'ปาท่องโก๋' ที่คุ้นเคย แท้จริงชื่อ 'อิ่วจาก้วย' เกิดจากความแค้นต่อ '2 ผัวเมีย' กบฏขายชาติ

'ปาท่องโก๋' เป็นอาหารที่คนไทยนิยมรับประทาน ไม่ว่าจะในอาหารมื้อเช้า หรือกินเล่นเป็นขนม จับคู่กับเครื่องดื่มทั้งชา กาแฟ หรือเครื่องเคียงรสชาติเลิศอย่าง นมข้นหวาน สังขยา ฯลฯ ต่างก็ลงตัวเข้ากันและอร่อยสุดๆ

เราเข้าใจตรงกันว่า ปาท่องโก๋ หมายถึง แป้งทอดที่ประกบคู่กันกรอบนอกนุ่มใน หรือมีบางร้านดัดแปลงเติมความสร้างสรรค์เป็นรูปไดโนเสาร์ หรือ มังกร หรือรูปร่างอื่นๆ ที่สะดวก

แต่ความรู้ด้านหนึ่งที่มีการเข้าใจผิดในเรื่องของภาษาและการเรียกตามความนิยม นั่นคือ แท้จริงแล้ว 'ปาท่องโก๋' ที่เป็นภาษากวางตุ้ง แปลว่า 'ขนมน้ำตาลขาว' เป็นขนมชนิดหนึ่งของคนกวางตุ้ง รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยม เนื้อสัมผัสคล้ายกับขนมถ้วยฟู

แต่ลักษณะของปาท่องโก๋ที่คนไทยเรียกกันนั้น คือ 'อิ่วจาก้วย' หรือ 'อิ้วจาก๊วย' เป็นภาษาแต้จิ๋ว แปลว่า ขนมทอดน้ำมัน ซึ่งตรงตามลักษณะของ 'ปาท่องโก๋' แบบที่เราเรียกติดปาก 

'อิ่วจาก้วย' มีต้นกำเนิดจากประเทศจีน เป็นภูมิปัญญาที่คนจีนบ่มเพาะความคิดผสมความเคียดแค้น ก่อนจะกลายมาเป็นอาหารยอดนิยมอย่างในปัจจุบัน

ขอย้อนกลับไปในสมัยซ่งใต้ที่มีเมืองลิ่มอันเป็นเมืองหลวง (ราชวงศ์ซ่งมี 2 ยุค คือ ซ่งเหนือ ค.ศ. 960-1127 และซ่งใต้ ค.ศ. 1127-1279) ยุคนั้นราชวงศ์ซ่งใต้กำลังมีศึกปะทะกับประเทศไต้กิม โดยซ่งใต้ในขณะนั้นมี 'งักฮุย' หรือ 'เย่ว์เฟย' เป็นยอดขุนพล ที่นอกจากเก่งกาจด้านการรบที่สามารถต่อต้านทัพศัตรูได้ทุกครั้ง งักฮุยยังเป็นคนดีมีคุณธรรม จงรักภักดี รักชาติยิ่งชีพ จนเป็นที่นิยมรักใคร่ของคนจีนทั้งประเทศ

ผิดกับ 'ฉินฮุ่ย' มหาเสนาบดีกังฉิน กับภรรยา 'หวังซื่อ' ที่แอบติดต่อกับข้าศึก รับสินบน และขายชาติจีนให้พวกไต้กิม เท่านั้นยังไม่พอ ยังคิดหาวิธีกำจัดกับงักฮุยให้พ้นวิถีทางด้วย เพราะเห็นว่านี่คือก้างชิ้นโตที่ขวางคออยู่

ฉินฮุ่ย จึงพยายามเพ็ดทูลข้อมูลต่างๆ กับฮ่องเต้ ก่อนจะลงเอยด้วยข้อกล่าวหาว่า งักฮุยซ่องสุมกำลังเตรียมก่อการกบฏ ทำให้ป้ายอาญาสิทธิ์ถูกส่งไปเรียกตัวงักฮุยที่กำลังทำศึกอยู่ให้กลับมาเมืองหลวง แต่ว่าเหล่าบรรดาจอมยุทธ์ผู้รักชาติต่างคอยสกัดขัดขวางไม่ให้ป้ายอาญาสิทธิ์ถึงมืองักฮุย แต่ก็สกัดได้เพียง 10 ครั้ง เพราะครั้งที่ 11 งักฮุยได้รับป้ายอาญาสิทธิ์

คนรักชาติรักแผ่นดินอย่างงักฮุย เมื่อถูกป้ายอาญาสิทธิ์เรียกตัว ก็เดินทางกลับเมืองหลวงทันทีเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ซึ่งก็เป็นเหตุให้ฉินฮุ่ยสบโอกาสประหารงักฮุยจนเสียชีวิต

