สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ณ กรุงปักกิ่ง สถานที่ที่ปลอดภัยมากที่สุดในโลก

สวัสดีนักอ่านทุกท่านครับ วันนี้ผมมีเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ณ กรุงปักกิ่ง มาเล่าให้อ่านครับ ต้องบอกเลยว่าเรื่องราวในวันนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง แต่จะน่าสนใจขนาดไหน ไปอ่านกันเลยครับ

ต้องบอกก่อนว่าโดยปกติแล้วสถานทูตสหรัฐฯ ทั่วโลกจะมีเจ้าหน้าที่ทหารจากนาวิกโยธินสหรัฐฯ ทำหน้าที่คุ้มกันอยู่ภายในอาณาบริเวณของสถานทูต แต่สถานทูตสหรัฐฯ ในประเทศจีนนั้นจะมีความแตกต่างจากประเทศอื่นๆ ในโลก เนื่องจากได้รับการคุ้มกันโดยกองกำลังติดอาวุธ Chinese wujing หรือ the People's Armed Police ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) ไม่ใช่โดยเจ้าหน้าที่ทหารของนาวิกโยธินสหรัฐฯ ดังเช่น สถานทูตสหรัฐฯ อื่น ๆ ทั่วโลก

เพราะเหตุนี้จึงทำให้สถานทูตสหรัฐฯ ณ กรุงปักกิ่งได้รับการปกป้องมากที่สุด โดยกองทัพของประเทศที่ตั้งของสถานทูตเลยทีเดียว

เจ้าหน้าที่ของกองกำลังติดอาวุธ the People's Armed Police หรือ Chinese Military Police ซึ่งทำหน้าที่คุ้มกันสถานทูตสหรัฐฯ

เรามาทำความรู้จักกองกำลังติดอาวุธ the People's Armed Police หรือ Chinese Military Police กันดีกว่า

กองกำลังติดอาวุธ the People's Armed Police หรือ Chinese Military Police เป็นทหารหน่วยพิเศษ หรือสารวัตรทหาร (ซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ) ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) มักจะปฏิบัติงานด้านความมั่นคงภายใน เช่น คุ้มกันสถานทูต กวาดล้างผู้ค้ายาเสพติดอันตราย ต่อต้านการก่อการร้าย การปราบปรามความไม่สงบ ฯลฯ

เจ้าหน้าที่ของกองกำลังติดอาวุธ the People's Armed Police หรือ Chinese Military Police ซึ่งทำหน้าที่คุ้มกันสถานทูตสหรัฐฯ

นอกจากนี้การรักษาความปลอดภัยภายในอาณาบริเวณของสถานทูตสหรัฐฯ ในประเทศจีนนั้นจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำสถานทูตสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่พลเรือนจาก The Diplomatic Security Service (DSS or DS) ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งมีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในประเทศของรัฐบาลสหรัฐฯ ในคดีที่เกี่ยวกับกระทรวงการต่างประเทศ อาทิ การปลอมแปลงหนังสือเดินทางหรือวีซ่า การค้ามนุษย์ การปลอมแปลงเอกสาร การลักพาตัวระหว่างประเทศ การละเมิดรัฐบัญญัติการป้องกันผู้ได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาลกลาง การจับกุมผู้ที่หนีคดีในต่างประเทศ และคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ


เจ้าหน้าที่พลเรือนจาก The Diplomatic Security Service (DSS or DS) ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯขณะอพยพพลเมืองอเมริกันชุดแรก ๑๙๕ คนออกจากเมืองวูฮั่น อันเนื่องมาจากสถานการณ์ COVID-19 ในปี ค.ศ. 2020

การที่รัฐบาลจีนสั่งห้ามสถานทูตไม่ให้ที่พักแก่ทหารจากประเทศของตน ด้วยเพราะด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ 

ในปี ค.ศ. 1898 ระหว่างการกบฏนักมวยมีทหารต่างชาติซึ่งประจำการในสถานทูตแปดชาติ ได้แก่ อเมริกา ออสเตรีย-ฮังการี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี ญี่ปุ่น และรัสเซีย ได้กระทำการทารุณต่อประชาชนในท้องถิ่น 

