ผบ.ตร.สั่งการชุด PCT รวบแก๊งแขกดำตุ๋นขายเพชรเก๊ 16 ล้าน

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ (3 พ.ย. 65) มีผู้เสียหาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสน.บางขุนนนท์ ว่าประมานวันที่ ฝ15 มิ.ย. 65 ถึง 20 ต.ค. 65 ได้ถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวง โดยเอาเพชรปลอมมาจำนำครั้งละ 1-2 เม็ด ตามร้านสาขาต่าง ๆ รวม  21 ครั้ง ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นเงินกว่า 16 ล้านบาท          

จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ มีผู้ร่วมขบวนการเป็นชาวต่างชาติ และแหล่งผลิตทำเพชรปลอมนำเข้ามาจากต่างประเทศ พร้อมทั้งมีการทำใบรับรอง หรือที่เรียกว่า 'ใบเซอร์' ตบตาทางร้านได้อย่างแนบเนียนจนทางร้านผู้เสียหายหลงเชื่อ รับจำนำเพชรในราคาที่สูง แต่ได้ 'เพชรปลอม' สูญเงินจำนวนมาก จากแผนประทุษกรรมของกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ถือว่าเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจอย่างยิ่ง     

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.
ศปอส.ตร (PCT) ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก จึงเร่งรัดสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 ดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีโดยเร็ว

เมื่อวันที่ (3 พ.ย. 65) เวลาประมาณ 15.00 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้นำกำลัง เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5  พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง , พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ จงเจริญ , พ.ต.ต.สุริยะ น้อยภักดี , พ.ต.ต.ชัยวัฒน์ เสวกวัง , ร.ต.อ.ปรมา ปราณี, ร.ต.ท.พุฒิพงศ์ กองแก้ว , จ.ส.ต.สรศักดิ์ ด้วงชู, ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ร่วมกันจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้ผู้ต้องหาจำนวน 2 รายเป็นชาวต่างชาติ 1 และชาวไทย 1 ราย คือ

1. Mr.Sajan Dilpkumar Shah หรือ นายซาจัน ดิบคูมาร์ อายุ 32 ปี สัญชาติ อินเดีย ผู้ต้องหา
ตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ จ.549/2565 ลงวันที่ 3 พ.ย. 65 
2. นายธนะสิทธิ์ สถิตมงคลไพศาล อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/436 ซ.ศาลธนบุรี 29/2 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ จ.กรุงเทพฯ ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ จ.548/2565 ลงวันที่ 3 พ.ย. 65 

โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันฉ้อโกง , ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม พร้อมตรวจยึด 
1. ตั๋วรับจำนำจำนวน 10 ฉบับ 
2. วัตถุคล้ายเพชรอีกเป็นจำนวน 18 รายการ 
3. ใบรับรองเพชร จำนวน 19 ฉบับ 
4. โทรศัพท์มือถือ Sumsang Galaxy S22 Ultra สีชมพู จำนวน 1 เครื่อง 
5. สมุดบัญชีธนาคารชื่อบัญชี Mr.Sajan Dilipkumar จำนวน 1 เล่ม 
6. นามบัตรของ Mr.Sajan Shah (Sajji) S.D.Diamond จำนวน 4 ใบ
7. นาฬิกาข้อมือโลหะสีเงิน จำนวน 1 เรือน
8. โทรศัพท์มือถือ Sumsung Galaxy F62 สีน้ำเงิน จำนวน 1 เครื่อง
9. เอกสารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจเกี่ยวกับเพชรจำนวน 7 ฉบับ

จับกุมตัว Mr.Sajan Dilpkumar Shah ได้ที่ ถนนในซอยอินทรพิทักษ์ 1 แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร พฤติการณ์กล่าวคือ ภายหลังผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด PCT ชุดที่ 5 ได้วิเคราะห์แผนประทุษกรรมโดยละเอียดของกลุ่มคนร้ายจะใช้การลบแก้ไขข้อความบางส่วน โดยทำลายบริเวณของคำว่า 'LABGROWN' คือเพชรที่ทำสังเคราะห์ขึ้นในห้องปฎิบัติการ โดยลบให้เหลือแค่คำว่า “BGROW” ซึ่งยังมองเห็นด้วยกล่องที่ส่องกำลังขยาย และจะมีการยิงเลเซอร์ที่ขอบเพชร ให้ตรงกับหมายเลขประจำใบรับรอง หรือ 'ใบเซอร์' ซึ่งทั้งตัวเพชรและใบเซอร์ต่างถูกปลอมขึ้นทั้งสิ้น เมื่อผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจสอบโดยละเอียด ตามขนาดของเพชรที่นำมาจำนำมีความแตกต่างของขนาดไปจากข้อมูลบนใบรับรอง , บริเวณขอบเพชรพบว่ามีการทำลายบริเวณของคำว่า “LABGROWN” ให้เหลือเพียง “BGROW” , ตำหนิภายในของเพชรที่นำมาจำนำพบว่าไม่ตรงกับข้อมูลบนใบรับรอง , ลักษณะของใบรับรองปลอมแปลงที่แตกต่างไปจากใบรับรองตัวจริงจากสถาบัน GIA  ซึ่งต่อมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชุดปฏิบัติการ PCT ชุดที่ 5 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ลงพื้นที่สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด จนสามารถพิสูจน์ทราบผู้ร่วมขบวนการทั้ง 2 คน ได้คือ Mr.Sajan Dilpkumar Shah หรือ นายซาจัน ดิบคูมาร์ อายุ 32 ปี สัญชาติ อินเดีย และ นายธนะสิทธิ์ สถิตมงคลไพศาล อายุ 45 ปี สัญชาติไทย  ผู้ต้องหาทั้ง 2 จะเดินทางมาก่อเหตุหลอกจำนำเพชรที่ร้านรับจำนำพร้อมกันทุกครั้ง และจากข้อมูลการสืบสวนทราบว่า Mr.Sajan จะเดินทางไปมาระหว่างประเทศไทย – อินเดีย เป็นจำนวน 4 ครั้ง ในช่วงเดือน ต.ค. 65 ที่ผ่านมา  เพื่อลักลอบนำเพชรปลอมเหล่านี้มาจากต่างประเทศ  

จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ได้สืบสวนติดตามจนกระทั่งวันที่ 3 พ.ย. 65 สามารถจับกุม นายธนะสิทธิ์ สถิตมงคลไพศาล ได้ที่บ้านเลขที่ 94 ถ.ตากสิน บางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพ และจับกุม Mr.Sajan Dilpkumar Shah ได้ที่ ถนนในซอยอินทรพิทักษ์ 1 แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร พร้อมตรวจยึด ตั๋วรับจำนำของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงรับจำนำ ย่งฮวดหลี จำนวน 10 ฉบับ วัตถุคล้ายเพชรอีกเป็นจำนวน 18 รายการ ใบรับรองเพชร จำนวน 19 ฉบับ โทรศัพท์มือถือ Sumsang Galaxy S22 Ultra สีชมพู จำนวน 1 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคารชื่อบัญชี Mr.Sajan Dilipkumar จำนวน 1 เล่ม และนามบัตรของ Mr.Sajan Shah (Sajji) S.D.Diamond จำนวน 4 ใบ

จากนั้นได้เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ได้เข้าตรวจค้นห้องพัก เลขที่ 772/283 คอนโด ยู ดีไลท์ เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ฟรอนท์ พระราม 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร ผลการตร เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 ได้นำตัวทั้งสองมาขยายผลการจับกุมที่ บก.สส.บช.น. 

ซึ่งจากการขยายผลตอนนี้ได้ข้อมูลว่าก่อเหตุลักษณะนี้ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไม่ต่ำกว่า 10 แห่ง ซึ่งตำรวจ PCT ชุดที่ 5 อยู่ระหว่างการติดตามประสานงานกับเหยื่อร้านรับจำนำรายอื่น ๆ และจากการขยายผลทราบว่า  Mr.Sajan หลอกลวงลักษณะนี้มาเป็นเวลากว่า 10 ปี โดยได้ทรัพย์สินจากการหลอกลวงไปเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

ในชั้นจับกุม นายธนะสิทธิ์ สถิตมงคลไพศาล ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองทำร้านจิวเวอรี่ มาโดยตลอด และรับซื้อ ขาย เพ็ชร ต่อมา นายซาจัน ได้เข้ามาที่ร้าน ทำความรู้จัก แล้วเสนองานให้รับวางจำนำเพ็ชร ที่นายซาจัน เตรียมมาจากประเทศอินเดีย โดยเป็นเพ็ชร ที่มีใบเซอร์ GIA ตรงกับเลขตัวเพชร ตามสถานที่รับจำนำต่าง ๆ โดยเริ่มต้นวางจำนำที่ โรงรับจำนำย่านบางแขกโดยนำเพ็ชรมาจำนำที่ร้านนี้ตั้งแต่ปี 59 เรื่อยมา จนถึง ปัจจุบัน แต่ล่าสุดเริ่มวางจำนำ เดินสายโรงรับจำนำ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2565 ย่านบางใหญ่ นนทบุรี เป็นที่แรก แล้วได้วางจำนำเรื่อยมา ตามสาขาต่าง ๆ ได้แก่ แยกไฟฉาย , บรมราชชนนี” 

ในชั้นจับกุม Mr.Sajan Dilpkumar Shah หรือ นายซาจันฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และให้การว่าตนทำธุรกิจค้าขายเพชรมานานกว่า 10 ปี โดยขายเพชรมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1,000 กะรัต มีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน ซึ่งช่วงแรกซื้อเพชรมาจากประเทศอินเดีย ฮ่องกง บางครั้งก็ซื้อในประเทศไทยเพื่อขายเกรงกำไร และตั้งแต่ช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 2565 ถึงปัจจุบัน ตนมาจำนำเพื่อรอขายในประเทศไทย หากเป็นเพชรเม็ดใหญ่ จะนำเพชรพร้อมใบรับรอง GIA มาให้ตนที่ประเทศไทย ครั้งละ 5 – 6 เม็ด หากเป็นเพชรเม็ดเล็ก จะจัดส่งพัสดุมาให้ตนที่ประเทศไทย และเมื่อตนตรวจดูรหัสเพชรแล้ว เห็นว่า รหัสเพชรตรงกับใบรับรอง น่าเชื่อว่าเป็นเพชรจริง จึงรับฝากขายไว้ จะแบ่งเป็นค่าจ้างให้นายธนะสิทธิ์ฯ ครั้งละประมาณ 10,000 บาท และตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ต.ค.65 ตนได้เงินจากการนำเพชรไปจำนำแล้วประมาณ 13 ล้านบาท

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า  ขอเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่า อย่ารับจ้างไปจำนำหรือทำธุรรมใด ๆ แทนคนแปลกหน้าเพื่อหวังเงินค่าดำเนินการ เพราะอาชญากรรมจะมาในรูปแบบที่ท่านไม่รู้ตัวและจะทำให้ท่านต้องถูกดำเนินคดีอย่าตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อง่าย ๆ หากพบเบาะแสสามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ศูนย์ PCT 081-8663000 เวลาราชการหรือสายด่วน บช.สอท. 1441 หรือ www.pct.police.go.th ตลอด 24 ชม.