เรื่องรักนักเรียนนายร้อย ตอนที่ 6 อาหารมื้อพิเศษ

>> ความเดิมเมื่อตอนที่แล้ว 
กรกฎและจ้ำถูกกักบริเวณเนื่องจากเจอผงแป้งประหลาดในหอพัก พวกเขาจึงต้องอยู่ที่โรงเรียนต่อ โดยที่เพื่อนๆ คนอื่นได้กลับบ้าน กรกฎจึงตกลงกับจ้ำว่า หากพ้นจากการกักบริเวณแล้วจะต้องไปหาเขมิกาและสาวิตรีที่วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ

เรื่องเล่าทั่วไปเกี่ยวกับนักเรียนนายร้อย ในตอนเช้าของทุกวันหลังจากนักเรียนนายร้อยรับประทานอาหารเช้าแล้วก็จะมาเข้าแถว และกล่าวคำปฏิญาณตนก่อนเดินแถวไปเรียน และในตอนเย็นหลังจากเรียนเสร็จแล้ว ก็จะมาเข้าแถวเพื่อเดินแถวกลับมาที่ที่พัก ซึ่งประกอบด้วยโรงนอน และที่ทำงานของนายทหารปกครอง รวมๆ เรียกว่า 'กรมนักเรียนนายร้อย รักษาพระองค์'

จากวันที่ได้รับโทษต้องถูกกักบริเวณให้อยู่ในโรงเรียนเสาร์อาทิตย์ หลังจากนั้น จ้ำและกรกฎจะสลับกันลงมารวมแถวเป็นคนสุดท้ายเพื่อตรวจดูว่า มีผงแป้งตกอยู่ในห้องอีกหรือไม่ หรือมีใครแอบเอาแป้งมาโรยในห้องอีก

สัปดาห์นี้ผ่านไป โดยราบรื่น กรกฎและจ้ำได้กลับบ้านและจะได้ทำตามแผนที่วางไว้ 

....แผนที่จะไปหาสองสาวพยาบาลตำรวจนั่นเอง

เช้าวันเสาร์ ทั้งสองเดินทางด้วยรถเมล์สาย 29 จากอนุสาวรีย์ไปมาบุญครอง เมื่อรถเมล์มาจอดที่ป้ายตรงข้ามามาบุญครอง ทั้งสองก็เดินตัดผ่านสยามสแควร์ไปที่ข้ามถนนอังรีดูนังต์ไปที่วิทยาลัยพยาบาลตำรวจทันที

ระหว่างเดินไป ทั้งสองก็อมยิ้มไปตลอดทาง แม้แดดจะร้อน และต้องเดินไกลมากแค่ไหน แต่ก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย

จ้ำนั้นแน่นอนอยู่แล้วว่าจะได้เจอกับสาวิตรี แต่ทางฝั่งกรกฎกลับใจตุ้มๆ ต่อมๆ ต้องลุ้นว่าจะเจอกับเขมิกาหรือเปล่า

ทั้งสองเดินไปหยุดหน้าวิทยาลัยพยาบาลตำรวจ แล้วมองหน้ากัน จากนั้นพยักหน้าและเดินเข้าไปด้านใน (ท่าทางเหมือนโจรปล้นธนาคาร อย่างไงอย่างงั้นเลย)

ทั้งสองไปพบนักศึกษาพยาบาลที่เข้าเวร เพื่อแจ้งชื่อนักศึกษาพยาบาลที่ต้องการจะพบ ทั้งสองต้องเซ็นชื่อก่อนที่จะพบกับสองสาว 

จ้ำสังเกตท่าทางเพื่อนเห็นว่ามือสั่นแปลกๆ จึงกระซิบถาม

“กรกฎเป็นอะไรวะมือสั่นๆ”

“ไม่เป็นไร” กรกฎรีบตอบปฏิเสธ แต่จริงๆ แล้วในใจเต้นระรัว ตอนที่จรดปากกากับกระดาษแล้วเขียนชื่อ 'เขมิกา'

เมื่อเซ็นชื่อเสร็จ ทั้งสองก็รอให้ประกาศเรียกชื่อสองสาว ซึ่งใช้เวลาไม่นานนัก แต่ในความรู้สึกของกรกฎนั้นรู้สึกว่า นานมาก...มากแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน 

ส่วนระหว่างรอก็มีสาวๆ เพื่อนพยาบาลตำรวจหลายคนต่างมาออกันที่หน้าประตู ไม่ใช่เพราะมาดูดาราหรอกนะ แต่มาดูจ้ำและกรกฎต่างหาก พวกเธอต่างยกมือปิดปาก แล้วหัวเราะเสียงดังคิกๆ กัน

