เรื่องรักนักเรียนนายร้อย ตอนที่ 1 : รักแรกพบที่โต๊ะจีน

ในที่สุดผมก็ได้เข้ามาเรียนในโรงเรียนนายร้อยแล้วครับ ซึ่งผมเป็นนักเรียนนายร้อย จปร. รุ่นที่ 40 และเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 29

ต้องบอกก่อนว่าการจะเข้ามาเรียนที่โรงเรียนนายร้อยได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผมต้องอาศัยความมานะและอดทนพอสมควรกว่าจะพาตัวเองที่มีความฝันให้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งที่นี่ก็มีทั้งการเรียนและการฝึกนะครับ ในส่วนของวิชาการเรียนก็มีทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ สังคมศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และอื่นๆ อีกมากมายเลย หรือจะบอกว่าการเรียนที่นี่เหมือนกับนักศึกษาระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยทั่วไปก็ไม่ผิด นอกจากนี้ก็มีการเรียนวิชาทหารด้วย ใช้เวลา 1 ปี แบ่งเป็น 2 เทอมนะครับ

ในส่วนของการฝึกที่ผมได้บอกไป ที่นี่จะฝึกวิชาทหาร โดยจะมีฝึกในเทอมสุดท้ายในหน่วยทหารต่างๆ ทั่วประเทศ

โรงเรียนนายร้อยแห่งนี้เป็นโรงเรียนประจำ หรือเรียนอีกแบบก็คือ ‘โรงเรียนกินนอน’ ซึ่งจะมีที่พักในโรงเรียน มีการปกครองดูแลจากนายทหารปกครอง และนักเรียนนายร้อยรุ่นพี่ๆ อีกมากมาย

ต้องขอบอกก่อนเลยว่าการอยู่ที่โรงเรียนนายร้อยเป็นเวลา 5 ปี ทำให้ผมได้ปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพ แนวคิด และอุดมการณ์ในชีวิตในเวลาต่อมา

ถ้าผู้อ่านอยากรู้เรื่องราวโดยละเอียด และมีความสนุกสนานอย่างไร ก็คงต้องหาหนังสือ best sellers ในยุคหนึ่งมาอ่านดูครับ โดยหนังสือชื่อว่า 'กว่าจะเป็นนายร้อย จปร.'

เอาล่ะครับ มาฟังเรื่องรักจากนักเรียนนายร้อยกันดีกว่า ต้องบอกเลยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งนะครับ ผมขอสมมติว่า พระเอกของเรื่องชื่อ 'นักเรียนนายร้อย ก.' มีพระเอกก็ต้องมีผู้ร้ายนะครับ ผู้ร้ายมีชื่อว่า 'นักเรียนนายร้อย ส.' และมีตัวตลกชื่อ 'นักเรียนนายร้อยจ้ำ' นะครับผม

เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อ ปลายปี 2531 สมัยที่พลเอกชาติชาย ชุณหวัณ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครับ ในตอนนั้นได้มีนโยบายที่จะทำให้นักเรียนนายร้อยได้รู้จักกับนักเรียนพยาบาลของทุกเหล่าทัพ เพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์ในการประสานงานช่วยเหลือกันในยามสงคราม (อันนี้ผมคิดเอง)

แต่ก็มีคนบางส่วนบอกว่า เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณของกองทัพ ถ้าสมมติว่า มีใครได้รักและแต่งงานกันก็จะใช้บ้านเพียงหลังเดียว ไม่ต้องใช้บ้านหลายหลังเหมือนกับคนที่เป็นโสด (มีรุ่นพี่บอกผมมาครับ)

นักเรียนนายร้อย ก. นักเรียนนายร้อย ส. และนักเรียนนายร้อยจ้ำ ก็เป็นนักเรียนนายร้อยปีที่ 1 เรียกว่าเล็กสุดในโรงเรียนเลยครับ แต่ก็ถูกกำหนดให้มาร่วมในงานในครั้งนี้ด้วย 

ณ ห้องนอนนักเรียนนายร้อย 

หลังจากอาบน้ำจนสบายตัว ประแป้ง ทาโรลออน และฉีดน้ำหอมจนฟุ้งทั่วตัวแล้ว นักเรียนนายก. และนักเรียนนายร้อยจ้ำ ก็ได้มานั่งคุยกันในเรื่องภารกิจแปลกๆ ที่ได้ยินมา

“เฮ้ย ก. หัวหน้าหมู่บอกว่า วันนี้ต้องได้ชื่อและที่อยู่ พยาบาลที่จะมากินเลี้ยงงานคืนนี้” นักเรียนนายร้อยจ้ำพูดขึ้น ทว่านักเรียนนายร้อย ก. กลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นใดๆ

“แล้วไงต่อ?” นักเรียนนายร้อย ก.ถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ 

