ยอดนักบริจาคแห่งโลกมุสลิม ‘มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุด’ ในซาอุดีอาระเบีย!! (Sheikh Sulaiman bin Abdulaziz Al Rajhi)

เคยเขียนถึงคุณลุง Chuck Feeney (ชัก ฟีนีย์) ชายชราที่มัธยัสถ์และสุดแสนที่จะธรรมดา แต่สิ่งที่เขาลงมือทำกลายเป็นแบบอย่างให้อภิมหาเศรษฐีของโลกอย่าง Warren Buffett และ Bill Gates ยอมรับ ยกย่อง ชื่นชม นับถือ และนำมาเป็นแบบอย่าง คุณลุง Chuck เป็นชาวคริสต์ครับ วันนี้เขียนถึงมหาเศรษฐี นักบริจาคชาวมุสลิมบ้างครับ

คุณปู่ Sheikh Sulaiman bin Abdulaziz Al Rajhi มาจากครอบครัวยากจนชนิดที่ครอบครัวไม่มีเงินแม้แต่เหรียญเดียว แต่ปัจจุบันกลายเป็น 1 ใน 20 ผู้บริจาคเงินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก (ชาวซาอุดีอาระเบียไม่มีนามสกุล แต่จะใช้ชื่อของบิดาเป็นนามสกุล bin แปลว่า “บุตรของ” ดังนั้น Sulaiman bin Abdulaziz จึงหมายถึง  Sulaiman ผู้เป็นบุตรของ Abdulaziz

คุณปู่ Sheikh Sulaiman เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2463 ที่ Al Bukairiyah ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัด Al Qassim ในซาอุดีอาระเบีย ย้ายไปกรุงริยาดตั้งแต่ยังเป็นเด็กกับพ่อ และเติบโตขึ้นมาในทะเลทราย Najd ที่ซึ่งเขาและคุณปู่ Saleh น้องชายเริ่มต้นธุรกิจด้วยการรับแลกเปลี่ยนเงินสำหรับผู้แสวงบุญที่นำคาราวานอูฐข้ามทะเลทรายไปยังเมืองต่าง ๆ ของนครมักกะห์ และนครเมดินาเพื่อประกอบพิธีฮัจญ์ ในช่วงกลางทศวรรษ 1950 เขาย้ายไปอยู่ยังนครเจดดาห์ ซึ่งเขาเริ่มธุรกิจของตัวเองในการแลกเปลี่ยนเงินตรากับผู้แสวงบุญ เขาได้พบกับความสำเร็จอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในธุรกิจของเขา ความมั่งคั่งและการลงทุนของเขาเติบโตขึ้นและขยายตัวอย่างมากตลอดหลายปีที่ผ่านมา 

ปัจจุบันเขาเป็นผู้ถือหุ้นหลักและเป็นประธานธนาคาร Al-Rajhi บริษัทยักษ์ใหญ่ในซาอุดีอาระเบีย และเป็นธนาคารอิสลามที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ เขาเป็นเจ้าของบริษัทขนาดใหญ่ที่ลงทุนในการเกษตร การผลิตสัตว์ อุตสาหกรรม และการก่อสร้าง วันนี้ความมั่งคั่งของเขาอยู่ที่ประมาณ 7.7 พันล้านดอลลาร์ (ข่าวบางกระแสประมาณการว่า 8.8 พันล้านดอลลาร์) ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก 120 คนแรกจากการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes

คุณปู่ Sheikh Sulaiman เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดใน Al Rajhi Bank ของครอบครัว ซึ่งรายงานการดำเนินงานที่ทำกำไรได้มากที่สุดอย่างต่อเนื่องในกลุ่มธนาคารของซาอุดีอาระเบีย ผู้ร่วมก่อตั้งธนาคารกับน้องชายชื่อ คุณปู่ Saleh ปัจจุบันเขาเป็นประธานของธุรกิจที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศว่า เป็นสถาบันทางการเงินที่น่าเชื่อถือที่สุดของตลาดหลักทรัพย์ของซาอุดีอาระเบีย (Tadawul)

การเติบโตและการขยายตัวของธุรกิจของพี่น้อง Al Rajhi มาจากการหลั่งไหลของแรงงานข้ามชาติไปยังซาอุดีอาระเบียในช่วงทศวรรษที่ 1970 ในยุคที่น้ำมันเฟื่องฟู Al Rajhi Bank ช่วยให้พวกเขาส่งรายได้กลับบ้านไปยังสถานที่ต่าง ๆ เช่น อินโดนีเซีย และปากีสถาน ในปี พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) สองพี่น้องได้รับอนุญาตให้เปิดธนาคารอิสลามแห่งแรกของซาอุดีอาระเบีย โดยจะปฏิบัติตามหลักศาสนา เช่น การห้ามรับและจ่ายดอกเบี้ย