นอกจากนี้ ยังมีความทรงจำที่เลวร้ายเกี่ยวกับสนธิสัญญาที่ไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งมหาอำนาจตะวันตกหลายชาติได้ประกาศสงครามกับจีน และมีการบังคับรัฐบาลจีนให้จ่ายเงินชดเชยจำนวนมหาศาล สร้างสถานทูตและที่พักทหาร ฯลฯ 

ดังนั้นสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎของรัฐบาลจีน โดยเจ้าหน้าที่พลเรือนจาก The Diplomatic Security Service (DSS or DS) ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยในอาณาเขตของสถานทูต

"Discipline, Vigilance, Professionalism" (มีวินัย ระวังตัว มืออาชีพ) คำขวัญของ Marine Security Guard

แต่สถานทูตสหรัฐฯ ทั่วโลกโดยปกติแล้วใช้ทหารจาก Marine Security Guard (MSG) หรือ Marine Embassy Guard (หน่วยนาวิกโยธินรักษาความปลอดภัยประจำสถานทูตสหรัฐฯ) เป็นสมาชิกของกองกำลังนาวิกโยธินซึ่งทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำสถานทูตสหรัฐฯ ทั่วโลก (เดิมชื่อกองพันหน่วยนาวิกโยธินรักษาความปลอดภัย) ซึ่งเป็นองค์กรขนาดกองพันของกองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐฯ (USMC) ซึ่งกองกำลังนาวิกโยธินรักษาความปลอดภัยของสถานทูตสหรัฐฯ สถานกงสุลอเมริกัน และหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เช่น คณะผู้แทนสหรัฐประจำองค์การ NATO กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม 

นาวิกโยธินสหรัฐฯ มีประวัติในการร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ มาอย่างยาวนาน โดยย้อนกลับไปในยุคแรก ๆ ของประเทศ ตั้งแต่การชักธงชาติอเมริกันที่เมืองเดอร์นา กรุงตริโปลี ประเทศลิเบีย และภารกิจลับของ Archibald H. Gillespie ในแคลิฟอร์เนียช่วงสงครามระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก ไปจนถึงการกบฏนักมวยที่กรุงปักกิ่ง นาวิกโยธินสหรัฐฯ ได้ทำหน้าที่พิเศษหลายครั้งในภารกิจพิเศษในฐานะผู้นำสาร เป็นผู้คุ้มกันสถานทูตและคณะผู้แทนฯ และปกป้องพลเมืองอเมริกันในพื้นที่ที่ไม่สงบ 

ในปี ค.ศ. 1950 เจ้าหน้าที่นาวิกโยธินสหรัฐฯได้ช่วยอพยพพลเมืองสหรัฐฯจากสถานทูตสหรัฐฯในกรุงโซล ระหว่างการบุกของเกาหลีเหนือ

โดยนาวิกโยธินสหรัฐฯ ได้เข้าร่วมในการรักษาความปลอดภัยภายในและการคุ้มครองสถานทูตและสถานกงสุลสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการกับกระทรวงการต่างประเทศตั้งแต่ปี ค.ศ. 1948 ในปี ค.ศ. 1950 เจ้าหน้าที่นาวิกโยธินสหรัฐฯ ได้ช่วยอพยพพลเมืองสหรัฐฯ จากสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงโซล เกาหลีใต้ ระหว่างการบุกของเกาหลีเหนือ

ในปี พ.ศ. 1968 หน่วยนาวิกโยธินรักษาความปลอดภัยประจำสถานทูตสหรัฐฯ ได้ป้องกันสถานทูตสหรัฐฯในเวียดนามใต้ระหว่างการรุกใหญ่ตรุษญวน (TET Offensive) ของกองกำลังเวียดนามเหนือและเวียดกง 

เจ้าหน้าที่ของหน่วยนาวิกโยธินรักษาความปลอดภัยประจำสถานทูตสหรัฐฯ ได้ทำหน้าที่ป้องกันสถานทูตสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องในกว่า ๑๕๐ ประเทศในสถานการณ์อันตรายต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการปฏิวัติ-รัฐประหาร การโจมตี การก่อการร้าย และภัยธรรมชาติ
 