“จ้ำ กูเขินว่ะ” กรกฎเห็นแบบนั้นก็รู้สึกเขิน เลยกระซิบบอก “มองเราไม่พอ แอบหัวเราะกันอีก”

“เขินอะไรวะ มึงก็ส่งตาหวานไป แล้วเก๊กหน้าหล่อไว้ ไอ้ห่า เราผู้ชายนะโว้ย” จ้ำบอก แล้วหันไปมองไปที่กลุ่มสาวๆ ก่อนจะยิ้มส่งไปให้หนึ่งที

ไม่นานสิ่งที่รอคอยนับศตวรรษ เอ้ย หลายนาที ก็ปรากฏตัวออกมา กรกฎและจ้ำยิ้มทักทายสองสาวด้วยความสุขเต็มใบหน้า 

และเพื่อไม่ให้รู้สึกเขินอายเหล่าพยาบาลสาวที่เดินผ่านไปมา จ้ำและกรกฎก็เลยชวนสาวิตรีและเขมิกาไปทานอาหารกลางวันที่ร้านแถวสยามสแควร์

ผู้อ่านเดาว่า...พวกเขาจะทานอะไรกันครับ ?

'สุกี้โคคา' ?

ไม่ใช่ครับ ร้านตรงหัวมุมสยามสแควร์ซอย 7 ด้านใน ถ้าผม เอ้ย กรกฎจำไม่ผิดน่าจะชื่อร้าน 'เรือนคุณแม่' นี่แหละ

พอมาถึงทั้ง 4 คนก็พากันขึ้นไปบนชั้นสอง จ้ำและสาวิตรี สั่งอาหารมาทานกันอย่างเอร็ดอร่อยและสนุกสนาน

ส่วนกรกฎนั้น นั่งมองหน้าเขมิกาและปล่อยให้เขมิกาเป็นคนสั่งอาหารให้ โดยเขานั้น ไม่รู้สึกหิวเลยแม้แต่น้อย

ตำราแพทย์ต้องเขียนเรื่องการทำงานของกระเพาะขึ้นมาใหม่แล้วแหละ เพราะว่าตอนนี้หัวใจของกรกฎทำหน้าที่แทนกระเพาะอาหารไปแล้ว เพราะตอนนี้เขารู้สึกอิ่มเอมเพราะคว่มสุขที่ล้นหัวใจ

มิวสิก “~จะบอกว่ารัก เธอจะซึ้งหรือเปล่า อยากเอ่ยเรื่องราวที่มันยังค้างคาใจ ~ ได้แต่ถอนใจเก็บเอาไว้ไม่กล้าบอกเธอ ~”

ช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านไปไว แต่ก็ผ่านไปด้วยดี ทั้งจ้ำและกรกฎกลับมาเรียนด้วยหัวใจที่พองโต ทุกอย่างเป็นสีชมพูไปหมด

ณ ห้องเรียน วันอังคาร ตอนบ่าย

อยู่ๆ สุเทวาเดินเข้ามาหากรกฎ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ถูกกัน เรียกว่าเกลียดขี้หน้าก็ว่าได้ สุเทวาทำท่าทางขึงขังนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยถาม

“ได้ข่าวว่า พาเขมิกาไปทานข้าวเหรอ?”

พอโดนถามตรงๆ แบบซึ่งๆ หน้า กรกฎก็ไม่ได้คิดจะบ่ายเบี่ยงหรือเลี่ยงตอบแต่อย่างใด

“ใช่”

สุเทวาพนักหน้ารับก่อนจะเอ่ยว่า...

“อาทิตย์นี้ ผมจะพาเขมิกาไปดูหนัง”

พอเอ่ยจบก็เดินจากไปทันที ทิ้งให้กรกฎอึ้งปนช็อก ในหัวของกรกฎมีคำอุทานเต็มไปหมด แต่ทำที่เด่นชัดขึ้นมามากที่สุดก็คือ...

ไอ้สุเทวา...ไอ้มารหัวใจ!!!

โปรดติดตามตอนต่อไป...


เรื่องโดย พลตรี อภิสิทธิ์ บุศยารัศมี


หมายเหตุ : เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องแต่งขึ้น เพื่อความสนุกสนานสำหรับผู้อ่านเท่านั้น ไม่มีเจตนาลบหลู่หรือหมิ่นประมาทผู้หนึ่งผู้ใด