อุ๊งอิ๊ง VS คุณหญิงหน่อย อาภรณ์ อุดมการณ์ ความรู้ ความรวย

เริ่มเป็นที่ชัดเจนว่า สนามเลือกตั้งครั้งต่อไปของประเทศเรา จะมีสตรีสองคนลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หนึ่งคือ 'คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์' หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กับสอง 'คุณอุ๊งอิ๊ง - แพทองธาร ชินวัตร' หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นับเป็นสีสันและความหวังของเหล่าสตรีบนฐานะผู้นำพรรคการเมือง แต่สิ่งน่าสนใจกว่า (ตอนนี้) อุดมการณ์สร้างประโยชน์แก่ชาติ ก็ด้วยทั้งสองมีพื้นเพมาจากครอบครัว 'Hight Rich' อาภรณ์ห่อหุ้มกายจึงควรค้นหา จับตา ทุกครั้งที่ปรากฏตัวต่อสาธารณชน

"...การแต่งกาย คือ 'แบรนด์ดิ้ง' (branding) คนไทยอาจไม่ได้แต่งตัวถูกต้องตามแบบแผนนัก แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับบุคคลสาธารณะ เพราะการแต่งตัวบ่งบอกว่าเราเป็นใคร ถ้าจะดูนักการเมืองสมัยก่อน อย่างจำลอง ศรีเมือง ต้องใส่เสื้อผ้าม่อฮ่อมคอจีน แขนสั้น เนื้อผ้าเก่า ๆ หรือ ป๋าเปรมก็จะต้องชุดพระราชทาน ซึ่งท่านเป็นคนเผยแพร่ชุดพระราชทานในประเทศไทย และใส่ออกมาดูดี ด้วยรูปร่างและบุคลิกที่นิ่ง เป็นคนที่พิถีพิถันมาก"

ประโยคข้างต้น - 'ภาณุ บุรุษรัตนพันธุ์' กูรูด้านแฟชั่นและบุคลิกภาพ อดีตบรรณาธิการนิตยสาร 'Esquire' ที่ทุกวันนี้คนรู้จักในนาม 'ลุงเฮม่า' เจ้าของคอลัมน์ตอบปัญหาสารพันบนออนไลน์ เคยกล่าวอรรถาธิบายไว้

ยุคต้นของคุณหญิงสุดารัตน์ ที่เพิ่งร่วมงานทางการเมืองกับพรรคไทยรักไทย เธอย่างก้าวสู่สายตาประชาชนด้วยมาดนักธุรกิจซึ่งประสบความสำเร็จแล้วระดับหนึ่ง เธอเป็นหญิงไม่ห้อยท้ายนามสกุลฝ่ายชาย สวมแว่นสายตาทรงเฉี่ยว โดดเด่น สมัยนั้นมักปรากฏตัวด้วยชุดเดรสส์สีสันสะดุดตา อันหมายถึงความเป็นผู้นำท่ามกลางชายบอดี้การ์ดชุดดำดุจสตรีทรงศักดิ์และอำนาจ

แทบไม่ต่างจากยุคเปิดฤดูกาลเลือกตั้ง 2566 ที่ 'อุ๊งอิ๊ง' ลูกสาวคนสุดท้องของบ้าน 'จันทร์ส่องหล้า' เพราะเพียงแค่เสื้อโค้ทสวมขึ้นเวทียี่ห้อ 'GUCCI' แบรนด์เสื้อผ้าโปรดจากอิตาลีตัวเดียวก็ปาไปเกือบแสน (93,000 บาท) เข้าคู่กับรองเท้า 'Amina Muaddi' ซึ่งกำลังได้รับความนิยม (ผลิตจากประเทศโรมาเนีย) สนนราคา 3,100 เหรียญสหรัฐฯ หรือเท่ากับ 102,412 บาทไทย

จนสื่อมวลชนต่างพากันเน้นที่ราคาเสื้อผ้ามากกว่าถ้อยคำปราศรัย

แต่การเลือกตั้งหนที่จะถึงนี้ 'หญิงหน่อย' ทำการบ้านอย่างดีล่วงหน้า ด้วยการศึกษาการแต่งกายของนักการเมืองระดับตำนานของเกาะอังกฤษ 'มาร์กาเรต แทตเชอร์' นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร จากภาพจำขุดสูทสีน้ำเงินเข้ม (Royal Blue) เข้ารูป กับกระโปรงยาวปิดเข่าสีโทนเดียวกัน ตัดกับเชิ้ตผ้าฝ้ายสีขาวด้านใน ล้วนผ่านการเลือกคัดสรรอย่างดี เพื่อภาพลักษณ์เช่นที่เห็น สมฉายา 'สตรีเหล็ก'

เข้าใจว่าคุณแพทองธารยิ่งต้องปรับตัวมากกว่า เพราะต้องออกหาเสียงด้วยการ 'อุ้มท้อง' จนกว่าจะจบการเลือกตั้ง โดยทุก ๆ ภาพ ต้องดูดี มีอุดมการณ์ สานความฝัน ดันพ่อกลับบ้าน

แม้ภาพจริงคุณสุดารัตน์จะมิได้เน้นทางแบรนด์เนมมากนัก เพราะคนใกล้ชิดเคยกล่าวแอ้ม ๆ ว่า "คุณหน่อยเน้น Custom Made หรือ Taylor Made เป็นหลัก จะอาศัยแบรนด์เนมหรูบ้างก็เพียง Accessories นิด ๆ หน่อย ๆ" หรืออาจเพราะคิดอยากยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนเชิงอุปมาเรื่องเสื้อผ้าจนเป็นนโยบาย

“...เราตัดเสื้อโหลไม่ได้อีกแล้ว หลักสูตรการศึกษาไทยต้องเลิกตัดเสื้อโหลได้แล้ว  และไม่มีความจำเป็นว่าหลักสูตรของชุมชนต่าง ๆ จะต้องเหมือนกัน เพราะเราไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อโหลที่เหมือนกัน" คุณหญิง (เคย) กล่าว

เชื่อว่าต่อแต่นี้ไปบนสนามหาเสียงเลือกตั้ง ว่าที่แคนดิเดตคนหนึ่งจะมีชุดไม่ซ้ำในแต่ละงาน จนเป็นที่กล่าวขานออกสื่อรัว ๆ เรื่องแบรนด์ ส่วนอีกคนก็จะถูกจับตาเรื่องเสื้อผ้าน้อยลง ทั้งที่มีบุตรสาวทำงานเป็นถึงที่ปรึกษาแฟชั่นของบริษัทใหญ่

ขอยกคำพูดของอดีตบรรณาธิการบริหาร 'Esquire' ปิดท้ายบทความนี้

"...คนที่อยู่ในวงการการเมือง หรือวงการธุรกิจจำเป็นต้องแต่งตัว เพราะต้องออกงาน ออกทีวี จึงต้องแต่งตัวให้ดูสมฐานะ แต่เท่าที่ได้ยินมาคือ ส.ส. ท่านไม่แต่งตัว เพราะตั้งแต่ตอนที่ทำงานอยู่ อยากทำเรื่องนักการเมืองว่า เขาไปหาช่างเสื้อกันที่ไหน? เขาใส่แบรนด์อะไร? เราคิดไปเองว่านักการเมืองไทยเหมือนกับนักการเมืองฝรั่ง แต่แท้จริงแล้วมันไม่ใช่!"


เรื่อง: พรชัย นวการพิศุทธิ์