‘แม่ค้าไทย’ โอด ต่างชาติยกโขยงค้าขายในไทย เปิดร้านอาหาร - ร้านน้ำผลไม้รถเข็น โกยเงินมหาศาล

(13 ม.ค. 66) จากกรณี เพจเฟซบุ๊ก อาม่งหม่าล่า หม้อไฟ 梦想麻辣火锅 สาขาเยาวราช ออกมาโพสต์เรื่องราวถึงร้านอาหารที่เปิดแถวเยาวราชว่าขณะนี้ร้านคนไทยแท้ ๆ ถูกคนจีนแท้ ๆ มาเปิดร้านอาหารแข่ง แถมยังผุดขึ้นมาจำนวนมาก ทั้งที่คนไทยเสียภาษีมากกว่าคนจีน และยังตัดเพ้อถึงความยุติธรรมของกฎหมายในประเทศที่เอี้อต่างชาติมากเกินไปหรือไม่?

โดยข้อความระบุว่า "#whapshappenginthailand ก่อนอื่นเลยขอบคุณมากๆค่ะ และขอพูดในฐานะพลเมืองไทย แน่นอนว่ารู้สึกไม่ยุติธรรมกับกฎหมายประเทศ ที่เอื้อต่างชาติมาก ๆ ในฐานะคนที่เคยคลุกคลีกับประเทศจีน ไทยกับจีนเหมือนประเทศพี่น้อง ถือวีซ่าท่องเที่ยว (L) ก็เปิดร้านได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านนวด ร้านขายอุปกรณ์ ลองมาเดิน เยาวราช-สำเพ็ง ตอนนี้จากเดิมเคยเป็นร้านคนไทย (เชื้อสายจีน) ตอนนี้กลายเป็นร้านคนจีนแท้ๆ (ส่วนใหญ่วีซ่า L) ถึงจะวีซ่า L ก็เปิดบัญชีธนาคารได้ง่ายๆด้วย ธุรกิจร้านอาหารในจีน ไม่ต้องมีสูตรอะไรมากมายเพราะทุกอย่างมี suppliers ส่งให้เรียบร้อย มีเงินเฉยๆ ก็เปิดร้านได้แล้ว Shipping ไทย-จีน คือขนส่งง่ายมากด้วย อุปกรณ์ตกแต่งจากจีนก็มีแบบสำเร็จ ไม่ต้องการ ฝีมือช่างไทยทำ

การลงทุนมาเปิดร้านต่าง ๆ ในไทยเลยง่ายมาก ๆ แต่หาก หาถึงปลายทางเงินได้จากธุรกิจ แน่นอนว่าหลงเหลือ (หมุนเวียน) ในประเทศน้อย การจดบริษัทในไทยของคนจีนก็ง่าย Visa L ก็จดได้เพียงแค่ต้องมีคนไทยถือหุ้นเยอะกว่าคนจีน ไม่หนำซำ SME ไทยจะเจริญได้อย่างไรเพราะความเป็นพลเมืองต้องเสียภาษีเงินได้ภาษีธุรกิจให้ประเทศ แต่นักลงทุนต่างชาติแค่หา nominee ในการทำสัญญาเช่า ก็จบ ปลายทางเงินได้ส่วนใหญ่อยู่ประเทศของเขา

โพสนี้ต้องขอโทษลูกเพจในความไม่เหมาะสม ที่เป็นโพสแนว emotional แต่เจ้าของร้านไม่ใช่ KOL ที่มีคนตามเยอะมีแค่ช่องทางนี้ที่เป็นกระบอกเสียง ตอนทำร้านนี้แรก ๆ เคยฝันใหญ่ไว้ว่า ทำไมต่างชาติมาเปิดร้านอาหารในไทยเยอะจัง ทำไมไม่ค่อยมีของไทยไปเปิดต่างชาติบ้าง เลยคิดว่า ถ้าค่อย ๆ เปิดร้านหม่าล่าชาบูแล้วเพิ่มซุปไทยไปทีละนิดๆ (แจ่วฮ้อนเอย,ต้มยำเอย) ถ้าเอาไปขายต่างประเทศและเอาเงินเข้าประเทศได้บ้างคงจะดี (เพราะก่อนทำร้านเราทำงานประจำเป็น ตำแหน่ง exporter เราเองก็เคยส่งสินค้าอาหารไทยไปขายต่างประเทศ)

มีร้านอื่น ๆ มากมายที่อร่อย เดินทางสะดวกค่ะ ที่พูดมาไม่ใช่ว่าร้านอาม่งดีที่สุดนะคะ มีอะไรอีกเยอะที่รู้ว่าควรปรับปรุง แต่สิ่งที่ควรปรับปรุงหลาย ๆ อย่างต้องใช้เงินทุน เก็บรวบรวมคำติชมต่าง ๆ เพื่อพัฒนาต่อไปค่ะ แต่เรามองลูกค้าทุกท่านเป็นเหมือนคนในครอบครัว ที่กลับมาทานข้าวที่บ้าน ส่วนใหญ่เราจะจำลูกค้าได้ ขอบคุณพื้นที่ให้ระบายค่ะ #อาม่ง #ขอบคุณ​Twitter #ขอบคุณลูกค้าที่ช่วยเป็นกระบอกเสียง"

อีกด้านหนึ่ง ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายเรวัตร ชอบธรรม ประธานเครือข่ายแผงลอยไทยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ว่า ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบทุกจุดในกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่เป็นย่านยอดนิยมของนักท่องเที่ยวด้วย เพราะมีรถเข็นขายน้ำผลไม้มาจอดขายบริเวณดังกล่าว แต่คนขายเป็นชาวเวียดนาม กัมพูชาและเมียนมา (พม่า) ไม่ใช่ชาวไทย อาทิ ที่ตนเคยเพบเห็นคือบริเวณ ถ.สุขุมวิท ย่านนานา ทั้งที่บริเวณนั้นเคยเป็นจุดที่ผู้ค้าแผงลอยชาวไทยเคยขายมาก่อน แต่ถูกยกเลิกจุดผ่อนผันไปในช่วงที่มีนโยบายจัดระเบียบคืนทางเท้าให้ประชาชน

“พวกนี้เข้าไปขายไม่มีใครกล้าแตะเขาเลย เพราะเหมือนกับเขาเส้นใหญ่ มีคนเคลียร์ให้ มีเวียดนาม มีเขมร มีพม่า เขมรกับพม่าจะน้อยแต่เวียดนามจะเยอะ แต่พวกนี้พูดไทยได้หมด ผมเข้าไปที่สุขุมวิท เวียดนามเอารถเข็นขึ้นไปจอดที่หน้าป้ายที่ว่ายกเลิกรอบ 2 ตรงสุขุมวิท ตรงจุดที่ผมขายอยู่ ขายกันข้างหน้าป้ายเลย กลายเป็นว่าตอนนี้คนที่ได้ประโยชน์ไม่ใช่คนไทยแล้วนะ คือต่างชาติที่ได้เป็นกอบเป็นกำ เพราะน้ำพวกนี้เป็นน้ำหวานต้มผสมสีแล้วก็ใส่หัวเชื้อไปนิดหนึ่ง ใส่กลิ่นไปนิดหน่อย ขายขวดละ 50 บาท 80 บาท 100 บาท ขายต่างชาติ เขาก็กินเพราะเขาไม่รู้” นายเรวัตร กล่าว


ที่มา: https://www.naewna.com/likesara/703936

https://www.naewna.com/likesara/703947