‘ธนาธร’ ร่วมวงปลุกพลังเลือก ‘ก้าวไกล’ ชูอุดมการณ์ ลดเหลื่อมล้ำ สู้ทุนใหญ่ผูกขาด

‘ก้าวไกล’ ล่องใต้เปิดเวทีพบสมาชิกที่กระบี่-ภูเก็ต เดินหน้าขยายฐานสมาชิกเตรียมสู้ศึกเลือกตั้ง ‘ธนาธร’ ร่วมเวทีด้วย เคลียร์ชัดอุดมการณ์อนาคตใหม่ ต่อเนื่องสู่ก้าวหน้า-ก้าวไกล คือการต่อสู้กับความเหลื่อมล้ำ สร้างสังคมที่เป็นธรรมเป็นประชาธิปไตย 

พรรคก้าวไกล จัดกิจกรรมเปิดรับสมัครและพบปะสมาชิกพรรคที่จังหวัดกระบี่และจังหวัดภูเก็ต โดยมี ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ร่วมเวทีเปิดการรณรงค์ขยายฐานสมาชิก และพูดคุยเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกลในการเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งทั่วประเทศ พร้อมเชิญ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ร่วมการบรรยายเกี่ยวกับประเทศไทยที่พรรคก้าวไกล-คณะก้าวหน้า อยากเห็น

ธนาธร เริ่มต้นด้วยการอธิบายถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ในประเทศไทยที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก โดยระบุว่าความเหลื่อมล้ำเช่นนี้เป็นผลโดยตรงจากการจัดสรรทรัพยากรของประเทศอย่างไม่เป็นธรรม อำนาจทางการเมืองถูกใช้เพื่อการเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มทุนขนาดใหญ่มากกว่าประชาชน นำไปสู่การผูกขาดทางเศรษฐกิจอยู่ในมือของกลุ่มทุนขนาดใหญ่และชนชั้นนำ 

นี่คือปัญหาที่พรรคอนาคตใหม่เดิม มาจนถึงพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้าวันนี้ยืนยันมาตลอดว่าเป็นเป้าหมาย ก็คือการทลายทุนผูกขาด และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทยทุกคน ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย อำนาจเป็นของประชาชน และทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการเรียกร้องแสดงออก

ธนาธร กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาชนชั้นนำมักอ้างความสามัคคีปรองดองมาเรียกร้องต่อทุกคนในชาติและใช้ในการโจมตีพวกเราตลอดเวลา แต่คำถามคือการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนผูกขาดร่ำรวยเป็นหลักแสนล้านภายในเวลาไม่กี่ปี ขณะที่ปล่อยให้คนเกิน 50% ของประเทศนี้มีรายได้ไม่ถึง 7,500 บาทต่อเดือน เข้าไม่ถึงน้ำประปาที่มีคุณภาพ บริการสาธารณะที่ดี ทั้งที่เป็นสิทธิพื้นฐาน สิ่งนี้คือความปรองดองของคนในชาติหรือไม่

ดังนั้น ประเทศไทยในแบบที่เราอยากเห็นเป็นเรื่องที่เรียบง่ายมาก คือเป็นประเทศที่ประชาชนทุกคนไม่ว่าจะเกิดที่จังหวัดไหน ต้องเข้าถึงบริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน น้ำประปา โรงเรียน โรงพยาบาลที่ดีเหมือนกัน เราต้องการสร้างประเทศที่เสมอภาคเป็นธรรม ดอกผลการพัฒนากระจายถึงทุกคน มีเศรษฐกิจที่ทันสมัย มีเทคโนโลยีของตัวเอง และเป็นประชาธิปไตย ซึ่งเป็นเรื่องสามัญพื้นฐานที่คนไทยทุกคนควรได้รับ นี่คือสังคมไทยที่เราเปลี่ยนแปลงได้

“การเรียกร้องให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ มีความเป็นธรรม ดอกผลการพัฒนากระจายถึงทุกคน มีเศรษฐกิจที่ทันสมัย ไม่ใช่เรื่องสุดโต่ง ไม่ใช่เรื่องที่ผิด นี่คือสังคมที่เราทุกคนอยากให้ลูกหลานของเราเติบโตขึ้นมา โอกาสในการเปลี่ยนแปลงอยู่ในมือทุกท่านแล้ว มาร่วมกันผลักดันวาระสำคัญของประเทศ ให้ดอกผลของการพัฒนาไม่ได้ตกอยู่กับเจ้าสัวไม่กี่คน แต่อยู่กับคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ เราทำได้ด้วยการร่วมสร้างพรรคก้าวไกลด้วยกัน” ธนาธรกล่าว