การให้นาวิกโยธินรักษาความปลอดภัยสถานทูตอย่างเป็นทางการและถาวร เริ่มต้นจากรัฐบัญญัติการปฏิบัติงานในต่างประเทศ ปี ค.ศ. 1946 ซึ่งอนุญาตให้รัฐมนตรีทบวงกองทัพเรือมอบหมายกองกำลังนาวิกโยธินให้ทำหน้าที่เป็นผู้อารักขาภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ทางการทูตอาวุโสตามคำร้องขอของรัฐมนตรีต่างประเทศ ณ สถานทูตสหรัฐฯ บันทึกข้อตกลงร่วมฉบับแรกได้ลงนามเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1948 เกี่ยวกับข้อกำหนดในการมอบหมายให้นาวิกโยธินเดินทางไปต่างประเทศ 

นาวิกโยธินกลุ่มแรกที่เดินทางถึงเมืองแทนเจียร์ และกรุงเทพฯ ในช่วงต้นปี ค.ศ. 1949 ได้รับการฝึกฝนที่สถาบันฝึกอบรมเพื่อปฏิบัติการในต่างประเทศ นาวิกโยธินรับการฝึกหัดหลักในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1954 อำนาจที่ได้รับในรัฐบัญญัติการปฏิบัติงานในต่างประเทศปี ค.ศ. 1946 ได้ถูกแทนที่ด้วย 10 U.S.C. § 8183 และบันทึกข้อตกลงล่าสุดได้ลงนามในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2008 

แม้ว่า หน้าที่การรักษาความปลอดภัยของสถานทูตสหรัฐฯ จะเป็นส่วนสำคัญของภารกิจของนาวิกโยธินที่ถือเป็นประเพณีต่อเนื่องยาวนาน และกองกำลังนาวิกโยธินมีงบประมาณเพียงเพื่อฝึกฝนและดูแลกองกำลังทหารกว่า ๑,๐๐๐ นาย ประจำสถานทูตทั่วโลก 

การตอบสนองต่อการโจมตี Benghazi ในปี ค.ศ. 2012 สภาคองเกรสได้สั่งการให้เพิ่มเจ้าหน้าที่นาวิกโยธินเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าท่ามกลางการลดลงหลังสงครามของจำนวนนาวิกโยธินโดยรวม กองกำลังนาวิกโยธินสหรัฐฯ ได้ตอบรับด้วยการจัดวางกองร้อยใหม่จากกองพันที่ 1 กองพลนาวิกโยธินที่ 1 ขณะที่มีการฝึกการรักษาความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น

ภารกิจหลักของ Marine Security Guard คือการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปกป้องข้อมูลลับและอุปกรณ์ที่สำคัญต่อความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา ณ สถานทูตอเมริกัน 

สิ่งนี้สำเร็จได้ภายใต้คำแนะนำและการควบคุมการปฏิบัติงานของตัวแทนพลเรือนของรัฐบาลกลางของหน่วยงานรักษาความปลอดภัยทางการทูต (the Diplomatic Security Service : DSS) ซึ่งเป็นตัวแทนด้านการบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐฯ และผู้สนับสนุนรักษาความปลอดภัยของสถานทูตสหรัฐฯ ทั่วโลก 

นอกจากนี้ Marine Security Guard ยังให้การรักษาความปลอดภัยสำหรับผู้มาเยือน และมักช่วยเหลือ DSS ในการกำกับดูแลหน่วยรักษาความปลอดภัยที่จ้างในท้องถิ่นซึ่งให้การรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมสำหรับภายนอกสถานทูต

Marine Security Guard อยู่ภายใต้การควบคุมการปฏิบัติงานของ DSS และอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลโดยหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยสถานทูตสหรัฐฯ 

ส่วนภารกิจรองของ Marine Security Guard คือการให้ความคุ้มครองแก่พลเมืองสหรัฐฯ และทรัพย์สินของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งตั้งอยู่ภายในสถานทูตและสถานกงสุลของสหรัฐฯ ที่กำหนด ในช่วงเวลาเร่งด่วน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือหรือต้องการดำเนินการทันที

