'รัสเซีย' ประกาศลดปฏิบัติการทางทหารรอบกรุงเคียฟ 'สหรัฐฯ' ยังแคลงใจ!! เฝ้าจับตารักษาคำพูดหรือไม่

นายอเล็กซานเดอร์ โฟมิน รัฐมนตรีช่วยกลาโหมรัสเซีย แถลงผลคืบหน้าการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อวานนี้ (29 มี.ค.) ว่า... 

เพื่อเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างกัน และสร้างเงื่อนไขเพื่อเจรจาในรอบต่อไป อันจะนำไปสู่เป้าหมายของการเจรจานั้นก็คือ การบรรลุข้อตกลง รัสเซียจึงเห็นควรที่จะปรับลดการปฏิบัติการทางทหารบริเวณรอบๆ กรุงเคียฟ และในเมืองเชอร์นิฮีฟ แต่นายโฟมินไม่ได้กล่าวถึงปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในภาคตะวันออกและภาคใต้ที่กำลังรุกหนักแต่อย่างใด

ขณะเดียวกันนายวลาดิเมียร์ เมดินสกี้ หัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาฝ่ายรัสเซีย กล่าวว่า การปรับลดการปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียดังกล่าวเป็นขั้นแรกของการลดระดับความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ที่ดำเนินมาแล้ว 34 วัน เพื่อนำไปสู่ขั้นที่ 2 นั่นคือการพบเจรจาระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ที่จะมีขึ้นหลังรัฐมนตรีต่างประเทศของทั้ง 2 ฝ่าย บรรลุข้อตกลงในสนธิสัญญาสันติภาพแล้ว นายเมดินสกี้ยังได้กล่าวย้ำว่า รัสเซียขอเรียกร้องให้ยูเครนยุติการทรมานเชลยศึกรัสเซียด้วย

ขณะเดียวกันทางด้านยูเครน นายเดวิด อราคราเมีย หัวหน้าคณะเจรจา กล่าวว่า รัสเซียต้องถอนทหารออกจากยูเครนทั้งหมด และให้ทุกตารางนิ้วของยูเครนเกิดความสงบ เพื่อที่ผู้อพยพชาวยูเครนกว่า 3.5 ล้านคน จะได้กลับประเทศ สิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นก่อนรัสเซียกับยูเครนจะบรรลุข้อตกลงในสนธิสัญญาสันติภาพ นายอราคาเมีย ย้ำว่า ท่าทีของยูเครนไม่เคยเปลี่ยน โดยเฉพาะเกี่ยวกับพรมแดนของยูเครน ซึ่งนานาชาติรับรองนั้น ยูเครนจะไม่ประนีประนอมในเรื่องดังกล่าวอย่างแน่นอน

ทางด้านนายมิไคโล โปโดลยัก ที่ปรึกษาของประธานาธิบดียูเครน ซึ่งร่วมอยู่ในคณะผู้แทนเจรจา กล่าวว่า ตุรกี เยอรมนี และโปแลนด์ จะต้องอยู่ในกลุ่มประเทศที่ให้หลักประกันด้านความมั่นคงแก่ยูเครน เพื่อยุติสงครามที่ยังดำเนินอยู่ในขณะนี้ และยูเครนจะยอมรับสถานะประเทศเป็นกลางเพื่อแลกกับการรับรองความมั่นคงปลอดภัยของยูเครน ซึ่งหมายถึงว่า ยูเครนจะไม่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางทหารกับฝ่ายใด และไม่ยอมให้มีการตั้งฐานทัพในยูเครนด้วย

อย่างไรก็ตาม นายโปโดลยักเน้นว่า ยูเครนจะต้องจัดการลงประชามติเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซียเสียก่อน จึงจะมีการลงนามกัน

หลังทราบผล ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ก็ได้ออกมากล่าวว่า มีสัญญาณที่ดีมาจากการเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครนกับรัสเซียที่นครอิสตันบูล

อย่างไรก็ตาม ด้าน ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ยังคงกังขาในคำพูดของฝ่ายรัสเซีย และกล่าวถึงคำประกาศของผู้แทนรัสเซียที่นครอิสตันบูลว่า "ตนจะดูว่ารัสเซียจะทำตามที่ประกาศไว้หรือไม่ หรือเพียงเป็นการซื้อเวลาเท่านั้น ซึ่งในเรื่องนี้ตนได้หารือกับผู้นำฝรั่งเศส เยอรมนี และอังกฤษแล้ว ทั้งหมดเห็นพ้องกันว่าต้องดูว่ารัสเซียจะรักษาคำพูดหรือไม่" 

ขณะที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกมาแสดงความไม่เชื่อถือในคำพูดของรัสเซียมากกว่านายไบเดนเสียอีก โดยนายจอห์น เคอร์บี โฆษกเพนตากอน กล่าวในงานแถลงข่าวว่า พวกเขาตรวจพบว่า มีทหารรัสเซียเพียงเล็กน้อยที่ขยับออกห่างจากกรุงเคียฟเมื่อวันก่อน รัสเซียยังสามารถสร้างความโหดร้ายในยูเครน รวมถึงในเมืองหลวงแห่งนี้ได้

“เราเชื่อว่านี่คือการเปลี่ยนตำแหน่งกองทัพใหม่ ไม่ใช่การถอนทหารที่แท้จริง และเราควรเตรียมจับตาดูการโจมตีครั้งใหญ่ในพื้นที่อื่นๆ ของยูเครน นี่ไม่ได้หมายความว่าภัยคุกคามต่อกรุงเคียฟจะจบลง” นายเคอร์บีกล่าว

“ไม่มีใครควรหลอกตัวเองด้วยคำกล่าวอ้างของรัฐบาลเครมลิน ว่าจู่ๆ พวกเขาจะลดการโจมตีทางทหารใกล้กรุงเคียฟ หรือรายงานใดๆ ที่ว่า พวกเขาจะถอนทหารทั้งหมด” นายเคอร์บี กล่าวอีกว่า จำนวนทหารที่รัสเซียขยับออกห่างจากกรุงเคียฟ ไม่ได้ใกล้เคียงกับจำนวนทหารที่พวกเขาใช้โจมตีเมืองหลวงแห่งนี้เลย และรัสเซียยังคงโจมตีทางอากาศในกรุงเคียฟอยู่จนถึงวันนี้


ที่มา : https://tna.mcot.net/world-912886
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2354610