ครอบครัว Al Rajhi ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Al Rajhi Bank แม้ว่า คุณปู่ Sheikh Sulaiman และพี่น้องจะได้กระจายการลงทุนของครอบครัวไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ อาทิ ยิปซั่ม เกษตรกรรม เหล็กกล้า และภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ ระดับการศึกษาที่สูงสุดของเขาคือระดับประถมศึกษา ยังคงอาศัยอยู่ในซาอุดีอาระเบียและมีลูก ๆ ถึง 23 คน

สวนปาล์มแห่งหนึ่งในเมือง Al Qassim ซาอุดีอาระเบีย มีต้นปาล์มมากกว่า 200,000 ต้น พร้อมอินทผลัม 45 สายพันธุ์ ผลผลิตปีละ 10,000 ตัน รายได้จากสวนนี้นำไปใช้งานการกุศล สวนแห่งนี้ได้รับการบันทึกใน Guinness Book of World Records ว่าเป็นสวนอินทผลัมที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เป็นของชายที่ร่ำรวยที่สุดของซาอุดีอาระเบีย ที่ชื่อว่า "Sheikh Sulaiman bin Abdulaziz Al Rajhi" ผู้ซึ่งนิตยสาร Forbes ได้ยกย่องให้เป็นหนึ่งใน 20 ผู้บริจาคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก

ความยากจนของครอบครัวของ คุณปู่ Sheikh Sulaiman มากจนครั้งหนึ่งที่โรงเรียนจัดทัศนศึกษาและเก็บเงินนักเรียนคนละหนึ่งเหรียญ แต่พ่อแม่ของเขาไม่มีเงินเลยแม้แต่เหรียญเดียว เขาร้องไห้หนักมาก เมื่อคุณครูชาวปาเลสไตน์รู้ข่าวจึงให้เงินเขา 1 เหรียญ เขาวิ่งด้วยความดีใจไปจ่ายเงินให้ผู้รับผิดชอบงานทัศนศึกษาดังกล่าว

เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อเขาสำเร็จการศึกษา และเริ่มทำงาน โดยเปิดธนาคารด้วยห้องเล็ก ๆ ในนครเจดดาห์ เขาเริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ด้วยความทุ่มเทและทำงานหนัก อัลลอฮ์ทรงอวยพรการงานของเขา ในช่วงเวลาสั้น ๆ เครือข่ายธนาคารที่เรียกว่า 'Al-Rajhi' ได้แพร่ขยายไปทั่วประเทศซาอุดีอาระเบีย

แล้ววันหนึ่ง คุณปู่ Sheikh Sulaiman ได้ไปหาคุณครูชาวปาเลสไตน์ของเขา ครูของเขาเกษียณแล้ว และยังคงอยู่ในสภาพที่อัตคัดขัดสนเป็นอย่างมาก คุณปู่ Sheikh Sulaiman ได้เชิญคุณครูของเขาเข้าไปในรถ บอกคุณครูของเขาว่า "ผมเป็นหนี้คุณครู" คุณครูได้ตอบว่า "ใครเป็นหนี้คนยากจนได้บ้าง” คุณปู่ Sheikh Sulaiman บอกกับคุณครูของเขาว่า “เมื่อหลายปีก่อนครูได้ให้เงินผม 1 เหรียญ” คุณครูยิ้มและกล่าวต่อไปว่า "เธอมาที่นี่เพื่อคืนเงิน 1 เหรียญให้ครูหรือ?"

คุณปู่ Sheikh Sulaiman ได้ขับรถพาคุณครูไปจอดหน้าบ้านหรูหลังหนึ่ง แล้วบอกกับคุณครูว่า บ้านและรถเป็นของคุณครูแล้ว โดย คุณปู่ Sheikh Sulaiman จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด คุณครูชาวปาเลสไตน์ได้ยิน ก็น้ำตาซึม และตอบว่า บ้านสุดอลังการ รถยนต์ราคาแพงคันนี้ มันมากเกินไป คุณปู่ Sheikh Sulaiman กล่าวตอบว่า ความสุขของผมในวันนั้นมากกว่าความสุขของคุณครูในวันนี้เสียอีก คุณครูเป็นคนมีเมตตากรุณา อัลลอฮ์ไม่ทรงทำให้ความดีงามเหล่านั้นของคุณครูต้องสูญเปล่า

ในปี พ.ศ. 2553 คุณปู่ Sheikh Sulaiman ได้เรียกลูก ๆ ภรรยา และคนที่ใกล้ชิดมาพบ และได้แบ่งสมบัติให้กับพวกเขา และได้อุทิศทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้มาในปัจจุบัน เพื่อการกุศลทั้งหมด มูลค่าราว 60 พันล้านริยัล (525,000 ล้านบาท) เขาเป็นเจ้าของบริษัทในซาอุดีอาระเบียและธนาคาร Al-Rajhi ซึ่งบริจาคเงิน 170 ล้านริยัล (1,400 ล้านบาท) สำหรับการต่อต้านไวรัสโคโรนา และมอบโรงแรมสองแห่งในเมืองมักกะห์ให้กับกระทรวงสาธารณสุข