Marine Security Guard มุ่งเน้นไปที่การรักษาความปลอดภัยภายในอาคารของสถานทูต เฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ร้ายแรงที่สุดเท่านั้นที่พวกเขาได้รับอนุญาตให้ให้ความคุ้มครองพิเศษแก่เจ้าหน้าที่ทางการทูตระดับสูงภายนอกสถานทูต Marine Security Guard มีเอกสิทธิคุ้มกันทางการทูตในระดับหนึ่งในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ

การจัดหน่วย Marine Security Guard มีสมาชิกเป็นนาวิกโยธินประมาณหนึ่งพันนายใน ๑๗๔ หน่วย ซึ่งเป็น Marine Security Guard ระดับภูมิภาคเก้าแห่งและตั้งอยู่ในกว่า ๑๓๕ ประเทศใน ๑๘ เขตเวลา รวมถึงกองบังคับการ Marine Security Guard ที่ฐานทัพนาวิกโยธิน เมืองควอนติโก มลรัฐเวอร์จิเนีย กองบังคับการ Marine Security Guard ร่วมกับโรงเรียน Marine Security Guard ประกอบด้วยนาวิกโยธินประมาณ ๑๐๐ นายที่ให้การสนับสนุนด้านการบริหาร งานธุรการ การส่งกำลังบำรุง กฎหมาย การฝึกฝนอบรม และการศึกษา

ภูมิภาคที่เหลืออีกเก้าแห่งได้รับคำสั่งจากนายทหารยศพันโท และโดยทั่วไปแล้วจะมีกองบังคับการประจำภุมิภาค และหน่วยปฏิบัติประจำการในหลายประเทศ หน่วยต่าง ๆ มีดังนี้
ที่ตั้ง พื้นที่รับผิดชอบ จำนวนหน่วยปฏิบัติการ

๑. แฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี ยุโรปตะวันออก และยูเรเซีย ๒๐ หน่วย

๒. อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เอเชียใต้และตะวันออกกลาง ๒๐ หน่วย

๓. กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย เอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ๒๓ หน่วย

๔. ฟอร์ต ลอเดอร์เดล มลรัฐฟลอริดา อเมริกาเหนือ ๑๓ หน่วย

๕. แฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี ยุโรปตะวันตก และสแกนดิเนเวีย ๒๐ หน่วย

๖. โจฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ แอฟริกาตะวันออกและแอฟริกาตอนใต้ ๒๔ หน่วย

๗. แฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี แอฟริกาเหนือ และแอฟริกาตะวันตก ๒๐ หน่วย

๘. แฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี ยุโรปกลาง ๑๙ หน่วย

๙. ฟอร์ตลอเดอร์เดล มลรัฐฟลอริดา อเมริกาใต้ และแคริบเบียน ๑๕ หน่วย

หน่วยปฏิบัติแต่ละหน่วยจะรับคำสั่งจากนายทหารชั้นประทวน ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่กรณีที่นายทหารชั้นประทวนนาวิกโยธินอาจดำรงตำแหน่ง ‘ผู้บังคับการ’ โดยทั่วไประหว่างยศจ่าสิบเอกและจ่าสิบเอกอาวุโส 

โดยนายทหารชั้นประทวนนาวิกโยธินจะได้รับคำสั่งปฏิบัติการสองรอบ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วอยู่ในเวลา ๑๘ เดือน 

อย่างไรก็ตาม ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติอาจแต่งงานได้ ต่างจากกับผู้ใต้บังคับบัญชา 

ขนาดหน่วยปฏิบัติ Marine Security Guards ขั้นต่ำคือเจ็ดนาย และผู้บังคับบัญชาหน่วยปฏิบัติ Marine Security Guards หนึ่งนาย สิ่งนี้ทำให้สมาชิกประจำตำแหน่งหนึ่งนายได้ตลอดเวลา 

ในขณะที่อนุญาตให้สมาชิกแต่ละนายทำการฝึกตามปกติอื่น ๆ ตามการจัดการภายในของหน่วยปฏิบัติ และทำให้มีเวลาพักผ่อนบ้าง เจ้าหน้าที่นาวิกโยธินมักจะปฏิบัติหน้าที่คราวละ ๑๒ เดือนเป็นเวลาสามครั้ง เจ้าหน้าที่นาวิกโยธินซึ่งทำหน้าที่ ‘เจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง’ อยู่ในป้อมหน้าสถานทูตเป็นนาวิกโยธินจากยศพลทหารชั้นหนึ่งถึงจ่าสิบเอก 