เมื่อ 'งักฮุย' สิ้นชีพ ประชาชนร่ำไห้ระงม แผ่นดินซ่งใต้ลุกเป็นไฟเพราะประชาชนต่างลุกฮือขึ้นก่อการกบฏ เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากการถูกกดขี่บีฑาจากเหล่าบรรดาขุนนางกังฉินอันมีฉินฮุ่ยเป็นแกนนำ และในที่สุดราชวงศ์ซ่งใต้ก็ล่มสลาย ก่อนที่ฉินฮุ่ยและภรรยา ตั้งใจหนีไปพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติที่ขายชาติและโกงกินมามากมายเพื่อไปเสวยสุขยังประเทศไต้กิม แต่ท้ายที่สุดก็ไปไม่รอดถูกประชาชนจับได้และลงประชาทัณฑ์จนตาย ศพของ 2 ผัวเมียถูกนำไปแขวนไว้ที่กำแพงเมือง ให้แร้งกาจิกกิน ส่วนประชาชนที่เคียดแค้นก็ขว้างปาของใส่ศพของทั้ง 2 ผัวเมีย

ส่วนคุณความดีของวีรบุรุษงักฮุยนั้น คนจีนไม่ต้องการให้ลูกหลานลืมเลือน จึงได้สร้างศาลเจ้างักฮุยไว้ในเมืองหางโจว ริมทะเลสาบซีหู เพื่อให้ลูกหลานได้รำลึกถึงในวีรกรรม นอกจากจะมีรูปปั้นของงักฮุยตั้งตระหง่านให้คนเคารพ คารวะดวงวิญญาณแล้ว ข้างหลุมศพงักฮุยยังมีรูปหล่อของฉินฮุ่ยกับภรรยาและขุนนางกังฉินอีก 2 คน นั่งคุกเข่าเอามือไพล่หลังอยู่

เวลาคนจีนมาคารวะดวงวิญญาณงักฮุยแล้ว ก็มักจะไม่ลืมไปที่รูปหล่อฉินฮุ่ยกับภรรยาเพื่อถ่มน้ำลายใส่ ก่นด่า บางคนถึงขนาดกระโดดถีบก็มี นับเป็นความเคียดแค้นฝังลึกที่คนจีนมีต่อฉินฮุ่ยและภรรยา ซึ่งความแค้นที่เข้ากระดูกดำเช่นนี้ทำให้คนจีนได้ถ่ายทอดเรื่องราวของคนขายชาติฉินฮุ่ยและภรรยาให้ลูกหลานฟังต่อๆกันมา เพื่อเป็นอุทาหรณ์และเตือนสติ

เท่านั้นยังไม่พอคนจีนในอดีตหลังยุคราชวงศ์ซ่งใต้ยังได้คิดค้นขนมขึ้นมาชนิดหนึ่ง เป็นการนำแป้ง 2 ชิ้นมาประกบติดกัน แล้วใส่ลงไปในน้ำมันร้อนๆเดือดพล่าน ทอดให้สุกก่อนจะนำมาฉีกกินอย่างหนำใจ แป้ง 2 ชิ้น แทนคนขายชาติฉินฮุ่ยและภรรยา ที่ต้องใส่ทอดในน้ำมันร้อนๆ เพราะต้องการให้ทั้งคู่ทุกข์ทรมานเหมือนอยู่ในขุมนรกที่ร้อนสุดขั้ว และเมื่อทอดสุกแล้วต้องนำมาเคี้ยวกินให้หายแค้นเหมือนกำลังกินคนขายชาติ ขนมชนิดนี้นี่เอง ที่คนจีนเรียกกันว่า 'อิ่วจาก้วย'

สาเหตุที่คนไทยเรียก 'อิ่วจาก้วย' ว่า 'ปาท่องโก๋' สันนิษฐานได้ว่า น่าจะมาจากในสมัยรัชกาลที่ 6 ที่คนจีนจะนิยมขายขนมอิ่วจาก้วยคู่กับปาท่องโก๋แท้ๆ (ภาษากวางตุ้งเรียกปั๋กถ่องโกว้) คนที่มาขายขนมมักจะขายขนมรวมๆ กันหลายอย่าง ซึ่งก็มีทั้งปาท่องโก๋และอิ่วจาก้วยรวมๆ กันไป คนขายอาจจะร้องขายปาท่องโก๋เป็นอย่างแรก และต่อด้วยขนมอย่างอื่น

ซึ่งคนไทยเกิดจำได้เฉพาะชื่อแรก เมื่อไปซื้อขนมมากินก็ได้อิ่วจาก้วยซึ่งเป็นขนมทอดมาทุกที จึงอนุมานว่าขนมทอดแบบนี้มีชื่อว่าปาท่องโก๋ตามที่คนขายพูด แล้วก็เรียกกันต่อๆ มาว่า 'ปาท่องโก๋' จนเป็นแป้งทอดแบบที่เรารู้จักและนิยมเรียกกันไปในปัจจุบัน

อย่างไรก็ดี สำหรับคนที่ไปชิมปาท่องโก๋ในร้านติ่มซำแถวๆ ภาคใต้ โดยเฉพาะที่จังหวัดตรัง ก็อาจจะได้ปาท่องโก๋ในลักษณะแป้งขาวๆ มาแทน เพราะคนแถวนั้นโดยเฉพาะคนรุ่นก่อนยังเรียกขนมทอดน้ำมันว่า 'อิ่วจาก้วย' อยู่เหมือนเดิม แต่สำหรับร้านขายปาท่องโก๋ทั่ว ๆ ไป ก็เป็นอันเข้าใจตรงกันว่า ขนมทอดน้ำมันแบบนี้เรียกว่า 'ปาท่องโก๋' ตามความนิยม


ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์