เปิดไทม์ไลน์สารวัตรคลั่ง ยาวนานกว่า 21 ชม. จนท. ใช้ 'แก๊สน้ำตา-เจรจา' ก็ยังไม่เป็นผล

เหตุการณ์ระทึก ‘ตำรวจคลั่ง’ พ.ต.ท.กิตติกานต์ ตำรวจสันติบาล เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ใช้อาวุธปืน กราดยิง บริเวณที่พัก ย่านสายไหม สร้างความแตกตื่นให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง กินเวลายาวนานข้ามวันข้ามคืน

คมชัดลึก สรุปไทม์ไลน์ นาทีต่อนาที นับตั้งแต่เกิดเหตุ "ตำรวจคลั่ง" กราดยิง ที่แม้กระทั่งแก๊สน้ำตา หรือ การเจรจาใดๆ ก็ไม่เป็นผล

เวลา 11.00 น. ตำรวจรับแจ้งเกิดเหตุ ชายคลุ้มคลั่ง ก่อเหตุ "กราดยิง" จุดเกิดเหตุบริเวณ บ้านมั่นคง แยกซอยสายไหม 46 แขวงและเขตสายไหม กทม. ตำรวจ สน.สายไหม เร่งเข้าระงับเหตุ

เวลา 12.00 น. จากการเข้าตรวจสอบ พบว่า ชายคลุ้มคลั่ง คือ "สารวัตรกานต์" พ.ต.ท.กิตติกานต์ แสงบุญ อายุ 51 ปี สังกัดศูนย์พัฒนาด้านการข่าว สันติบาล ยิงปืนอยู่ภายในบ้านพัก เพื่อนผู้ก่อเหตุให้ข้อมูลว่า สารวัตรกานต์ มีอาการป่วยทางจิต แล้วโทรศัพท์ให้มารับ แต่เมื่อมาถึงหน้าบ้าน เขาก็มีอาการคลุ้มคลั่ง และยิงปืนออกมาจากภายในบ้านเป็นระยะ

เวลา 12.30 น. ตำรวจอรินทราช 30 นาย พร้อมตำรวจ สน.สายไหม ระดมกำลังปิดล้อม เพื่อระงับเหตุ หลัง สารวัตรกานต์ "ตำรวจคลั่ง" มีการถือปืนเดินออกมาจากภายในบ้าน พร้อมตะโกนด่าทอเป็นระยะ

เวลา 13.19 น. เจ้าหน้าที่พยายามเกลี้ยกล่อม "สารวัตรกานต์" แต่ปรากฎว่า ยิ่งสร้างความกดดันอย่างหนัก มีการยิงปืนสวนออกมาเป็นระยะกว่า 20 นัด สร้างความแตกตื่นให้กับชาวบ้านในละแวกติดกัน

เวลา 14.00 น. ชาวบ้านละแวกใกล้เคียง เล่าว่า สารวัตรกานต์ มีภาวะทางจิต ขาดราชการหลายวัน โดยมักจะเห็นเขาถือโทรศัพท์ ใส่หูฟังพูดคนเดียว และตะโกนด่าทอไปเรื่อย บางวัน จะใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า สร้างความหวาดผวาให้เพื่อนบ้านไปทั่ว

เวลา 16.10 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการ สืบสวนสอบสวน บช.น.ในฐานะอดีตเคยเป็นผู้บังคับบัญชาในสังกัด เข้าเจรจากับ สารวัตรกานต์ โดยขยายแนวกั้นพื้นที่ เพื่อกันสื่อมวลชนให้ออกห่างจากรัศมีจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร

เวลา 16.30 น. ตำรวจเร่งพาตัวผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งอยู่บ้านติดกัน ออกจากจุดเกิดเหตุ

เวลา 16.40 น. เจ้าหน้าที่พาลูกชายของ สารวัตรกานต์ เข้าเจรจา เกลี้ยกล่อม เพื่อให้วางอาวุธปืน และมอบตัว แต่การเจรจาไม่เป็นผล

เวลา 17.20 น. "บิ๊กต่อ" พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาเพื่อควบคุมสถานการณ์ด้วยตนเอง พร้อมสั่งห้ามใช้ความรุนแรง เพราะ สารวัตรกานต์ ป่วยทางจิต ต้องบำบัด

เวลา 18.46 น. เกิดเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่องกว่า 10 นัด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตะโกนออกมาบอกว่า "ผู้ก่อเหตุได้ยิงตอบโต้" ทำให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจ ยิงแก๊สน้ำตากลับไปทันที แต่ปรากฎว่า แก๊สน้ำตา ไม่สามารถทำอะไรสารวัตรกานต์ได้

จากนั้นเวลา 20.35 น. หน่วยปฏิบัติการพิเศษคอมมานโด ร่วม 10 นาย เดินทางมาพร้อมอุปกรณ์และอาวุธพิเศษ เพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์ โดยเจ้าหน้าที่แต่ละนายมีกล้องไนท์วิชั่นติดที่หมวก เพื่อใช้ปฏิบัติภารกิจในที่มืด

เวลา 21:42 น. เจ้าหน้าที่ได้ต่อสายให้มารดา สารวัตรกานต์ เข้ามาพูดคุยอีกครั้ง โดยบอกว่า ทุกคนเป็นห่วง เเละกำลังจะรีบเดินทางมาหา แต่เจ้าตัวปฏิเสธที่จะคุยด้วย พร้อมตะโกนออกมาว่า "อยากตาย " ระหว่างนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ประสานทีมจิตแพทย์เข้ามาช่วยพูดคุยเกลี้ยกล่อมอีกทางหนึ่ง

เวลา 22.00 น. บิ๊กต่อ เน้นย้ำไม่ใช้ความรุนแรงในการควบคุม เพราะสารวัตรกานต์ ไม่เข้าข่ายเป็นภัยกับคนอื่น ยังให้ใช้การเจรจาเป็นหลัก โดยแพทย์จิตเวช ระบุว่า ผู้ป่วยจิตเวช จะไม่รู้สึกอะไร แม้จะโดนแก๊น้ำตา

เวลา 02.00 น. ตำรวจอรินทราช พร้อมคอมมานโด เข้าปิดล้อมบ้านพัก พร้อมระดมยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปภายในบ้านกว่า 20 ลูก แต่สารวัตรกานต์ยังไม่ยอมมอบตัวเจ้าหน้าที่ 

เวลา 06.00 น. ทุกอย่างกินเวลายาวนานกว่า 21 ชั่วโมง ตำรวจเริ่มรุกหนัก หลังเจรจานานไม่เป็นผล ปีนบ้านพร้อมบอกให้ผู้ก่อเหตุวางอาวุธ จากนั้นได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้นอีกเป็นระยะ โดยเจ้าหน้าที่ได้ตะโกนให้คนที่อยู่ภายในบ้านวางอาวุธ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาแต่อย่างใด

เวลา 06.40 น. เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่ เพื่อวางแผนกันใหม่ ขณะเดียวกันก็ยังมีการใช้โทรโข่งเจรจาอยู่เป็นระยะ

ทั้งนี้ ทีมปฏิบัติการคาดการณ์ว่า ในบ้านของ สารวัตรกานต์ ตำรวจคลั่ง รายนี้ มีอาวุธทั้งปืน และมีด จึงไม่สามารถเข้าไปภายในบ้าน หรือชาร์จตัวได้ จึงต้องพยายามใช้วิธีเจรจา อย่างละมุนละม่อมให้มากที่สุด ทั้งหมดกินเวลายืดเยื้อยาวนานกว่า 21 ชั่วโมง


ที่มา : https://www.komchadluek.net/news/crime/544842