พ่อแม่เศร้า! ลูกสาววัย 16 ดับ หลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มสอง

ครอบครัวเศร้า! ลูกสาววัย 16 ปี ดับ ติดใจสาเหตุเสียชีวิต หลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มสอง แพทย์ระบุผลชันสูตรลิ่มเลือดอุดกั้นปอดทั้ง 2 ข้าง ร่วมกับติดเชื้อในกระเเสเลือด

5 พ.ย. 64 - ที่วัดศรีล้อม (แสงเมืองมา) ต.เวียงเหนือ เทศบาลนครลำปาง ภายในศาลาคำมวนประชารังสรรค์ ได้มีการตั้งบำเพ็ญกุศลศพของน้องอุ้ม หรือ น.ส.อรจิรา จรูญโรจน์ ณ อยุธยา วัย 16 ปี นักศึกษาชั้นที่ปี 1 สาขาคอมพิวเตอร์กราฟิก วิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปาง เป็นคืนที่ 2 โดยมีเพื่อน ๆ ในห้องเรียนทยอยมาร่วมงานและช่วยงานรับแขกที่มางาน

โดยนายธนพิชญ์ และนางอังคณา จรูญโรจน์ ณ อยุธยา พ่อกับแม่ของน้องอุ้ม ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า น้องอุ้มจากไปเร็วเกินไปไม่มีลางบอกเหตุใด ๆ ปกติอุ้มจะเป็นเด็กติดแม่ นอนก็นอนด้วยกัน ก่อนนอนก็จะหอมแก้มแม่ นอนกอดแม่ ไปไหนก็จะไปกับแม่ และไม่คิดว่าลูกจะต้องมาเสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน Pfizer เข็มที่ 2

นางอังคณา เล่าว่า ก่อนหน้ากลุ่มผู้ปกครองที่อยู่ในกลุ่มไลน์ด้วยกันไม่ค่อยอยากให้ลูกฉีด ตนเองเป็นคนเกลี้ยกล่อมให้ผู้ปกครองยอมให้ลูกฉีด เพราะอยากเห็นลูกไปเรียนที่โรงเรียน ไปเที่ยว เข้าสังคมได้ตามปกติเหมือนคนทั่วไป ไม่อยากให้ลูกเป็นแกะดำของสังคม ให้ความร่วมมือกับนโยบายของรัฐบาล แต่ก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะมาเกิดขึ้นกับลูกสาวของตนเอง

น้องอุ้ม เข้ารับการฉีดวัคซีน Pfizer เข็มที่ 1 วันที่ 6 ต.ค. อาการปกติ และ มารับวัคซีน Pfizer เข็มที่ 2 เมื่อวันที่ 27 ต.ค. โดยมีคุณแม่ไปส่ง ฉีดเสร็จประมาณ 13.32 น. ก็กลับบ้าน ซึ่งตอนแรกอาการของลูกก็ปกติ แต่พอหลังจากนั้น ช่วงสายวันที่ 28 - 29 ต.ค. ลูกเริ่มปวดท้อง ท้องเสียต้องเข้าห้องน้ำ และมีอาการอาเจียนร่วมด้วย แม่คิดว่าลูกน่าจะเกิดอาการอาหารเป็นพิษ จึงไม่ได้คิดอะไร แต่ลูกก็ยังเข้าห้องน้ำ และอาเจียนเป็นน้ำเป็นระยะ ตลอดทั้งคืน จนลูกเริ่มอ่อนเพลีย แม่จึงให้ทานยาพาราเซตามอลทุก 4 ชั่วโมง และให้ทานโจ๊ก เกลือแร่ และซื้อยาแก้อาเจียนมาให้ทาน อาการท้องเสียเริ่มลดลง แต่อาเจียนยังมีเป็นระยะ

