กาลครั้งหนึ่ง เมื่อ 'อเมริกัน' เคลมสูตร 'น้ำมันงู' กูคิดเอง แต่โป๊ะแตก เพราะแอบลอกเลียนสินค้าจีน
ใครๆ ก็รู้จักอับดุลที่มาพร้อมการเร่ขายยา
แม้รุ่นใหม่อาจจะไม่เคยเห็น แต่ถ้าถามคนรุ่นอายุสี่สิบกว่าขึ้นไป รับรองว่ารู้จัก 'อับดุล' แน่นอน
อับดุลที่ว่านี้ไม่ใช่แขกที่ไหน แต่เป็นปาหี่ขายยาขายเลขเด็ด ไม่ว่าอับดุลจะเร่ขายยาที่ไหน ต้องมีผ้าห่มผืนหนึ่งคลุมร่างร่างชายไทยไม่ทราบชื่อ มีสั่นบ้างกระตุกบ้างพอให้ตื่นใจ แล้วชายอีกคนคอยร้องถามว่า 'อับดุลเอ๊ย' ซึ่งอับดุลก็ช่างแสนรู้ไปเสียทุกเรื่อง จากนั้นเป็นการขายเลขเด็ดบ้าง ขายยาครอบจักรวาลที่รักษาหายทุกโรคบ้างตามแต่พี่อับดุลจะขาย
เชื่อไหมว่าอเมริกาก็มี 'อับดุล' การต้มตุ๋นหลอกขายยาเร่แบบนี้ กลายเป็นสำนวนอเมริกาว่า 'Snake Oil' เป็นคำสแลงไว้เรียกพวกต้มตุ๋นหลอกขายของสินค้า สรุปแล้วมีความหมายในเชิงลบนั่นเอง คงเทียบสำนวนบ้านเราได้ประมาณ 'สิบแปดมงกุฎ' ทำนองนี้
เรื่องการหลอกขายน้ำมันงูนี้ คือเรื่องโกหกพกลมระดับประเทศในยุคปี ค.ศ.1860 เลยทีเดียว ยุคนั้นคือยุคตื่นทอง มีการพบทองคำที่เมืองโคโลม่า โดยรัฐแคลิฟอร์เนียในปี ค.ศ.1848 ผู้คนจากทั่วสารทิศนับแสนๆ คนหลั่งไหลเข้าไปฝั่งตะวันตก ด้วยความหวังที่จะเป็นเศรษฐีใหม่หมาดจากการขุดและค้าทองคำ
รัฐบาลเลยคิดสร้างทางรถไฟข้ามทวีป จากฝั่งตะวันออกมายังฝั่งตะวันตกเป็นระยะทาง 1,800 ไมล์ การสร้างทางรถไฟนั้นต้องใช้แรงงานคนเป็นจำนวนมาก ช่วงแรกมีการว่าจ้างกรรมกรอเมริกันและยุโรปมาสร้างทางรถไฟสายประวัติศาสตร์นี้ แต่ต่อมาพวกกรรมการฝรั่งประท้วงเพื่อเรียกร้องค่าจ้างเพิ่ม บริษัทที่รับเหมาการสร้างรางรถไฟเลยตัดปัญหากรรมกรฝรั่งช่างประท้วง ด้วยการนำเข้ากรรมกรจีนมาจากมณฑลกวางตุ้ง
กรรมกรสร้างทางรถไฟร้อยละเก้าสิบเป็นแรงงานกรรมกรจีน ในปี ค.ศ. 1852 มีกรรมกรชาวจีนถึง 25,000 คน แม้จะมีน้ำอดน้ำทนขนาดไหน แต่ถ้าทำงานหามรุ่งหามค่ำขนาดนั้น ย่อมปวดเมื่อยเนื้อตัวเป็นธรรมดา ทีนี้อาเฮียจะอย่างไรล่ะ เมียก็ไม่ได้พามาด้วย บรรดาอาเฮียอาตี๋เลยต้องพึ่งพาน้ำมันงูที่เอามาจากเมืองจีน ไอ้น้ำมันงูแสนวิเศษนี่แหละที่กรรมกรจีนนวดถูตัวทุกคืน ซึ่งมีสรรพคุณคลายเส้นจากการทำงานหนัก พอตื่นเช้ามา อาเฮียก็ร้องฮ้อ เจี๊ยะข้าวต้มกับน้ำชา แล้วลุยงานหนักต่อได้ทันที
เจ้าน้ำมันงูที่เหล่าอาเฮียพกมาจากเมืองจีน คือยาโบราณที่คนจีนรู้จักดี สกัดจากงูน้ำประเภทหนึ่งที่เรียกว่า 'งูสายรุ้ง' บรรเทาอาการปวดยอกกล้ามเนื้อดีมาก ทีนี้พอคนอเมริกันเห็นสรรพคุณสุดยอดของน้ำมันงูสายรุ้งจากเมืองจีนก็เกิดไอเดีย 'ก็อป' ขึ้นมาทันที
