29 พฤษภาคม พ.ศ. 2528 โศกนาฏกรรมเฮย์เซล ฝันร้ายโลกฟุตบอล บนสังเวียนนัดชิงเจ้ายุโรป ‘ลิเวอร์พูล - ยูเวนตุส’
ย้อนอดีต 37 ปีก่อน ณ เฮย์เซล สเตเดียม สังเวียนนัดชิงชนะเลิศ ยูโรเปียน คัพ ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ ยูเวนตุส ที่แฟนบอลหัวร้อนจนทำให้มีคนตายถึง 39 คน
วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2528 หรือหลายคนอาจจะเรียกว่า “วันแห่งความอื้อฉาวที่สุด” ของทีมฟุตบอลลิเวอร์พูล นั่นคือ การปะทะกันของแฟนบอลของทั้งสองทีมที่ฟาดแข้งกันในสนาม แต่ผู้ชมที่ตายส่วนใหญ่กลับเป็นผู้ชมชาวอิตาลี ที่ค่อนข้างเป็นกลางแทบทั้งสิ้น!
ทั้งนี้ ข้อมูลจากข่าวสารระบุตรงกันว่า เหตุการณ์นั้นเริ่มต้น 1 ชั่วโมงก่อนจะเริ่มเกมด้วยซ้ำ โดยแฟนบอลทั้งสองฝ่ายต่างพากันตะโกนยั่วโมโหกันไปมาผ่านรั้วลวดที่กั้นอยู่
แต่คงด้วยความหัวร้อน ปรากฏว่าต่างฝ่ายต่างออกลีลาเชียร์ทีมของตัวเองมากไปหน่อย ทันทีที่เกิดมีเหตุที่แฟนบอลมีการหยิบสิ่งของที่คว้ามาได้ เช่น ขวดน้ำหรือก้อนหินขว้างใส่อีกฝ่าย ฝ่ายแฟนบอลหงส์แดงลิเวอร์พูล ไม่รอช้า กรูกันวิ่งเข้าใส่รั้วกั้นและทำลายมันลง ทำให้แฟนบอลยูเวนตุสต่างต้องถอยร่นไป จนไปติดอยู่ริมกำแพงในด้านตรงข้าม รวมถึงมีแฟนบอลที่พยายามจะปีนกำแพงหนี
และทันใดนั้น เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อกำแพงเกิดถล่มลงมาทำทับแฟนบอลที่หนีไปรวมกันบริเวณนั้น ยังผลให้มีผู้เสียชีวิตภายใต้ซากปรักหักพังทั้งสิ้น 39 คน!! โดยแบ่งเป็น ชาวอิตาลี 32 คน, ชาวเบลเยี่ยม 4 คน, ชาวฝรั่งเศส 2 คน และชาวไอร์แลนด์เหนือ 1 คน รวมถึงมีบาดเจ็บอีกกว่า 600 คน!
แต่เท่านั้นยังไม่พอ ขณะที่เมื่อมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ปรากฏว่าแทนที่การแข่งขันจะยุติลง แต่หลังเกิดเหตุ ยูฟ่าตัดสินใจที่จะจัดการแข่งขันต่อไป โดยให้เหตุผลว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีกเนื่องจากแฟนบอลเวลานั้นกำลังอยู่ในอารมณ์คุกรุ่น โดยกัปตันของทั้งสองทีมได้ออกมาพูดกับแฟนบอลเพื่อให้สงบลง จนในที่สุดก็แข่งขันกันได้
มีข้อมูลระบุว่า เหตุการณ์เลวร้ายนั้น เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา เจ้าหน้าที่ของยูฟ่า นายกรัฐมนตรีเบลเยี่ยม นายกเทศมนตรีเมืองบรัสเซลส์ โดยพวกเขาตัดสินใจว่า หากเลื่อนการแข่งขันออกไปรังแต่จะสร้างปัญหาไม่รู้จบ จนเมื่อปรึกษากับตำรวจแล้ว พวกเขาจึงตัดสินใจจะให้มีการแข่งขันต่อไป โดยส่งนักเตะและสตาฟฟ์โค้ชของทั้งสองทีมไปช่วยกันห้ามแฟนบอลของตัวเอง
ระหว่างนั้น ตำรวจม้าของเบลเยี่ยม ก็มาเสริมทัพ พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล โดยขณะที่เจ้าหน้าที่จัดการกับแฟนบอลหัวร้อนไป เจ้าหน้าที่พยาบาลก็ทำหน้าที่ต่อไปทั้งรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บไป และหามไปส่งรพ. กันจ้าละหวั่น
โดยผลสรุปการแข่งขันในวันนั้น ยูเวนตุส คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพด้วยสกอร์ 1-0 จากลูกจุดโทษของ มิเชล พลาตินี ในนาทีที่ 56 แต่ว่ากันว่า ผลการแข่งขันในนัดนั้น กลับไม่มีใครอยากจดจำ
ภายหลังเหตุการณ์สลดนี้ สมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ เอฟเอ ได้ชิงประกาศตัดสินใจ “แบน” ทีมสโมสรทุกทีมของอังกฤษไม่ให้เข้าร่วมการแข่งขันในรายการฟุตบอลสโมสรยุโรป ทุกรายการ ในปีต่อไป และแบนต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี
ส่วนลิเวอร์พูล ในฐานะต้นสังกัดของแฟนบอลที่จุดชนวนเหตุการณ์ขึ้น โดนแบนเพิ่มอีก 2 ปี เป็น 7 ปี
นอกจากนั้น นางมาร์กาเร็ต แธ็ตเชอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษในขณะนั้น ยังได้กล่าวในอีก 2 วันต่อมาว่า
“We have to get the game cleaned up from this hooliganism” “เราจะต้องกำจัดพวกฮูลิแกนในวงการฟุตบอลให้หมดไป เพื่อให้เกมส์ฟุตบอลใสสะอาดขึ้น”
นั่นจึงเป็นที่มาของคำว่า “ฮุลิแกน” ที่โด่งดังขึ้นทั่วโลกเป็นครั้งแรก จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นนั่นเอง!!