไม่ยอมหยุดพัฒนาและเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส

แน่นอนว่าการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วของ AI ทำให้แม้แต่นักวิจัย ผู้นำด้านเทคฯ และนักจริยธรรมจำนวนไม่น้อยเกิดความกังวล ซึ่งผลกระทบเหล่านี้อาจเกิดขึ้นกับการจ้างงาน วิถีชีวิตของผู้คน การใช้เป็นอาวุธสงครามหรือทำเรื่องเลวร้าย และสุดท้ายคือการที่มนุษย์อาจปรับตัวตามไม่ทันความฉลาดของมัน ?

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลทั่วโลกกำลังเร่งกำหนดขอบเขตของกฏหมายเพื่อตอบสนองต่อการเข้ามามีบทบาทของ AI ที่จะเติบโตขึ้นอย่างมากในอนาคต ขณะที่บริษัทเทคยักษ์ใหญ่หลายแห่งประกาศลดจำนวนพนักงานในทีม “จริยธรรม AI” ของตัวเองลง ทำให้เกิดความกังวลมากขึ้นไปอีก

ทางด้านสหรัฐฯ อังกฤษ และยุโรปจะเผยแพร่กรอบกฏหมายที่จะทำให้หน่วยงานกำกับดูแลที่มีอยู่พัฒนาแนวทางที่สอดคล้องกันสำหรับการใช้ AI ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ  โดยเฉพาะการสอดส่องดูแลให้มั่นใจว่าระบบ AI จะมีความยุติธรรมและโปร่งใส

ซึ่งในขณะเดียวกันนี้มีรายงานว่าบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกได้ปลดพนักงานรวมกันไปแล้วกว่า 155,000 คนท่ามกลางกระแสการเข้ามาของ AI ซึ่งอาจถือเป็นการเตรียมปรับเปลี่ยนโครงสร้างครั้งใหญ่ ที่อาจกระทบกับวิถีชีวิตของมนุษย์ในอนาคตด้วย และมันอาจไม่ใช่แค่บริษัทเทคโนโลยี เพราะต่อไปบริษัทในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ก็อาจเริ่มต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างตาม เพราะเทคโนโลยี AI นั้นสามารถช่วยงานมนุษย์ได้หลายตำแหน่งมาก ๆ โดยเฉพาะหากถูกพัฒนาไปไกลกว่านี้

เราจะเห็นว่าภาคการเงิน บริษัทผู้ผลิตสินค้า และบริษัทต่าง ๆ ล้วนมีระบบอัติโนมัติเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นหากใครยังคิดว่ามนุษย์ไม่จำเป็นต้องปรับตัวท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกนี้ วันดีคืนดีคุณอาจกลายเป็นคนตกยุคได้โดยไม่รู้ตัว เพราะ AI จะทำให้มนุษย์ต้องปรับเปลี่ยนทักษะในการทำงานไปอีกมากเมื่อเวลาผ่านไป

และจากคำเตือนของ Elon Musk นี้ แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยถูกเส้นกับ Bill Gates มาช้านานและอาจมีมีเรื่องส่วนตัวแฝง แต่ก็ถือว่าความเสี่ยงที่เขาเตือนนั้นน่าคิด ซึ่งหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก หรือแม้แต่ Microsoft, Meta, Google, Tesla และยักษ์ใหญ่เทคโลกอื่น ๆ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ และกำลังช่วยกันพัฒนาด้านความปลอดภัยให้สามารถรองรับความฉลาดของ AI ในอนาคตได้

ส่วนในเรื่องของความคืบหน้าด้านเทคโนโลยีโลกนั้น ก็อย่างที่ World Maker ย้ำอยู่เสมอว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ที่ถูกอย่างจะถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น และสิ่งที่ล้ำกว่าเทคโนโลยี AI เช่น ควอนตัม ก็ยังไม่ถูกเปิดตัวมาให้โลกเห็นประสิทธิภาพของมันเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงมีอีกหลายฉากที่เราจะได้เห็นว่าโลกจะถูกยกระดับไปอย่างไร ?

ที่มา: World Maker

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid027SjRiHhjtGVgUPpesiD9gwT4Tn5mfGYPvp2XYyfPGVFnpBkuexPkhzqpxWWK5FTtl&id=100057372132574&mibextid=Nif5oz