“ภารกิจคือ ให้พยาบาลตอบจดหมายมาให้ได้” นักเรียนนายร้อย จ้ำ อธิบายให้เพื่อนฟังต่อ 

“เรียกว่า จีบให้ได้ ว่างั้นใช่ไหม?” นักเรียนนายร้อย ก.ถามกลับอย่างรู้ทัน

“ใช่” นักเรียนนายร้อย จ้ำ ตอบ

“เวลามันสั้นแค่นี้จะเป็นไปได้อย่างไง?” นักเรียนนายร้อย ก. ตั้งคำถาม ทว่านักเรียนนายร้อยจ้ำไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่เพื่อนถามเป็นอุปสรรคแต่อย่างใด

นักเรียนนายร้อยจ้ำ หวีผมปาดซ้ายขวาสองครั้งที่หน้ากระจกเล็กๆ ในตู้เสื้อผ้า ก่อนตอบเสียงดังว่า

“ด้วยหน้าตาและภารกิจที่ได้รับมอบ ไม่มีอะไรที่นักเรียนนายร้อยทำไม่ได้หรอกนะ” 

>> ที่หน้ากองบัญชาการของโรงเรียนนายร้อย 

ตึกทรงเหลี่ยมประดับด้วยอิฐสีส้มรอบอาคารตั้งตระหง่านโดดเด่นท่ามกลางขุนเขาชะโงก ภายในลานซีเมนต์ขนาดใหญ่เต็มไปด้วยโต๊ะจีนตั้งเรียงรายเต็มลาน เวลาประมาณหกโมงเย็น นักเรียนนายร้อยเข้าประจำโต๊ะจีนแต่ละโต๊ะ โดยเว้นที่นั่งไว้ให้กับนักเรียนพยาบาลครึ่งหนึ่ง ท้องฟ้าที่เคยสว่าง บัดนี้เริ่มมืดลง แสงจากสปอตไลต์สาดส่องไปมารอบทิศ ทำให้แสงสว่างหลากสีกระจายไปทั่วบริเวณ

คืนนี้ถือเป็นคืนพิเศษ ก็อย่างที่ทราบกันดีว่าวันนี้เหล่านักเรียนนายร้อยจะได้เจอบรรดานักเรียนพยาบาล หลายคนต่างก็ใฝ่ฝัน มโนนึกไปต่างๆ นานา แต่นึกฝันได้ไม่นานนัก รถบัสของวิทยาลัยพยาบาลต่างๆ ค่อยทยอยมาจอดที่ถนนด้านข้างลานที่จัดงาน เหล่านักเรียนพยาบาลแต่ละคนก็ทยอยเดินลงมา และเข้าประจำที่โต๊ะอาหาร

พวกเธอเดินเข้ามาราวกับว่ารู้อยู่แล้วว่าควรจะนั่งตรงไหน...

ในบรรดากลุ่มนักเรียนพยาบาลที่เดินเข้ามาในงาน มีคนหนึ่งในนั้นที่ดูโดดเด่น สะกดสายตามากกว่าคนอื่นๆ 

...และเธอคนนั้นก็ได้ช่วงชิงสายตาและความสนใจของนักเรียนนายร้อย ก. ไปเป็นที่เรียบร้อย

ขณะที่เธอเดินมา นักเรียนนายร้อย ก. มองเห็นรูปร่างที่สมส่วนของเธอ ใบหน้ารูปไข่ที่เหมือนฟ้าประทานมาให้เพียงแค่เธอเท่านั้น เรียวปากสวยอวบอิ่มสีชมพู และจมูกโด่งรับกับใบหน้า ดวงตากลมโตคู่นั้นเป็นส่วนที่เห็นได้เด่นชัดที่สุด กอปรกับท่าเดินของเธอที่สง่างามบนรองเท้าหุ้มส้นสีดำ ไหนจะผิวขาวของเธอตัดที่กับเสื้อแขนยาวสีขาว ที่มองยังไงๆ ก็ดูดีในชุดกระโปรงสีกากี

...เธอเป็นพยาบาลตำรวจ

พอกลุ่มของเธอเดินมาเข้ามาใกล้ที่โต๊ะของนักเรียนนายร้อย ก.และนักเรียนนายร้อยจ้ำ ทันใดนั้นนักเรียนนายร้อย ก. ก็มองตานักเรียนนายร้อยจ้ำทันที พร้อมพยักหน้า เป็นสัญญาณรู้กัน รวมกับสิงโต หรือหมาป่าอะไรทำนองนั้น

“เชิญครับ โต๊ะนี้ว่างครับ” 
ยังไม่ทันคิดอะไรมากไปกว่านั้น นักเรียนนายร้อยจ้ำก็ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวเชื้อเชิญเธอซะอย่างนั้น...

โปรดติดตามตอนต่อไป...

เรื่องโดย พล.ต. อภิสิทธิ์ บุศยารัศมี


หมายเหตุ : เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องแต่งขึ้น เพื่อความสนุกสนานสำหรับผู้อ่านเท่านั้น ไม่มีเจตนาลบหลู่หรือหมิ่นประมาทผู้หนึ่งผู้ใด