ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงพื้นที่เชียงราย ถอดบทเรียนการก่อเหตุจากผู้กราดยิง ปิดล้อมกวาดล้างยาเสพติดและอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องในพื้นที่
ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงพื้นที่เชียงราย ถอดบทเรียนการก่อเหตุจากผู้กราดยิง (Active Shooter) และปิดล้อมกวาดล้างยาเสพติดและอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ หวังป้องกันและลดโอกาสการกระทำความผิดซ้ำ
วันนี้ ที่ สภ.แม่สรวย จ.เชียงราย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามแผนปฏิบัติการด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือแบบเบ็ดเสร็จ (พ.ศ. 2562-2565) ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม และสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ (14 ก.ค. 65) มีเหตุชายคลุ้มคลั่งก่อเหตุใช้อาวุธปืนกราดยิงคนในหมู่บ้าน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย ในท้องที่ สภ. แม่สรวย จ.เชียงราย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าระงับเหตุและจับกุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้
พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม มีความห่วงใยในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการระงับเหตุกราดยิง จึงมอบหมายให้ตน ซึ่งรับผิดชอบกำกับดูแลงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 เดินทางลงพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อร่วมกับ ผู้แทน ภ.5, ภ.จว.เชียงราย, บก.สส.ภ.5 และ หน.สถานีตำรวจในสังกัด ภ.จว.เชียงราย ประชุมศึกษาเหตุการณ์การก่อเหตุจากผู้กราดยิง (Active Shooter) เพื่อถอดบทเรียนและนำไปเป็นกรณีศึกษา และกำชับการปฏิบัติในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
พล.ต.ท.ประจวบฯ ได้กำชับการปฏิบัติดังนี้
1. ให้ถอดบทเรียนจากกรณีศึกษาเหตุกราดยิง สภ.แม่สรวย ให้เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้ฝึกทบทวนยุทธวิธีตามหลักปฏิบัติ SOP ในแต่ละสถานการณ์อย่างสม่ำเสมอ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และพื้นที่อย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง และเตรียมความพร้อม จัดหาวัสดุอุปกรณ์ สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ในการระงับป้องกันเหตุให้พร้อมและเพียงพอ
2. ฝึกทบทวนการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุร่วมกับประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนให้ความรู้ และแนวทางการปฏิบัติเมื่อประชาชนประสบเหตุเพื่อให้เกิดความปลอดภัย เช่น หนี ซ่อน สู้
3. ให้ X-ray ค้นหาผู้เสพยาเสพติดในพื้นที่ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดอย่างเป็นระบบ และสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่าด้วยระบบ ccoc ให้มีผลการปฏิบัติชัดเจน เป็นรูปธรรม
4. ปิดล้อม ตรวจค้นระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภท เน้นความผิดตาม พรบ.อาวุธปืน เพราะก่อให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง
5. ประสานภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ร่วมกันแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยใช้โครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนฯ (Stronger Together) อย่างมีประสิทธิภาพ และบูรณาการกำลังร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง สกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดนอย่างเคร่งครัด
พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวต่อว่า เหตุกราดยิง มักปรากฏปัจจัยบ่งชี้ที่มีความเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในรูปแบบอื่นด้วย เช่น ยาเสพติด อาวุธปืน อาวุธสงคราม บุคคลที่มีหมายจับค้างเก่า และสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ จึงได้สั่งการให้ ภ.5 และ บก.ตชด.ภาค 3 ร่วมสนธิกำลังกับ กกล.ผาเมือง ฝ่ายปกครอง และสำนักงาน ปปส.ภาค 5 ร่วมปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น ในวันที่ (19 ก.ค. 65) เวลา 05.00 น. ภายใต้ ชื่อ "ยุทธการฟ้าสางที่ป่าเกี๊ยะ" เพื่อค้นหาผู้จำหน่าย ผู้ครอบครอง ผู้เสพยาเสพติด รวมถึงอาวุธปืน และสิ่งของผิดกฎหมายอื่น ๆ ตลอดจนบุคคล ที่มีหมายจับ ในพื้นที่ อ.แม่สรวย จำนวน 32 เป้าหมาย และสั่งการให้ ทุก สภ.ฯ ในพื้นที่ จว.เชียงราย ดำเนินการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายยาเสพติด โดยพร้อมเพรียงกัน รวมเป้าหมายที่เข้าดำเนินการทั้งสิ้น จำนวน 157 เป้าหมาย รวมกำลังพลในการปฏิบัติการ 400 นาย จับกุมผู้ต้องหาได้ 90 ราย ตรวจยึดของกลาง เช่นยาบ้า 11,919 เม็ด, ไอซ์ 5 กก., อาวุธปืน 11 กระบอก, รถยนต์ 1 คัน มูลค่า 450,000 บาท รถจักรยานยนต์ 1 คัน มูลค่า 45,000 บาท ฯลฯ รวมทรัพย์สินที่ยึด 7 รายการ มูลค่า 528,200 บาท จากนั้น พล.ต.ท.ประจวบฯ ได้ลงพื้นที่ บ้านป่าเกี๊ยะ ม.18 ต.ท่าก๊อ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เพื่อตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ บำรุงขวัญให้ประชาชนในพื้นที่ และวางแนวทางการปฏิบัติเพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำและการกระทำความผิดอย่างอื่นที่เกี่ยวข้อง
พล.ต.ท.ประจวบฯ ยังกล่าวอีกว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือมายังพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมกันสอดส่องรถของขบวนการลำเลียงยาเสพติดที่วิ่งหลบเลี่ยงด่านตรวจฯ เข้ามาในพื้นที่หมู่บ้าน ตำบล ของพี่น้องประชาชนโดยแจ้งข้อมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด 1599, สายด่วน 191, และ Application Police I lert U ได้ตลอด 24 ชม. เพื่อดำเนินการปราบปรามจับกุม ดำเนินคดีผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และลดปัญหายาเสพติดในภาพรวมอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น เพื่อให้สังคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมที่เกี่ยวเนื่องกับยาเสพติด ต่อไป
พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบ มีความตระหนักและห่วงใยในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การปฏิบัติในการเข้าระงับเหตุจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนยุทธวิธีตำรวจด้วยความถูกต้อง ปลอดภัยและเป็นมาตรฐานสากล เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เข้าระงับเหตุมีความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ และประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อให้การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและการรักษาความสงบเรียบร้อย บรรลุผลสำเร็จ เกิดประสิทธิผลอย่างมีประสิทธิภาพ