ด้านชัยธวัช ได้บรรยายถึงยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้ง โดยระบุว่าพรรคก้าวไกลมีเป้าหมายที่ต้องการเป็นพรรคเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ โดยเล็งเห็นว่าการเปลี่ยนรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีเพียงลำพังไม่สามารถทำให้ประเทศไทยดีขึ้นได้ ต้องเปลี่ยนไปถึงโครงสร้างทั้งทางการเมืองและทางเศรษฐกิจของประเทศ

นั่นเป็นเพราะปัญหาของสังคมไทยที่เป็นข้อขัดแย้งไม่จบสิ้นมายาวนาน ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 คืออำนาจการเมืองในประเทศนี้อยู่ที่ประชาชนหรืออยู่ที่อื่น ซึ่งที่ผ่านมาการรัฐประหารทั้งสองครั้งล่าสุดในปี 2549 และ 2557 เป็นการรัฐประหารที่ฝ่ายชนชั้นนำได้ลดทอนอำนาจจากการเลือกตั้ง และเพิ่มอำนาจให้กลุ่มที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ทั้งกองทัพ องค์กรอิสระ และตุลาการมาโดยตลอด

ชัยธวัชกล่าวต่อไป ว่านี่คือโจทย์ที่ค้างคาของสังคมไทยอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ว่าตกลงอำนาจของประเทศนี้อยู่ที่ไหน และเราจะออกแบบสถาบันทางการเมืองเพื่อให้อำนาจของประชาชนเป็นจริงได้อย่างไร พร้อมวิเคราะห์ว่าการเมืองในอนาคตข้างหน้า ก็จะยังคงเป็นการต่อสู้ระหว่างอำนาจสองฝ่าย แต่สิ่งที่ต่างออกไปวันนี้ คืออำนาจชนชั้นนำเดิมเริ่มมีปัญหาสูญเสียความชอบธรรมในการทำให้ประชาชนยอมรับโดยสมัครใจ และเกิดการใช้อำนาจที่ดิบเถื่อนมากขึ้นในการบังคับให้สังคมยอมรับ ผ่านการปราบปรามด้วยกำลังและการบังคับใช้กฎหมาย ขณะที่การเมืองมวลชนกว้างขวางและเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น ความผูกพันกับพรรคการเมืองและการเลือกตั้งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ดังนั้น สังคมไทยจึงกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนยุคสมัยครั้งใหญ่ในรอบหลายสิบปี เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างการสิ้นสุดของอำนาจเก่าและยุคสมัยใหม่ ที่ประชาชนไม่ต้องการให้อำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งครอบงำประเทศอีกต่อไปแล้ว

ชัยธวัชกล่าวต่อไป ว่าการเปลี่ยนแปลงในอนาคตจะเป็นจริงได้มากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าประชาชนอยากเห็นสังคมแบบไหน และเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดมากแค่ไหน ในสถานการณ์แบบนี้ พรรคก้าวไกลมีภารกิจสร้างประเทศไทยที่มีอนาคต พัฒนาเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าเป็นธรรม ประชาขนเสมอภาค เท่าเทียม มีคุณภาพชีวิตที่ดี ต้องต่อสู้ทางความคิดให้เสียงส่วนใหญ่ในสังคมเห็นด้วยกับเราให้มากที่สุด ขณะที่สภาก็จะเป็นพื้นที่สำคัญที่ต้องเข้าไปขยายให้ได้มากที่สุด สร้างพรรคการเมืองและนักการเมืองแบบใหม่ ทำให้ประชาชนเห็นว่ารัฐสภาเป็นทางออกได้ พรรคการเมืองต้องเข้มแข็ง เป็นพรรคการเมืองมวลชนของประชาชน ที่ประชาชนเป็นเจ้าของและมีส่วนร่วม

“การเลือกตั้งครั้งหน้าสำคัญ บ้านเมืองที่ตกต่ำขนาดนี้ก็เพราะปัญหาการเมืองที่ทับถมมานานนับสิบปี การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นต้องเป็นการเลือกตั้งที่นำไปสู่ก้าวแรกในการเปลี่ยนประเทศ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีหรือเปลี่ยนรัฐบาล และทุกเสียงที่พรรคก้าวไกลได้รับความไว้วางใจจากประชาชน จะเป็นหนึ่งเสียงที่เพิ่มความเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่เปลี่ยนแค่การเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีเพื่อไปจับมือกับขั้วอำนาจใดก็ได้เพื่อให้ได้เป็นรัฐบาลเท่านั้น” ชัยธวัชกล่าว