วันนี้ (19 มี.ค.66) เวลา 09.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.ท. ธ เทพ ไชยชาญบุตร รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดเผยว่า “ตามที่ได้มีการทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับกากอุตสาหกรรม ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อ 13 มี.ค.2566 ที่ผ่านนั้น

สาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจดังกล่าว เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการยกระดับการบูรณาการขับเคลื่อน การปฎิบัติงานร่วมกันของเจ้าหน้าที่ระหว่างสองหน่วยงานเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการบังคับใช้กฎหมาย

โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะปฏิบัติการตรวจสอบพื้นที่ต่างๆ ทั้งพื้นที่รกร้าง พื้นที่สาธารณะ และพื้นที่ของเอกชนทั่วไปที่ได้รับเบาะแสหรือสุ่มเสี่ยงต่อการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม และสืบสวน สอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ หาตัวผู้กระทำผิดดำเนินคดี

ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรมจะให้ข้อมูลที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ในการดำเนินคดี สนับสนุนทรัพยากรต่างๆ รวมทั้งบุคลากรและผู้เชี่ยวชาญ  ทั้งการวิเคราะห์และระบุกากอุตสาหกรรมในพื้นที่ที่พบการลักลอบทิ้ง ตลอดจนข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากฐานข้อมูลโรงงาน การจัดการกากอุตสาหกรรม และการขนส่งกากอุตสาหกรรม เพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้ดำเนินคดีอย่างทันท่วงที แก้ไขปัญหาการกระทำผิดกฎหมายที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ของประชาชน”

รอง โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า “พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการ ให้กองบัญชาการและกองบังคับการต่างๆ ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่สาธารณะและพื้นที่ทั่วไปที่สุ่มเสี่ยงต่อการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรรม 

พร้อมจัดตั้งช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียนและเบาะแสการทิ้งกากขยะอุตสาหกรรมจากประชาชน นำประชาชนและผู้นำชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นหูเป็นตาอย่างใกล้ชิด ร่วมกับสถานีตำรวจ เฝ้าระวังและตรวจสอบ  และให้ผู้กำกับในแต่ละพื้นที่ เป็นเจ้าภาพหลักในการรับข้อมูล เบาะแส เข้าตรวจสอบการร้องเรียนของประชาชนโดยร่วมบูรณาการกับอุตสาหกรรมจังหวัดและกรมควบคุมมลพิษต่อไป” 

พ.ต.ท. ธ เทพ กล่าวอีกว่า “ความร่วมมือของทุกฝ่ายในครั้งนี้ เป็นนิมิตรหมายอันดี ในการป้องกันปราบปรามไม่ให้เกิดเหตุการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรม ลดปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือทางราชการ โดยการแจ้งเบาะแสไปยังผู้นำชุมชน หรือสถานีตำรวจในพื้นที่ หรือกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) หรือส่งหลักฐานและพฤติการณ์การกระทำความผิดมาที่เพจเฟสบุ๊ค ‘บก.ปทส.Green Cop’ หรือที่ Call Center ของกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 1136 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง”