‘ไคลด์ ทอมบอ’ ค้นพบดาวพลูโต ซึ่งเป็นอดีตดาวเคราะห์ดวงที่ 9 ในระบบสุริยะจักรวาล 

ในช่วงต้นของศตวรรษที่ 19 (ตั้งแต่ ค.ศ. 1801 หรือประมาณ พ.ศ. 2344) นักดาราศาสตร์สมัยนั้น เชื่อว่ามีบางสิ่งรบกวนวงโคจรของดาวยูเรนัส ดาวเคราะห์ดวงที่ 7 ในระบบสุริยะ ซึ่งในขณะนั้นเป็นดาวเคราะห์ดวงนอกสุดที่อยู่ในระบบสุริยะ จึงทำให้นักดาราศาสตร์เชื่อว่า ต้องมีดาวเคราะห์ดวงอื่นอยู่ไกลถัดจากดาวยูเรนัสไปอีก และจากนั้นในปี ค.ศ. 1846 (พ.ศ. 2389) นักดาราศาสตร์ก็ค้นพบดาวเนปจูน ซึ่งต่อมากลายเป็นดาวเคราะห์ดวงที่ 8 ในระบบสุริยะ

อย่างไรก็ดี หลังจากการค้นพบดาวเนปจูนแล้ว ก็ไม่ทำให้คลายปริศนา เนื่องจากวงโคจรของดาวเนปจูนก็ยังมีความผิดปกติที่ไม่สามารถหาคำอธิบายได้เช่นกัน ทำให้เหล่านักดาราศาสตร์เชื่อว่า จะต้องมีดาวเคราะห์ดวงอื่นที่อยู่ไกลออกไปจากดาวเนปจูนอย่างแน่นอน ซึ่งข้อสันนิษฐานดังกล่าว นำมาซึ่งการค้นพบดาวพลูโต...และบุคคลสำคัญผู้ค้นพบดาวพลูโตก็คือ ไคลด์ ทอมบอ (Clyde Tombaugh)

ทอมบอ ได้ส่งภาพวาดของดาวอังคาร และดาวพฤหัสบดี ไปให้กับทางหอดูดาวโลเวลล์ ในเมืองแฟลกสแตฟฟ์ รัฐแอริโซนา เพื่อขอคำแนะนำ แต่แล้วเขากลับได้รับข้อเสนอให้เข้าทำงาน หลังจากนั้นเขาจึงไปทำงานเป็นนักสังเกตการณ์อยู่ที่นั่น เรื่อยมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1929-1945 (พ.ศ. 2472-2488) โดยขณะที่ ทอมบอ ทำงานอยู่ที่หอดูดาวโลเวลล์นั้น ชื่อของเขาก็ได้รับการจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ในฐานะผู้ค้นพบ "ดาวพลูโต" เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1930 (พ.ศ. 2473) โดยการค้นพบครั้งสำคัญนี้ เขาบังเอิญค้นพบมันโดยบังเอิญขณะสำรวจท้องฟ้า ซึ่งต่อมาพลูโตก็กลายเป็น "ดาวเคราะห์" อันดับที่ 9 ของระบบสุริยะ จากนั้น ทอมบอก็ได้รับรางวัลทุนการศึกษา เข้าเรียนด้านดาราศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแคนซัส ก่อนจะจบการศึกษาอย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ. 1939 (พ.ศ. 2482)

อย่างไรก็ดี ด้วยขนาดของดาวพลูโตที่เล็กมาก มีเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ยเพียง 2,368 กิโลเมตร และที่สำคัญคือ วงโคจรของมันแปลกแยกจากดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ ในระบบสุริยะ ในขณะที่ดาวเคราะห์ดวงอื่นมีวงโคจรที่ค่อนข้างกลมและโคจรเอียงจากระนาบสุริยวิถีเพียงเล็กน้อย แต่ดาวพลูโตกลับโคจรเป็นวงรี เอียงจากระนาบสุริยวิถีไปมากถึง 17 องศา อีกทั้งยังโคจรทับวงโคจรของดาวเนปจูนด้วย

จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) ทางสหพันธ์ดาราศาสตร์สากลจึงได้เริ่มลงความเห็นระบุให้ลดขั้นของดาวพลูโตให้เหลือเป็นแค่ดาวเคราะห์แคระ ในที่สุดดาวพลูโตก็สูญเสียสถานภาพการเป็นดาวเคราะห์ที่เป็นมานานกว่า 76 ปี และทำให้ระบบสุริยะเหลือดาวเคราะห์เพียง 8 ดวงเท่านั้น


ที่มา : https://hilight.kapook.com/view/149287


ติดตามผลงานอื่นๆ ของ THE STATES TIMES ได้ที่
TikTok > https://www.tiktok.com/@thestatestimes