คุณปู่ Sheikh Sulaiman ได้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย Sulaiman Al Rajhi ในบ้านเกิดของเขา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ไม่แสวงหาผลกำไร จุดเน้นหลักของมหาวิทยาลัยคือด้านสุขภาพและการธนาคารอิสลาม แต่มีคณะอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2554 Sheikh Sulaiman ได้ประกาศว่า เขาจะบริจาคเงินส่วนใหญ่มูลค่า 7.7 พันล้านดอลลาร์เพื่อการกุศล

ชีวประวัติของ คุณปู่ Sheikh Sulaiman น่าสนใจมาก นอกจากการก่อตั้งธนาคารอิสลามที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว คุณปู่ Sheikh Sulaiman ยังก่อตั้งฟาร์มสัตว์ปีกที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง นั่นคือ กิจการปศุสัตว์ Al-Watania Poultry โดยคุณปู่ Sheikh Sulaiman Al Rajhi ได้โอนหุ้นเกือบ 20% ของเขาในธนาคาร Al Rajhi เมื่อสองปีก่อนไปเพื่อการบริจาคสำหรับการกุศลที่มีชื่อของเขา การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการประกาศในปี พ.ศ. 2554 ในการบริจาคเงินจำนวนมากเพื่อการกุศล ให้ทุนสนับสนุนการต่อต้านความหิวโหย และการศึกษาในซาอุดีอาระเบีย เงินบริจาคดังกล่าวยังมาจากหุ้นในบริษัทกระดาษและพลาสติก รวมถึงหุ้นในบริษัทการลงทุนของครอบครัว ซึ่งมีโครงการการเกษตรในแอฟริกาและยุโรปตะวันออก Al Rajhi ยังคงมีทรัพย์สินอื่น ๆ มูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ รวมถึง Al Watania Poultry ซึ่งเป็นหนึ่งในฟาร์มสัตว์ปีกที่ใหญ่ที่สุดในอ่าวอาหรับ

"เป็นเรื่องสำคัญที่คนเราเมื่อต้องจากลาโลกนี้ไป จะต้องให้ทายาทมีความเพียงพอ และเป็นการดีที่ได้เห็นพวกเขามีความสุขกับการแบ่งปันซึ่งกันและกันอย่างสันติ! อย่างไรก็ตาม ที่สำคัญ เราควรคืนส่วนหนึ่งของโชคลาภให้กับประเทศชาติและสังคม เราเป็นหนี้ความสำเร็จในประเทศที่หล่อเลี้ยงเรา และสำหรับคนที่ไว้วางใจเรา และซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา” 

คุณปู่ Sheikh Sulaiman กล่าวต่อไปว่า "นอกจากนี้แล้ว คุณเป็นหนี้ตัวเองมากพอ ๆ กับที่เป็นหนี้ครอบครัวของคุณ เมื่อคุณจากโลกนี้แล้ว การลงทุนเพียงอย่างเดียวที่สำคัญคือ สิ่งที่คุณเก็บไว้สำหรับอีกโลกหนึ่ง"

ผู้สัมภาษณ์ได้ถามต่อไปว่า "คุณได้มอบทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งให้กับครอบครัวและอีกครึ่งหนึ่งให้การบริจาค คุณเก็บค่าใช้จ่ายอะไรไว้บ้าง? บ้าน? ฟาร์ม? เงินเดือน?" “เปล่า ไม่มีอะไร!” เขาตอบด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สวยงามและสงบ "ผมอายุแปดสิบแล้ว! ผมไม่ต้องการอะไรอีก ขอเพียงเงินค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล และค่าเดินทาง ซึ่งผมพยายามที่จะเก็บไว้ให้น้อยที่สุด ผมสบายดี!" "เป็นมหาเศรษฐีไร้เงิน! คุณรู้สึกยังไงบ้าง” เขายิ้มอีกครั้ง ด้วยตาที่เริ่มฝ้าฟาง "ผมรู้สึกเบา! ผมรู้สึกเป็นอิสระ! ผมรู้สึกว่า เป็นเหมือนนก ... เมื่อใดก็ตามที่อัลลอฮ์ทรงเรียกหาผม ผมสามารถยืนต่อเบื้องพระพักตร์ของพระองค์ได้โดยไม่มีข้อกังขาใด ๆ"

คุณปู่ Sheikh Sulaiman ได้รับพระราชทานรางวัล King Faisal International Prize ประจำปี พ.ศ. 2555 จากการอุทิศทรัพย์สินครึ่งหนึ่งเพื่อการกุศล ก่อตั้งธนาคารอิสลาม สนับสนุนงานการกุศล และดำเนินโครงการต่าง ๆ ในระดับชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ Blockdit : THE STATES TIMES 
👉 https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32