ปัจจุบันกองบังคับการของ Marine Security Guards มีพันเอก Kelly Frushour เป็นผู้บังคับการ

ทุก ๆ สามปีในฐานะหน่วยนาวิกโยธินรักษาความปลอดภัยประจำสถานทูตสหรัฐฯ มีสิทธิได้รับริบบิ้นเจ้าหน้าที่นาวิกโยธินรักษาความปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม ตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับเครื่องแบบของนาวิกโยธิน (มาตรา 5-26) เจ้าหน้าที่นาวิกโยธินไม่ได้รับอนุญาตให้ติดริบบิ้นดังกล่าว นาวิกโยธินเหล่าใด ๆ สามารถอาสาไปปฏิบัติหน้าในหน่วยนาวิกโยธินรักษาความปลอดภัยประจำสถานทูตสหรัฐฯ เป็นเวลาสามปี 

อย่างไรก็ตาม นายทหารประทวนไม่มีสิทธิมีผู้ติดตาม และนาวิกโยธินที่มีรอยสักที่อันน่ารังเกียจไม่มีสิทธิอาสาทำหน้าที่นี้ รวมทั้ง ข้อจำกัดทางกฎหมายหรือความปลอดภัย การถือสองสัญชาติ ความไม่รอบคอบทางการเงิน และข้อจำกัดอื่นใดที่จะป้องกันไม่ให้มีการแพร่งพรายความลับต่าง ๆ ได้

ก่อนที่จะได้รับมอบหมายให้ไปประจำการในต่างประเทศ นาวิกโยธินต้องเข้ารับเข้าการฝึกตามโปรแกรม Marine Security Guard จะต้องสำเร็จโปรแกรมการฝึกอบรมที่ตั้งอยู่ที่ Marine Corps Embassy Security Group (MCESG) ซึ่งตั้งอยู่ที่ฐานทัพนาวิกโยธิน Quantico มลรัฐเวอร์จิเนีย หน้าที่ของเจ้าหน้าที่นาวิกโยธินเป็นหนึ่งในงานมอบหมายพิเศษเพียงไม่กี่งานสำหรับนาวิกโยธินที่ต้องผ่านการรับรอง หน้าที่ของเจ้าหน้าที่นาวิกโยธินรักษาความปลอดภัยประจำสถานทูตสหรัฐฯ อาจเป็นอันตรายได้ 

มีหลายกรณีที่นาวิกโยธินรักษาความปลอดภัยประจำสถานทูตสหรัฐฯ ถูกสังหารในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่นี้ (ล่าสุด Cpl Steve Crowley ในปี ค.ศ. 1979, Cpl Robert V. McMaugh ในปี ค.ศ. 1983 และ Sgt Jesse Aliganga ในปี ค.ศ. 1998) หน้าที่ของสถานทูตถือเป็นส่วนสำคัญของภารกิจของเจ้าหน้าที่นาวิกโยธินรักษาความปลอดภัยประจำสถานทูตสหรัฐฯ ที่มีประเพณีมาอย่างยาวนาน ปัจจุบันกองกำลังนาวิกโยธินได้รับมอบหมายให้ฝึกอบรมและดูแลเจ้าหน้าที่นาวิกโยธินให้ดูแลป้องกันสถานทูตและสถานกงสุล ๑๘๑ แห่งทั่วโลก โดยสามารถเพิ่มกำลังที่ได้รับมอบหมายได้ตามความจำเป็น ปัจจุบัน Marine Security Guard (MSG) หรือ Marine Embassy Guard (หน่วยนาวิกโยธินรักษาความปลอดภัยประจำสถานทูตสหรัฐฯ) ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยคู่ขนานกับหน้าที่กองเกียรติยศประจำสถานทูตไปด้วยกัน


👍 ติดตามผลงาน อาจารย์โญธิน มานะบุญ เพิ่มเติมได้ที่ : https://thestatestimes.com/author/ดร.โญธิน%20มานะบุญ