ลุยหาเสียงสาทร!! ‘องอาจ-เดียร์-เอ้’ นำทัพ ‘ปชป.’ ประกาศสงคราม PM 2.5 ทวงคืนอากาศสะอาด ลั่น!! พร้อมสู้ทุกรูปแบบไม่ห่วงแบ่งเขตช้า

‘องอาจ-เดียร์-เอ้’ นำทีม กทม. ลุยหาเสียงสาทร ประกาศสงคราม PM 2.5 ทวงคืนพื้นที่สีเขียวให้คนกรุง ลั่นพร้อมสู้ทุกรูปแบบไม่ห่วงแบ่งเขตช้า

(11 มี.ค.66) เวลา 7.00 น. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย มาดามเดียร์ วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. และทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. อาทิ น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ เขตปทุมวัน-สาทร-บางรัก นายอภิมุข ฉันทวานิช เขตยานนาวา-บางคอแหลม น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร เขตพญาไท-ราชเทวี นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย เขตบางกะปิ นายจักรวี วิสุทธิผล เขตสวนหลวง เขตหนองจอก น.ส.วณิชชา ม่วงศิริ เขตบางบอน-หนองแขม นายธีรวิทย์ ภูมิดิษฐ์ เขตจตุจักร ลงพื้นที่สมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย พบปะพูดคุยและร่วมออกกำลังกายกับประชาชนที่มาออกกำลังกายในสวนสุขภาพ ทั้ง รำไท้เก๊ก แบดมินตัน ฮูลาฮูป ฯลฯ

น.ส.อรอนงค์ กล่าวว่า จุดลงพื้นที่วันนี้เป็นสุสานที่ปรับพื้นที่เป็นสวนให้ประชาชนเข้ามาดูแลสุขภาพ สำหรับผู้สูงอายุในช่วงเช้า และคนวัยรุ่นในช่วงเย็น ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากประชาชนที่ชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์อย่างดี

น.ส.วทันยา กล่าวว่า สวนนี้ได้รับความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนกับรัฐเพื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้เข้ามาใช้สอย แต่โดยภาพรวมแล้วพื้นที่ กทม. ยังมีความแออัดและพื้นที่สีเขียวที่ต่ำกว่ามาตรฐานโลกเฉลี่ย 6.1 ตร.ม./คน แต่ประชาชนกรใน กทม. เองยังมีประชากรแฝงที่ไม่ได้ถูกรวมไปในผลสำรวจ ทำให้ความเป็นจริงพื้นที่สีเขียวต่ำกว่ามาตรฐานมาก พรรคจึงมีแนวทางเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อลดฝุ่น ลดอุณหภูมิโลก และเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมให้ประชาชน

ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า ทีมประชาธิปัตย์ กทม. ประกาศสงครามชัดเจนกับ PM 2.5 ทุกวันนี้หายใจไม่ได้แล้วจริง ๆ เราจะผลักดันอากาศกฎหมายสะอาดให้เร็วที่สุด และกำหนดเขตพื้นที่มลพิษต่ำ ซึ่งต้องได้รับพลังจากประชาชนร่วมสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส. ของพรรค เพื่อที่จะเข้าไปสภาปกป้องประชาชนจากฝุ่น ให้คุณให้โทษกับคนที่ไม่รับผิดชอบ และดูแลภาษีให้คนที่ช่วยป้องกันการเกิดฝุ่นพิษ รวมถึงย้ายโรงงานอุตสาหกรรมออกจากเขตเมือง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเบอร์และการแบ่งเขตเลือกตั้งช้าจะเป็นอุปสรรคต่อการหาเสียงเลือกตั้งหรือไม่ นายองอาจกล่าวว่า กฎหมายเป็นอย่างไร พรรคก็พร้อมปฏิบัติตาม ซึ่งเบอร์ที่ต่างกันของพรรคและเขต ผ่านการพิจารณาเป็นกฎหมายไปแล้วก็จะเปลี่ยนแปลงยาก ส่วนการแบ่งเขตพื้นที่ใน กทม. ที่ล่าช้า ก็ไม่เป็นปัญหาของพรรค เพราะพรรคทำพื้นที่มาโดยตลอด ทั้งอดีต ส.ข. อดีต ส.ก. หรือ ส.ก. ปัจจุบัน และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ดังนั้นไม่ว่าจะปรับการแบ่งเขตอย่างไร พรรคก็พร้อมจะเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ซึ่งตามปกติแล้วพรรคจะเตรียมเวทีปราศรัยใหญ่อย่างน้อย 3 ครั้ง