จะว่าไปแล้วก็เหมือนตลกร้าย ในปัจจุบัน ปี ค.ศ.2023 อเมริกาชี้หน้าจีนว่าก็อปสินค้าโน่นนี่ของอเมริกา แต่ในปี ค.ศ.1860 ลุงแซมหน้ามึนก็อปสินค้าของจีน แล้วสินค้าที่มะริกันก็อปจีนก็ไม่ใช่อะไรที่ไหน มันคือเจ้าน้ำมันงูที่ว่านี่เอง
ตอนนั้นการขนส่งน้ำมันงูแท้จากเมืองจีนไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แถมค่าโสหุ้ยในการส่งมาอเมริกาก็แพงลิบลิ่ว แล้วมะริกันพลันพบว่าชาวอินเดียนเผ่าช็อคทอว์ใช้น้ำมันงูหางกระดิ่ง บรรเทาความเจ็บปวดจากโรคข้ออักเสบ เลยดีดนิ้วเปาะๆ ร้องอ่อไหรๆ มันคงใช้แทนกันได้แหละมั้ง ฝรั่งคิดเองเออเองแล้วไปจับงูหางกระดิ่งมาทำน้ำมันงูเลียนแบบน้ำมันงูของจีนทันที
แต่ที่ลือลั่นไปทั้งสามโลก เห็นจะไม่มีอะไรเกินหน้าน้ำมันงูของคลาร์ก สแตนเลย์ ที่ลงทุนไปเรียนการปรุงยาจากอินเดียนแดง แล้วประกาศเสียงดังฟังชัดว่าได้คิดค้น 'น้ำมันงู' สูตรกูเอง ซึ่งมีสรรพคุณครอบจักรวาล ผัวปวดหลัง เอาน้ำมันทาขมับเมีย ผัวยังหายปวด อะไรทำนองนี้ แล้วผลิตน้ำมันงูในยี่ห้อ Clark Stanley เร่ขายไปทั่วในปี ค.ศ.1863
จะเร่ขายลำพังก็กลัวคนไม่ซื้อ เลยจ้างหน้าม้าไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ เวลาที่คลาร์ก สแตนเลย์ประกาศสรรพคุณแสนวิเศษ หน้าม้าที่จ้างไว้จะเดินออกมาขอทดสอบสรรพคุณน้ำมัน ทาถูถูทาไปมา แล้วประกาศว่าอาการปวดเมื่อยเคล็ดขัดยอกช้ำบวมก่อนหน้านี้หายสนิทเป็นปลิดทิ้ง เท่านี้ชาวบ้านก็แห่ซื้อกันใหญ่
น้ำมันงูของหมอปลอมที่ชื่อ คลาร์ก สแตนเลย์ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ใคร ๆ ต่างก็กล่าวขวัญถึงยาเทวดาของหมอคลาร์กผู้โด่งดัง จนทำให้พ่อค้าคนอื่นๆ ลอกสูตรสำเร็จของคลาร์กอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ส่วนมากผสมเอาเองนั่นแหละ หมอเถื่อนเร่ขายน้ำมันงูอย่างต่อเนื่องยาวนาน กว่าจะสำเหนียกก็ย่างเข้าปี ค.ศ.1905 โน่นเลย นิตยสารคอลลิเออร์ออกมาเตือนเป็นนัยๆ ว่ามียาหลายขนานที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง หากใครหลงเชื่อจนซื้อใช้อาจเกิดอันตรายได้
กระทั่งในปี ค.ศ.1990 นักวิจัยอเมริกันพิสูจน์น้ำมันงูของแท้ จึงสรุปว่าน้ำมันงูที่มีคุณภาพจะต้องทำมาจากงูสายรุ้งของจีนเท่านั้น เพราะไขมันที่ได้จากงูสายรุ้งมีส่วนประกอบของโอเมก้า 3 ส่วนงูหางกระดิ่งนี่ไม่มีสรรพคุณทางยาแต่อย่างใด นอกจากสั่นหางขู่ฟ่อไปวันๆ
นี่คือเรื่องราวการต้มตุ๋นระดับประเทศ จนเป็นที่มาของสแลงอเมริกันคำว่า 'น้ำมันงู' หรือ Snake Oil และต้องจดบันทึกประวัติศาสตร์ไว้ว่า...
อเมริกาก็เคยลอกสินค้าของจีนเหมือนกัน...
เรื่อง: เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้