วันที่ 30 ต.ค น้องอุ้มเริ่มอ่อนแรง และ เริ่มมีอาการหายใจติดขัด หายใจทางจมูกไม่ได้ต้องหายใจทางปาก และเริ่มมีอาการอ่อนเพลียจนแม่ต้องค่อยประคองเพราะเริ่มลุกไม่ไหว กระทั่งบ่ายสองโมง แม่เห็นอาการน้องอุ้มไม่ดีเพราะหายใจเริ่มไม่ได้ จึง โทรเรียก 1669 ให้มารับตัวไป รพ.ลำปาง เมื่อไปถึงโรงพยาบาล หมอนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน ตรวจร่างกาย ระบุสาเหตุว่าน้ำตาลในเลือดสูงถึง 400 (เบาหวาน) และเกิดภาวะเลือดเป็นกรด และด้วยที่เริ่มหายใจเองไม่ได้ต้องเจาะคอใส่ท่อช่วยหายใจ ก่อนจะนำตัวเข้าห้อง ICU

จากนั้นครอบครัวได้ติดต่อสอบถามหมอ หลังลูกนอนรักษาตัวที่ รพ. 1 คืน หมอบอกว่า ลูกติดเชื้อในกระแสเลือด ต่อมาหมอบอกว่าความดันต่ำ และภาวะเม็ดเลือดขาวมากกว่าเม็ดเลือดแดง หัวใจเต้นผิดจังหวะต้องใช้เครื่องปั๊มหัวใจ จนกระทั่งเช้าวันที่ 3 พ.ย. หมอก็บอกว่าหัวใจน้องหยุดเต้น รวมเข้ารักษาที่ รพ.ประมาณ 3 คืน (บ่ายวันที่ 30 ต.ค. - เวลา 09.00 น. วันที่ 3 พ.ย.) ซึ่งผลการชันสูตรเบื้องต้นที่โรงพยาบาลได้ระบุสาเหตุการเสียชีวิตของน้องอุ้มว่า ลิ่มเลือดอุดกั้นปอดทั้ง 2 ข้าง ร่วมกับการติดเชื้อในกระเเสเลือด

พ่อแม่ของน้องอุ้ม เปิดเผยว่า ระหว่างที่รับศพน้องออกจากโรงพยาบาล ตนเองได้สอบถามหมอ หมอก็ได้บอกด้วยปากเปล่าว่าอาการลักษณะนี้ก็อาจเกิดจากผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีน แต่ในใบรับรองการเสียชีวิตกลับไม่มีระบุเรื่องวัคซีนเลย และที่สำคัญครอบครัวของตนเองไม่มีกรรมพันธุ์เป็นเบาหวานและน้องก็ไม่เคยเป็นเบาหวาน แต่ทำไมหมอถึงบอกว่าลูกเป็นเบาหวานมีน้ำตาลสูงถึง 400 ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาสอบถามเรื่องราวใด ๆ เลย อยากให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ อย่างน้อยก็มาช่วยเยียวยาครอบครัวของตนเองบ้างเพราะเชื่อว่าการเสียชีวิตของลูกเกิดจากผลข้างเคียงของวัคซีน ซึ่งยอมรับว่าทำใจยากมากที่ลูกจากไปเร็วแบบนี้

ขณะที่เพื่อน ๆ ในห้องเรียนที่ร่วมงานและมาช่วยงานศพ ก็บอกว่าในห้องเรียนมี 1 คนไม่ยอมฉีดวัคซีน ส่วนที่เหลือฉีดทุกคน โดยคนอื่น ๆ ก็จะมีอาการเล็กน้อย เช่น เจ็บบริเวณแขน และมีไข้บ้างเท่านั้น ซึ่งก็ตกใจมากที่เพื่อนเสียชีวิต เพราะเป็นช่วงที่เรียนออนไลน์ที่บ้านจึงไม่ได้เจอกัน แต่อุ้มเป็นเพื่อนที่ดีชอบช่วยเหลืองานเพื่อนเสมอ ทุกคนก็เสียใจมากที่เพื่อนจากไปเร็วแบบนี้


ที่มา : https://www.thaipost.net/news-update/19046/